กาญจนบุรี!!เอส ซี จี “พร้อมหน่วยกู้ภัยทางหลวง”ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในฝั่งเมียนมา”

กาญจนบุรี ไม่เคยทิ้งกันเพื่อนบ้านเดือดร้อน!! เอส ซี จี พร้อมหน่วยกู้ภัยทางหลวง ร่วมแรง ร่วมใจ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในฝั่งเมียนมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจทางหลวงกาญจนบุรี ร่วมกับกู้ภัยตำรวจทางหลวงกาญจนบุรี กู้ภัยตำรวจทางหลวงจังหวัดร้อยเอ็ด 20 กว่าชีวิต นำเครื่องอุปโภค บริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง เดินทางนำสิ่งของมามอบให้ผู้ประสบอุทกภัยประเทศเมียนมา โดยได้การสนับสนุนสิ่งของบริจาคจาก เอส ซี จี โรงงานวังศาลา อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี หจก.จรรโลงพานิชย์ บริษัทวรรณพล บริษัท โซล่า แอสฟัลท์ จำกัด พร้อมด้วยพี่น้อง พ้องเพื่อน บริษัท ห้างร้าน ต่างๆ ประชาชนชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมสมทบเสื้อผ้า สิ่งของต่างๆ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สื่อมวลชน ร่วมเดินทาง โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์เขตสังขละบุรี ให้การต้อนรับ พร้อมร่วมเดินทางเข้าไปมอบสิ่งของให้พี่น้องชาวเมียนมา โดยผ่านช่องชายแดนพิเศษด่านเจดีย์สามองค์ เป็นกรณีพิเศษ ได้รับความอนุเคราะห์ จากผู้นำทหาร KNU และว่าที่ผู้สมัคร สส.ประเทศเมียนมา อนุญาตให้ทางสื่อมวลชน กู้ภัยตำรวจทางหลวงกาญจนบุรี -จังหวัดร้อยเอ็ด มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เดินทางเข้าไปช่วยเหลือมอบสิ่งของ เครื่องอุปโภค บริโภค เสื้อผ้า ฯลฯ ให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย

สำหรับรถที่เช้าไปทุกคันจะต้องเปลี่ยนป้ายทะเบียนก่อน ส่งผู้นำทางร่วมขบวนและคอยประสานงานและอำนวยความสะดวก ความปลอดภัยตลอดเส้นทาง โดยมีระยะทางจากชายแดนอำเภอสังขละบุรี ออกไปกว่า 90 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางเดินทางไปด้วยความยากลำบาก เพราะรถในขบวนมีถึง 8 คัน เส้นทางค่อยข้างแคบ สลับกับเป็นหลุดเป็นบ่อ ตลอดเส้นทางมีร่องรอยของความเสียหายจากน้ำท่วม บางพื้นที่น้ำแห้ง และพึ่งเริ่มแห้ง ประชาชนทำความสะอาดเข้าพักอยู่อาศัย การเดินทางต้องใช้ระยะเวลาการเกินทางถึงที่ผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมหนัก ใช้เวลากว่า 2 ชม.ต้องวิ่งเลนขวาตลอด ซึ่งทางประเทศไทยต้องวิ่งซ้าย และประเทศเขาการขับขี่ไม่เหมือนประเทศเรา ต้องใช้ความระมัดระวังสูง ประกอบกับเส้นทางวิ่งลัดเลาะไปตามภูเขามีฝนตกตลอดเส้นทางมีดินสไลด์ จนเมื่อการเดินทางไปมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยก็ไม่สามารถไปต่อได้

เนื่องจากเกิดปัญหาหมู่บ้านที่ทางทีมคณะกู้ภัยตำรวจทางหลวง มูลนิธิพักษกาญจน์ ถูกตัดขาดจากน้ำป่าไหลหลากทำให้ถนนขาด และยังมีกระแสน้ำเชี่ยวกราด รถไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ ทางผู้นำทางจึงประสานมายังทีมคณะช่วยเหลือว่าชาวบ้านบางส่วนได้เดินทางออกมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านผู้ใหญ่ แห่งหมู่บ้านทรายขาว และบ้านใกล้เคียงที่สามารถพักหลับนอนได้ เนื่องจากจุดนี้น้ำเริ่มแห้ง และเริ่มคลี่คลาย ทางเจ้าหน้ากู้ภัยตำรวจทางหลวง ก็ได้พูดคุยและตกลงกัน ถ้าเกิดเข้าไปให้ถึงอาจเกิดอันตรายได้ มี่สำคัญเราไม่สามารถถึงด่านชายแดนอำเภอสังขละบุรี มืดเกินได้ ด้วยกฏระเบียบประเทศเมียนมา ไม่เหมือนประเทศไทย จึงส่งมอบสิ่งของต่างๆที่บริษัทต่างๆ พี่น้อง พ้องเพื่อน และประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด ให้กลับผู้ใหญ่บ้านทรายขาว โดยมีชาวบ้านบางส่วนที่ประสบอุทกภัยร่วมรับมอบสิ่งของ

 

หลังจากมอบสิ่งของทางทีมคณะกู้ภัยและสื่อมวลชน มองเห็นได้ชัดถึงจะฟังภาษาเขาไม่ออก ถึงจะมีคนแปลภาษา แสดงถึงความดีใจ และขอบคุณ ถึงมิตรไมตรีที่พี่น้องคนไทยไม่ทิ้งพวกเขาถึงไม่ใช่สัญชาติเดียวกัน พร้อมทั้งยกมือไหว้ ขอบคุณ จับมือ ที่บุกลุยกันเข้ามาช่วยทั้งที่หมู่บ้านแห่งนี้และหมู่บ้านข้างในที่ไม่สามารถเข้าไปได้ ต้องใช้เรือแต่ก็ต้องระวังเพราะน้ำยังแรงมาก เพราะได้รับการช่วยเหลือไม่มาก เพราะยังมีอีกหลายที่ที่ประสบหนักเช่นเดียวกันในประเทศเมียนมา จากนั้นทางสื่อมวลชน ขอให้ผู้นำทางพาไปดูทางที่ดูตัดขาดรถไม่สามารถเข้าถึงได้และยังมีน้ำไหลแรงอยู่ โดยทางผู้ใหญ่ และผู้นำทางจึงพาทางทีมกู้ภัยบุกเข้าไปดู แต่รถก็ไม่สามารถเข้าถึงที่ได้ ต้องใช้การเดินเท้าเข้าไป จนพบว่ายังมีชาวบ้านบางส่วนนั่งก่อกองไฟอยู่ริมน้ำเพื่อหุงหาอาหารกินกัน โดยตลอดการเดินทางเข้ามีชาวบ้านเด็กชาวพม่า กะเหรี่ยง เมื่อเห็นทางคณะเดินทางบุกเข้ามาต่างออกมายืนดูและรอ โดยมีทางผู้ใหญ่ได้เดินทางเข้ามาด้วยและกล่าวผ่านล่ามว่าทุกคนที่ออกมายืนรอ ขอขอบคุณทีมคณะกู้ภัยตำรวจทางหลวงกาญจนบุรี – จังหวัดร้อยเอ็ด และคนไทยที่มาช่วยเหลือ โดยสิ่งของทั้งหมดผู้ใหญ่บ้านรับหน้าที่ และหาวิธีเข้าไปมอบและแจกจ่ายกับผู้ประสบอุทกภัยอย่างทั่วถึงถ้าหากน้ำลดกว่านี้ ก่อนทางทีมกู้ภัย พร้อมสื่อมวลชน ขอเดินทางกลับเพราะต้องใช้เวลานานกว่าจะถึงชายแดนกลัวจะมืดเกินจะไม่สามารถออกข้ามพรมแดนได้ จนกระทั้งคณะเดินทางมาถึงด่านพรมแดนไทย – เมียนมา โดยการเดินทางไปกลับระยะทางกว่า180 กิโลเมตร ก่อนข้ามพรมแดน ทางทีมเดินทางร่วมบริจาคกล่าวขอบคุณทางผู้นำทหาร และผู้ใหญ่ในฝั่งประเทศพม่าที่ติดกลับด่านเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ที่ช่วยอำนวยความสะดวก ก่อนเดินทางข้ามพรมแดนและเดินทางกลับมายังฝั่งด่านเจดีย์สามองค์ ประเทศไทยด้วยความสวัสดิภาพ

ทีมข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์ รายงาน

Loading