วันพฤหัสบดี, 18 เมษายน 2567

รวบหนุ่มเพชรตระเวนจำนำทองปลอม”หลังก่อเหตุมาแล้วหลายจังหวัด”

10 ก.ย. 2019
11

ราชบุรี  รวบหนุ่มเพชรตระเวนจำนำทองปลอม หลังก่อเหตุมาแล้วหลายจังหวัด

เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 10 กย. 62 พ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ ผกก.สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี พ.ต.ท.ชินโชติ โชตฺสิริ สวป. พ.ต.ต.ชุมพล สุขภัคดี สว.สืบสวน สภ.จอมบึง นำตัวนายชวลิต จิตต์เย็น อายุ 51 ปี เลขที่ 30 หมู่ 1 ต.วังตะโก อ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี พร้อมด้วยของกลางทองคำรูปพรรณปลอม หนัก 3 บาท จำนวน 2 เส้น มาทำการสอบสวนขยายผล หลังจากนำทองคำรูปพรรณปลอมมาจำนำ โดยพนักงานแจ้งให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจที่เฝ้าร้านทองเยาวราช สาขาจอมบึง จับกุมขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังประชุมร่วมกับผู้ประกอบการร้านทองใน อ.จอมบึง เพื่อให้ร่วมกันสังเกตและป้องกันคนร้ายที่จะมาก่อเหตุในรูปแบบต่างๆ

จากการสอบสวนนาย ชวลิต จิตต์เย็น ผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้นำทองคำรูปพรรณปลอมไปจำนำตามร้านทองจริง ตนมีอาชีพทำงานก่อสร้าง แต่ป่วยเป็นวัณโรค ในการนำทองคำปลอมไปจำนำทุกครั้งเพื่อนจะเป็นผู้ทำทองคำปลอมโดยทำเป็นทองรูปพรรณ ลายห่วงคู่ น้ำหนัก 3 บาท ซึ่งจะนำ ตะขอ และช่วงที่เป็นลายต่อจากตะขอขึ้นมาข้างละประมาณ 10-15 ข้อ จะเป็นทองคำแท้ ส่วนที่เหลือทั้งเส้นจะเป็นเงิน หรือแสตนเลตแล้วนำมาชุบทองให้หนา และให้น้ำหนักเท่ากับทองจริง ร้านทองจะได้ไม่สงสัย จากนั้นตนจะนั่งรถตู้ไปตามจังหวัดต่างๆ พร้อมทั้งดูทำเลที่ร้านทองไม่ใหญ่มีคนอยู่น้อยและไม่มีตำรวจ ก่อนถูกจับกุมตนได้เลือกมาร้านทองเยาวราช องจอมบึง จ.ราชบุรี และเข้าไปในร้านนำทองคำปลอมที่เตรียมมายื่นให้กับพนักงานแล้วบอกว่าเอาทองมาจำนำ 3 บาท ต้องการเงิน 50,000 บาท พนักงานได้นำทองคำมาทำการตรวจสอบและป้ายน้ำยา พบว่าบริเวณกลางเส้นมีสีผิดปกติจึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาจับกุม ซึ่งตนได้ทำลักษณะนี้มาหลายครั้งมีที่ กรุงเทพฯ จ.สมุทรปราการ จ.ราชบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกจับกุมและเคยถูกจำคุกในการทำแบบนี้มาแล้ว

นางทัษมาลี สวัสดิหิรัญกิจ อายุ 47 ปี เจ้าของร้านทองดีจอมบึง นางสมมาศ สารากาญ อายุ 63 ปี เจ้าของร้านทองแม่สมมาศ ได้เดินทางมาดูผู้ต้องหาและยืนยันว่าเป็นคนที่นำทองคำรูปพรรณปลอมมาจำนำที่ร้าน พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้ทราบจากไลน์กลุ่มร้านทองว่า ถ้าเป็นลายห่วงคู่ให้ระวัง จึงมาเช็คทองที่ได้รับจำนำไว้พบว่าเป็นทองปลอม พฤติกรรมของคนร้ายรายนี้จะนำทองคำรูปพรรณปลอมมายื่นจำนำ โดยผู้ต้องหาใช้บัตรประชาชนจริง ซึ่งการเช็คเบื้องต้นมีน้ำหนักตรง และตรวจสอบทองคำดังกล่าว นำมาขูดแล้วป้ายน้ำยาพบว่าเป็นทองคำจริง แต่ไม่ได้ตรวจสอบทั้งเส้น จึงไม่ได้สงสัยก็ได้รับจำนำไว้ ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.จอมบึง ได้เรียกร้านทองมาร่วมประชุมเพื่อป้องกันระวังคนร้าย และมีร้านทองที่เคยโดน ส่งไลน์กลุ่มมาให้ดูซึ่งในกลุ่มเจ้าของร้านห้างทองเยาวราช สาขาจอมบึง แจ้งว่า มีคนชื่อเชาวลิต ใจเย็น นำทองปลอมมาขายลายห่วงคู่ หนัก 3 บาท และกำลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ตนจึงได้กลับไปที่ร้านค้นประวัติดูพบว่า เป็นคนร้ายรายเดียวกันจึงเดินทางมาดูที่ สภ.จอมบึง พร้อมทั้งยืนยันว่าเป็นคนที่นำทองปลอมมาจำนำ

ซึ่งพฤติกรรมของคนร้ายนั้นก็เหมือนคนปกติทั่วไปไม่มีการหวาดกลัวหรือท่าทีหวาดระแวงใด ๆ โดยเดินเข้ามายื่นจำนำ ทองคำที่คนร้ายนำมานั้นทำได้แนบเนียนมากเหมือนทุกอย่างน้ำหนักก็ตรง เช็คเบื้องต้นพบว่าเป็นของจริงแต่ถ้าขูดลึกๆแล้วจะพบผิดปกติ ถ้าจะให้ชัดเจนต้องตัดและเผาไฟ จึงขอฝากเตือนถึงร้านทองว่าถ้าเป็นทองห่วงคู่ 3 บาท ต้องเช็คให้แน่ ๆ ต้องตรวจสอบทั้งเส้น อย่าตรวจเฉพาะตะขอ คาดว่าคนที่ทำน่าจะมีความรู้กับเรื่องการทำทองรูปพรรณเป็นอย่างดี

ด้าน พ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ ผกก.สภ.จอมบึง เปิดเผยว่า ผู้ต้องหารายนี้ น่าจะมีมากกว่า 1 คน เนื่องจากดูพฤติกรรมแล้วไม่น่าจะสามารถทำได้เพียงคนเดียว โดยมีคนทำให้และให้ผู้ต้องหาเดินจำนำ เนื่องจากทองที่เอามาก่อเหตุนั้น น้ำหนักและลายเป็นแบบเดียวกันหมด อย่างที่จับกุมได้วันนี้ในพื้นที่ของ สภ.จอมบึง มีร้านทองโดนก่อเหตุลักษณะแบบนี้ 2 ราย ซึ่งมีลักษณะการก่อเหตุแบบเดียวกัน ซึ่งทำสำเร็จแล้ว 1 ราย เมื่อวันที่ 6 ก.ย. และวันนี้ก็สามารถจับกุมได้ขนาดพยายามฉ้อโกง ซึ่งทองปลอมที่นำมาก่อเหตุถือว่าทำได้มีฝีมือมาก เนื่องจากมีการนำทองปลอมชุบตรงบริเวณตรงตะขอ และก็มีการตีตราร้านทอง บริเวณเลยจากตะขอเป็นทองแท้ต่อจากตรงนั้นจะชุบทองให้หนา เมื่อร้านทองมานำตะขอมาฝนก็จะเห็นว่าเป็นทอง เบื้องต้นจากการพิสูจน์ในการนำมาฝนกับหินแล้วนำน้ำยามาหยอดก็ดูว่าเป็นทองแท้ ซึ่งต้องตัดข้อสร้อยดูถึงจะรู้ว่าไม่ใช่ทอง ก็แสดงว่าผู้ที่เป็นคนทำทองปลอมมาให้ผู้ก่อเหตุเป็นคนมีลักษณะฝีมือดีมาก ซึ่งตัวผู้ก่อเหตุก็ย่ามใจในการก่อเหตุมาหลายครั้ง ซึ่งตัวผู้ก่อเหตุเองก็เคยต้องคดีมาแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็มาก่อเหตุอีก เบื้องต้นเราให้ฝ่ายสืบสวนของ สภ.จอมบึง สอบปากคำอยู่ซึ่งทางผู้ก่อเหตุได้ให้การไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเท่าไหร่ เนื่องจากผู้ก่อเหตุรับสารภาพว่าทำเพียงคนเดียว ซึ่งพฤติกรรมดูแล้วไม่ใช่ซึ่งทางเราก็จะต้องตรวจสอบต่อไป ตั้งแต่ในเรื่องของการไล่กล้องวงจรปิด ว่าเขามาอย่างไร มารถอะไร จริงอย่างที่เขาพูดไหม ซึ่งตรงนี้ต้องดำเนินการสอบสวนต่อไป เบื้องต้นผู้ก่อเหตุได้ยอมรับสารภาพว่าทำมาแล้ว 3 พื้น ในเขต สภ.จอมบึง 2 ที่ และในเขตของ สภ.โพธาราม 1 ที่ และผู้ก่อเหตุยังได้รับสารภาพว่าได้ก่อเหตุมาแล้วหลายจังหวัด เช่นในพื้นที่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และราชบุรี ซึ่งแสดงว่าผู้ก่อเหตุได้ตระเวรก่อเหตุมาทั่ว

ผกก.สภ.จอมบึง ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนผู้ก่อเหตุในเบื้องต้นจะถูกตั้งข้อหาพยายามฉ้อโกง เพราะว่าวันนี้เจตนาเขายังไม่สำเร็จ คือทางเจ้าของร้านทองยังไม่ได้จ่ายเงินให้ผู้ก่อเหตุ วันนี้ผู้ก่อเหตุจะถูตั้งข้อหาเบื้องต้นว่าพยายามฉ้อโกง แต่ว่าก็ยังมีคดีอื่นที่ทางพนักงานสอบสวนต้องไล่สอบสวนเพื่อตั้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้ก่อเหตุอย่างเช่นที่ทำสำเร็จไปแล้ว 2 ราย ก็คือที่ อ.โพธาราม และที่ อ.จอมบึง ก็อยากฝากเตือนร้านทองทั่วไป ให้ตรวจสอบดูให้ดีก่อน ซึ่งทองปลอมที่ผู้ก่อเหตุนำมาก่อเหตุนั้น ถ้ามองทั่วไปก็ปกติ เช่นน้ำหนักก็ปกติ ลายทองก็ปกติก็เหมือนทองทั่วไป ซึ่งร้านทองถ้าให้มั่นใจไม่ใช่ฝนอย่างเดียวแล้วก็จะรู้เลยว่าทองปลอมหรือไม่ เพราะทุกวันนี้คนร้ายได้พัฒนาวิธีต่างๆ เพื่อมาหลอกกับทางร้านทอง ซึ่งทางร้านทองเองก็ต้องมีกรรมวิธีในการตรวจสอบให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันการก่อเหตุในลักษณะแบบนี้

 

หมายเหตุเนื้อข่าวยาวเพราะคำสัมภาษณ์ในส่วนของทีวีตัดคำสัมภาษณ์ทิ้งได้เลย แต่ในส่วนของเว๊บไซต์ข่าวตัดคำสัมภาษณ์ไม่ได้ครับ

สุจินต์ นฤภัย(เต้)

Loading