แรงงานเมียนมา”บอกไม่เชื่อนายจ้าง ในการจ่ายเงินค่าแรง”

กาญจนบุรี แรงงานเมียนมา บอกไม่เชื่อนายจ้างโรงงานไวต้าฟู้ด ในการจ่ายเงินค่าแรง เพราะเป็นอย่านี้มาตลอด พบบางรายสามีภรรยายอดเงินค้างเกือบแสนบาท และทั้งหมดจึงพากันมาพึ่งศาลเดิมจะเข้ากรุงเทพฯ แต่เปลี่ยนเส้นทางการไปยังศาลแรงงานภาค 7 แทน โดยมี ทนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เดินทางไปร่วมดูให้กับแรงงาน ทนายอัจฉริยะ บอกว่าที่เปลี่ยนเพราะรถที่จ้างไว้ทั้งหมดถูกตรวจเข็มเส้นทางเข้า กทม. ไม่ให้แรงงานกลุ่นนี้ผ่านเข้าไป ส่วนมาที่ศาลแรงงานเพื่อแจ้งให้ดำเนินการเพื่อเป็นบรรทัดฐาน กับนายจ้าง เท่านั้น และเจ้าของมีตำแหน่งใหญ่โต แต่ค้างค่าจ้าง จะไปนั่งประชุมได้อย่างไร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศที่บริเวณศาลภาค 7 ถนนแม่น้ำแม่กลอง ตำบลปากแพรกอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี แรงงานชาวเมียนมา จากโรงงานไวต้าฟู้ด ประมาณ 300 คน ที่ยังไม่ได้เงินเดินทางมายังศาลแรงงานภาค 7 จังหวัดกาญจนบุรี แทน โดยแรงงานทั้งหมดได้ทยอยเดินทางด้วยรถกระบะ และรถจักรยานยนต์ ไปถึงศาลตั่งแต่เวลา 04.00 น.

ซึ่งก่อนหน้านี้นายอัจฉริยะ ได้โฟสต์ว่าจะพาแรงงานทั้งหมดนี้เดินทางไปยังกระทรวงแรงงานด้วยรถบัสจำนวน 10 คัน แต่รถที่ได้นำมายังไม่ถึงโรงงานไวต้าฟู้ด และแรงงานทั้งหมดได้เปลี่ยนเดินทางมายังศาลภาค 7 กันหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อกับ นายอัจฉริยะ ได้แจ้งว่ากำลังเดินทางมายังศาลแรงงานภาค 7 เช่นกัน แต่ไม่ยอมให้รายละเอียดที่แรงงานทั้งหมดเปลี่ยนการเดินทางเข้า กทม. มาเป็นศาลแรงงานภาค 7 โดยบอกว่าเดี๋ยวกำลังเดินทางไปยังศาลภาค7 แล้วขาดการติดต่อไป หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบ ส่วนบรรยากาศในศาลภาค 7 เวลานี้เต็มไปด้วยแรงงานเมียนมา เพื่อรอศาลเปิดทำการ

ล่าสุด ทนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ พร้อมทีมงานได้เดินทางไปถึงศาลเวลาประมาณ 10.00 น. จากนั้นได้พูดคุยกับทางแรงงาน ที่ไปพักอยู่ด้านหลังศาลจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ในรั้วเดียวกับศาลแรงงานภาค 7 ก่อนเดินเข้าไปภายในศาลแรงงานเพื่อเจรจาพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ภายในศาลแรงงานภาค 7

โอกาสนี้ ทนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้กล่าวว่า ไม่ทราบถึงเจ้าของกิจการโรงงานไวต้าฟู้ด จริงๆ ว่าทำไมถึงไม่จ่ายค่าแรงให้แก่แรงงานให้หมด ลูกก็เป็นหมดคนดัง เงินก็มีมากมายเอาไปซ่อนทำไมไม่จ่ายให้หมดไปทีเดียว ตนเองจะได้ไม่ต้องมาดูแลเรื่องนี้อีก ไปทำงานอย่างอื่นยังมีอีกมากมาย นายจ้างมาบังคับให้ทำงานหากไม่ทำก็จะไม่จ่ายค่าแรง ถือว่าเป็นแรงงานบังคับตามมาตรา 6/1 จำคุกไม่เกิน 6 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ต่อแรงงาน 1 คน ซึ่งวันนี้ได้เตรียมไว้ 5 ปาก และ พรบ. นี้เป็นตัวลูกของข่ายการค้ามนุษย์ ทางบริษัทมันไม่มีอะไรแน่นอน เรื่องนี้ออกมาพูดกันลอยๆ ก็รู้สึกยินดีที่ทางฝ่ายนายจ้างได้ตื่นตัว นำเงินค่าจ้างออกมาจ่ายไปแล้วบางส่วน แต่ก็ยังเหลืออยู่อีก แต่จริงๆ แล้วเงินก็ไม่ใช่มากมายนัก หากตรงไปตรงมาน่าจะจ่ายค่าแรงได้

ทนายอัจฉริยะ ยังบอกอีกว่าเจ้าของโรงงานลูกเป็นหมอ ตัวเองเป็นถึงนายกสมาคมฯ ได้รางวัลต่างๆมากมาย โดยเฉพาะบุคคลดีเด่น ในเมื่อเข้าประชุมจะไปพูดให้ในที่ประชุมได้อย่างไร เมื่อตนเองไม่ยอมจ่ายค่าแรงงาน และในวันนี้ที่มาก็เพื่อให้ทางศาลแรงงานดำเนินคดีเพื่อเป็นบรรทัดฐาน โอกาสต่อไปจะได้จ่ายให้กับแรงงานตามที่นัดให้ตรง คาดว่าเงินทั้งหมดไม่น่าจะเกิน 10 ล้าน จ่ายแล้วก็จบ แรงงานก็ไปทำงาน นายจ้างก็ไปทำงานปกติ จะมาบอกไม่มีเงินไม่น่าใช่เพราะสินค้ามีการออกจำหน่ายสินค้าตลอด เท่าที่ติดตามตรวจสอบมา กรรมวิธีการผลิตภัณฑ์ของทางโรงงานจะมีรายได้ทุกส่วนแต่ทำไมไม่มีเงินจ่ายค่าแรงตนเองสงสัยมากเลย และการร้องกล่าวโทษกำลังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของทางศาลแรงงานจะออกมาอย่างไร ต้องใช้เวลาก่อน แต่อย่างไรก็ตามต้องให้แรงงานได้รับความเป็นธรรมในเรื่องค่าจ้างแรงงาน

นายปรีชา ไหลวารินทร์/ข่าวภูมิภาค /กาญจนบุรี

Loading