วันอังคาร, 23 เมษายน 2567

สังเวยพิษเศรษฐกิจ”ฆ่าตัวตายในรถ”หลังไฟแนนท์ยื่นคำขาดยึดรถ”ฟ้องศาล

สังเวยพิษเศรษฐกิจ ฆ่าตัวตายในรถหลังไฟแนนท์ยื่นคำขาดยึดรถฟ้องศาล


เหตุการณ์สลดพ่อเรียกลูกสาวคนโตให้ไปปลุกแม่ เรียกน้องเพื่อไปโรงเรียน แต่ต้องทรุดกองกับพื้นเมื่อพบว่าภรรยาใช้เตาถ่านรมควันภายในรถ ที่สุดสะเทือนใจเมื่อพบว่าลูกสาวคนเล็กวัย 11 ปี ดับคาอ้อมอกแม่ ส่วนแม่ยังหายใจรวยริน คาดปมเศรษฐกิจตกต่ำ รายได้ไม่พอรายจ่าย อีกทั้งไฟแนนท์ตามทวงยึดรถที่ใช้ทำมาหากิน
เมื่อเวลา06.30 น. วันที่ 18 กันยายน 2562 พ.ต.ต.นิพนธ์ ศรีไพบูลย์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.พัฒนานิคม อ.พัฒนานิคม ลพบุรี ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกรมควันภายในรถ ที่ร้านขายไม้เก่า ถ.สายลพบุรี-วังม่วง หมู่ที่ 9 ต.พัฒนานิคม ลพบุรี จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งได้ประสานแพทย์เวร รพ.พัฒนานิคมตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ลพบุรี นคร88 และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจุดพัฒนานิคม เดินทางไปยังจุดที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นร้านขายไม้เก่า พบมีชาวบ้านและญาติผู้เสียนั่งร้องให้ฟูมฟาย อยู่จำนวนหนึ่ง ที่ท้ายรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ สีขาว หมายเลขทะเบียน บม-7778 สระบุรี พบศพ ด.ญ.เอ(นามสมมุติ) อายุ 11 ปี สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีชมพู กางเกงขายาวสีดำ ใกล้กันพบเตาถ่านที่มอดแล้ววางอยู่ใกล้ศพ ซึ่งจากการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ ในเบื้องต้นน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า10-12 ชั่วโมง


จากการสอบสวนนายสุพิศ บุญหยาด อายุ 51 ปี สามีผู้เสียชีวิตทราบว่ายังมี นางพิสมัย บุญหยาด อายุ 50 ปี ภรรยา ซึ่งหมดสติจากการสูดดมควันภายในรถถูกนำตัวส่ง รพ.พระนารายณ์มหาราช ในอาการสาหัส โดยเมื่อช่วงเช้าได้บอกกับ น.ส.พรรณิดา บุญหยาด อายุ 26 ปี ลูกสาวคนโตให้ไปเรียกแม่ ปลุกน้องเพื่อไปโรงเรียน แต่หามาพบที่บ้าน ตนเองและลูกสาวจึงเดินออกตามหาจนมาพบว่าภรรยาและลูกสาวนอนอยู่ในรถ เมื่อเปิดประตูต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าลูกสาวตาย ภรรยาหายใจรวยริน

โดยนายสุพิศ ให้การว่าเมื่อสองคืนที่ผ่านมา ภรรยาและลูกสาวคนเล็กได้ขอนอนอีกที่ โดยไม่คิดว่าจะมีการวางแผนเพื่อฆ่าตัวเองตายพร้อมกับลูกภายในรถ ซึ่งสาเหตุมาจากเครียดปัญหาหนี้สินรุงรัง ตนเองและครอบครัวบ้านเดิมอยู่ ต.คำหรั่ง อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ย้ายประกอบอาชีพ ทำมาหากินภายในจังหวัดลพบุรีหลายสิบปี ทำทุกอย่างที่ได้เงิน แต่ระยะหลังเศรษฐกิจตกต่ำ ย่ำแย่ ค้าขายไม่ดี ชักหน้าไม่ถึงหลัง จนทำให้ภรรยาเครียด และที่สำคัญบริษัทไฟแนนท์รถ ได้ยื่นคำขาดจะยึดรถที่ภรรยารักมาก เพราะเป็นเครื่องมือในการออกทำมาหากิน จนทำให้อยากจะตายภายในรถที่ตนเองรัก ทั้งนี้สารวัตรเวรได้นำร่าง ด.ญ.เอ(นามสมมุติ) ส่งพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์รังสิตเฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อพบกับนายสุพิศ พ่อของผู้เสียชีวิต และสามีของผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งภายในบ้านมีเพียงญาติสนิท และลูกหลาน ที่เดินทางมาจาก จ.อุบลราชธานี ซึ่งบางส่วนต้องไปเฝ้าอาการของนางพิสมัย ที่ รพ.พระนารายณ์มหาราช ซึ่งยังอยู่ในห้องวิกฤติ ทีมแพทย์ต้องเฝ้าดูอาการนาทีต่อนาที เนื่องจากภาวะสมองขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน ในส่วนของศพของบุตรสาววัย 11 ปี ที่ส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์รังสิตเฉลิมพระเกียรตินั้น ได้รับแจ้งจาก นคร 88 จะนำร่างมาประกอบพิธีรดน้ำศพได้ในวันพรุ่งนี้เวลาประมาณ 14.00 น. ที่วัดซอย 23 ต.พัฒนานิคม ลพบุรี และจะประกอบพิธีฌาปณกิจศพในวันเสาร์ที่ 21 ก.ย. 62 นี้

ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ถามย้อนถึงประเด็นสาเหตุดังกล่าวกับนายสุพิศ สามีอีกครั้ง ซึ่งได้รับคำตอบเช่นเดิมว่า เมื่อบ่ายวันที่ 17 ก.ย. 62 ทางบริษัทไฟแนนท์รถยนต์ได้โทรติดต่อมาถึงค่างวดที่ล่วงเลยเข้างวดที่ 5 โดยไฟแนนท์ได้ยื่นคำขาดจะต้องส่งรถคืนภายในวันที่ 18 ก.ย.62 และจะส่งเรื่องฟ้องศาลภรรยาตนในฐานะผู้ครอบครองรถ ซึ่งนางพิษมัย ได้เดินมาคุยกับตนว่า พ่อเขาจะมาเอารถเราไปแล้วนะ ซึ่งตนเองก็ได้แต่ปลอบใจภรรยาว่า ให้เขาไปเถอะเพราะเราคงจะไม่มีปัญญาส่งแน่นอน มีโอกาสเราคงจะหาใหม่ได้

เช่นเดียวกันกับนายธงชัย ศรีสมบูรณ์ อายุ 45 ปี น้องชายนางพิษมัย ที่ได้รับโทรศัพท์ว่าเขาจะมาเอารถที่พี่รักไปแล้วนะ หากว่ารถคันนี้ไม่อยู่กับครอบครัวพี่ ตนเองก็จะไม่ขออยู่เช่นกัน ซึ่งนายธงชัย ก็ได้แต่ปลอบใจ และไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง ซึ่ง ทั้งสามี และน้องชายเล่าพ้องกันว่า รถยนต์คันนี้เป็นรถยนต์คันแรกในชีวิต ซื้อในช่วงปี 2554 ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ซื้อรถยนต์แล้วสามารถนำไปขอคืนภาษีกับกรมสรรพสามิตได้สูงสุดถึง 100,000 บาท ร่วม 10 ปี ที่ผ่านตนเองและครอบครัวมีฐานะที่ดี มีเงินพอใช้จ่ายในครอบครัว จนสามารถขยายกิจการได้พาญาติพี่น้องใน จ.อุบลราชธานี ร่วมลงทุนจนเติบโตมั่นคง

จนเมื่อตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจเริ่มย่ำแย่ ค้าขายไม้ไม่ค่อยได้เช่นเดิม จนต้องปิดกิจการใน จ.สระบุรี ปรึกษากับภรรยาว่ารถเราน่าจะเอารถเราไปเข้าไฟแนนท์นำเงินมาเพื่อลงทุน ใช้หนี้และเป็นค่าใช้จ่าย จนเงินค่างวดพร้อมดอกเบี้ยเพิ่มพูนขึ้นมากตามลำดับ และเมื่อเดือนกรกฎาคม 62 หลังจากปิดกิจการในหลายที่ ได้มาขอเช่าที่ใกล้น้องภรรยาที่รับซื้อยางเก่า และปะยางรถยนต์ ในพื้นที่ ต.พัฒนานิคม ในราคา ปีละ 35,000 บาท ที่เกิดเหตุ ซึ่งยังค้างค่าเช่าที่อีก 15,000 บาท ยังไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหนเช่นกัน เพราะตั้งแต่ย้ายเข้ามาร่วม 4 เดือน รายได้ยังไม่ถึงหมื่นบาท

โดยนายสมพิศได้กล่าวทิ้งท้ายว่า นางพิษสมัย ภรรยา รักรถคันนี้มากเพราะเป็นรถยนต์คันแรกที่มี และรถคันนี้ทำให้มีรายได้หาเลี้ยงครอบครัวมาได้จนทุกวันนี้ ไม่คิดว่าคนใจเข้มแข็งอย่างภรรยาตนเองจะมาคิดสั้น จนทำให้ลูกเสียชีวิต ตัวเองสาหัส ซึ่งคาดว่าภรรยาของตนเองจะขอตายในรถที่รักแม้ว่าจะเหลือเพียงวิญญานก็ตาม นับแต่ต่อไปนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไรในช่วงวิกฤติของบ้านเมืองขณะนี้

กฤษณ์ ลพบุรี

Loading