วันเสาร์, 27 เมษายน 2567

กาญจนบุรี!!นายกสมาคมศิษย์เก่าวิสุทธรังษี”แถลงการณ์วอนทุกฝ่ายร่วมแก้ปัญหาขัดแย้ง

กาญจนบุรี เริ่มส่อเค้าปานปลายแล้ว!! พล.อ.ดร.ชินวัฒน์ แม้นเดช นายกสมาคมศิษย์เก่าวิสุทธรังษี แถลงการณ์ วอนทุกฝ่ายร่วมแก้ปัญหาขัดแย้ง รร.วิสุทธรังษี ด้วยหลักเหตุผล รับสลดหดหู่ใจและกังวลใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อนตลอด115 ปี และในวันนี้ทางสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดกาญจนบุรี ก็ได้มีการหารือเกี่ยวกับกรณีที่สื่อไปทำข่าวแล้วถูกทำร้ายในเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้านี้ด้วยถือว่าเป็นการคุกคามสิทธิสื่อมวลชน โดยจะเข้าพบผู้ว่าฯ เพื่อกำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการในคดีนี้

จากกรณีนายรพี ชำนาญเรือ แกนนำประชาชนเพื่อประชาชน ได้นำรถยนต์ติดป้ายร้องเรียนพฤติกรรมไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมของ นายหงษ์ดี ศรีเสน ผู้อำนวยการโรงเรียนวิสุทธรังษี ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี โดยหยิบยกกรณี เงินเดือนครูและบุคลากรในโรงเรียนไม่ได้รับมา 2 เดือน รวม 2.4 ล้านบาท, ไม่ได้จ่ายค่าไฟให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.กาญจนบุรี กว่า 3 ล้านบาท และเงินในโครงการวิ่งการกุศลอีก กว่า 1 ล้านบาท หายไป โดยนำเงินหลวงเข้าบัญชีส่วนตัว ด้วยสาเหตุดังกล่าวจึงต้องออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณ ทวงความจริง ความถูกต้อง และความเป็นธรรมให้กับสังคม

ต่อมานายหงส์ดี ศรีเสน ผอ.โรงเรียนวิสุทธรังษี ได้ออกมาพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกับนายรพี โดยมีกลุ่มผู้สนับสนุนนายหงส์ดี จำนวนหนึ่ง ร่วมเดินทางมาด้วย หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายต่างทยอยสลายตัวจากจุดที่ชุมนุม และหลงเหลือผู้ที่มายืนดูเหตุการณ์เพียงไม่กี่คน ปรากฏว่า ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น โดยมีชายฉกรรจ์ ซึ่งเป็น 1 ในกลุ่มผู้สนับสนุน นายหงษ์ดี ศรีเสน ผู้อำนวยการโรงเรียนวิสุทธรังษี ได้ปรี่เข้าไปชกใบหน้า นายศุภชาติ ถนอมมิตร อดีต ผอ.รร.เทพมงคลรังษี ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้ว จนหงายหลังล้มหัวฟาดพื้น

โดย นายศุภชาติ ไม่ได้อยู่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพียงแต่มีบ้านพักอยู่ติดรั้ว รร.วิสุทธรังษี และออกมายืนดูเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นเท่านั้น ขณะที่ผู้สื่อข่าวท้องถิ่น ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ และกำลังจะใช้กล้องถ่ายรูปที่สะพายติดตัวมาวิ่งตามไปบันทึกภาพหน้าตาของคนร้ายที่ปรี่เข้าชก นายศุภชาติ แต่กลับถูกชายฉกรรจ์อีกคนหนึ่งซึ่งในกลุ่มเดียวกันกับบุคคลดังกล่าวล็อคคอจนได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังมีผู้สื่อข่าวเคเบิ้ลทีวีในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ถูกลูกหลงไปด้วย โดยถูก 1 ในกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มเดียวกัน ชกเข้าหน้าอกและไหล่ ขณะกำลังข้ามถนนเพื่อกลับไปทำงานอื่นต่อ ซึ่งทั้งหมดได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ท่าม่วง เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแล้ว

แต่อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้เป็นชนวนเหตุทำให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นลุกลามบานปลาย จนขณะนี้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง ทำให้หลายฝ่ายเกิดความไม่สบายใจ ที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ 1 ต.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ดร.ชินวัฒน์ แม้นเดช นายกสมาคมศิษย์เก่าวิสุทธรังสี ได้มีคำแถลงการณ์ของสมาคมศิษย์เก่าวิสุทธรังษี เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดกาญจนบุรี ระบุว่า

“ผมต้องขออภัยต่อคณะกรรมการบริหารสมาคมฯและศิษย์เก่าที่เคารพรักทุกๆท่านครับผมติดไปรับภารกิจเป็นคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล(ตัวแทนของรัฐบาลในการเจรจากับกลุ่มผู้นำที่ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่จชต.)และรับทราบแนวนโยบายแห่งรัฐฯเพิ่งได้มีโอกาสเปิดไลน์ดูแล้วผมมีความสลดหดหู่ใจอย่างยิ่งและมีความกังวลใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนของเราเป็นอย่างมาก

เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเกียรติภูมิของโรงเรียนวิสุทธรังษีและศิษย์เก่าของสถาบันแห่งนี้อย่างไม่เคยมีมาก่อนตลอด115 ปีที่ผ่านมา ผมขอวิงวอนมายังทุกท่านได้โปรดใช้สติในการแก้ปัญหาใช้หลักเหตุผลและกระบวนการทางกฎหมายในการฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ เราทุกคนรักและห่วงใยต่อเกียรติภูมิของศิษย์หลวงปู่เปลี่ยนกันทุกๆคน ดังนั้นการกระทำใดๆที่จะกระทบต่อชื่อเสียงของโรงเรียนและเกียรติยศศักดิ์ศรีของศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันผมขอให้ทุกท่านได้โปรดคำนึงถึงให้มากๆและควรละเว้นสิ่งนั้น

กระบวนการตรวจสอบของสังคมถือเป็นการสร้างสมดุลของการบริหารของผู้บริหารของโรงเรียนและถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการตรวจสอบเพื่อถ่วงดุลกลไกการตรวจสอบตามกฎหมายและกฎระเบียบของกระทรวงฯมีอยู่ในทุกระดับอย่างชัดเจนขอเราจงช่วยกันให้กลไกเหล่านั้นทำหน้าที่อย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ

สมาคมศิษย์วิสุทธรังสี ถือกำเนิดมายาวนานควบคู่กับเกียรติภูมิของโรงเรียนวันนี้สมาคมศิษย์เก่าฯได้แยกออกมามีสถานะเป็นนิติบุคลตามกฎหมายและกำหนดแนวทางการดำเนินกิจกรรมของสมาคมฯ ใน 2 แนวทางหลักคือ

1.ดำเนินการหนุนเสริมให้ศิษย์ปัจจุบันและโรงเรียนมีศักยภาพในการแข่งขันเพื่อความเป็นเลิศในระดับประเทศและระดับภูมิภาคอาเซี่ยน และ 2.ดำเนินกิจกรรมเพื่อเป็นศูนย์รวมความรักความสามัคคีเพื่อความเป็นปึกแผ่นกลมเกลียวกันของศิษย์เก่าลูกหลวงปู่เปลี่ยนทุกคนทุกท่านเพื่อสร้างศักยภาพของศิษย์เก่าของเราทุกท่านทุกรุ่นเพื่อดำรงไว้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีแห่งเราศิษย์หลวงปู่เปลี่ยนทุกท่าน(หากเราไม่รักกันใครจะรักเราหากเราไม่ช่วยเหลือกันช่วยเหลือโรงเรียนของเราอย่าหวังว่าใครจะมาช่วยเราหรือรักเราอย่างที่เรารักกัน)

ผมได้ยึดมั่นในการขับเคลื่อนสมาคมฯของเราร่วมกับคณะกรรมการบริหารสมาคมทุกท่านตามกรอบแนวทางที่ได้ขอจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลไว้ทุกประการสมาคมจึงไม่มีบทบาทในการเข้าไปตรวจสอบและก้าวก่ายการบริหารของคณะบริหารของโรงเรียนแต่อย่างใดหากสมาคมฯถูกขับเคลื่อนผิดบทบาทและเจตนารมณ์ตามที่กล่าวอาจเกิดความเสียหายร้ายแรงแก่สมาคมได้เช่นกัน

สำหรับงานที่สมาคมได้ทำไว้ให้กับโรงเรียนนอกจากที่สนับสนุนเงินในการสร้างสื่อการเรียนการสอนนับหลายแสนบาทแล้วยังมอบทุนการศึกษาให้กันศิษย์ปัจจุบันเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโอกาสให้ลูกหลานเราในการแข่งขันและให้ในของลูกหลานเราเป็นจริง

ที่สำคัญทางสมาคมได้ประสานงานกับผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาธิการเพื่อขอสร้างอาคารเรียนหลังใหม่รองรับการขยายตัวของศิษย์ปัจจุบันซึ่งเดิมที่จะให้ใช้งบฯเหลือจ่ายปลายปี 60 แต่รัฐ มนตรีท่านเก่าไม่อนุมัติทางท่านเลขา สพฐ.จึงเอาเข้างบแผนประจำปีและดำเนินการด้านกฎระเบียบของงบประมาณจนได้รับอนุมัติในปี 63 นี้ (ทางท่านปลัดกระทรวงท่านยืนยันเช่นนั้น)

ผมจึงอยากเรียนต่อทุกท่านด้วยความเคารพว่าทางสมาคมฯตระหนักในบทบาทของสมาคมและทำงานตามเจตนารมณ์ที่เราทุกคนมีร่วมกันอย่างแท้จริงในขณะเดียวกันก็กังวลและห่วงใยต่อสถานการณ์ที่กระทบต่อเกียรติภูมิของโรงเรียนและความรู้สึกของศิษย์เก่าทุกท่านไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ผมขอวิงวอนมายังทุกท่านจงใช้สติ และวิจารณญาณในการแก้ปัญหาให้กับโรงเรียนของเราในครั้งนี้และขอให้ทุกท่านจงร้อยใจเป็นดวงเดียวสร้างพลังแห่งศิษย์หลวงปู่เปลี่ยนช่วยให้โรง เรียนอันเป็นสถาบันที่เราทุกคนรักและหวงแหนได้ก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้เยี่ยงอารยะชนและร่วมกันกอบกู้เกียรติภูมิของโรงเรียนเขากลับคืนมาโดยเร็ว เพื่อขวัญกำลังใจของศิษย์ปัจจุบันและคณาจารย์บุคลากรการศึกษาในโรงเรียนกลับคืนสู่สภาพปกติโดยไว

ผมขอยืนยันกับทุกท่านว่าสมาคมฯจะร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับศิษย์เก่าทุกท่านเพื่อร่วมกันก้าวผ่านวิกฤตการณ์ครั้งนี้ให้ได้โดยไว

ส่วนในช่วงที่มีการปรายศรัยบริเวณหน้าโรงเรียนวิสุทธรังษี นายภาคภูมิ ศรีเศรษฐไกร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นที่มาร่วมทำข่าวเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วยได้มีกลุ่มของฝ่ายศิษย์เก่าของโรงเรียนวิสุทธรังษี ที่ไปร่วมสังเกตุการณ์ แล้วจู่ๆ ก็โดนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บไปสองราย เป็นนักข่าว และอดีตครูโรงเรียนเทพมงคลรังสี หลังจากนั้นทั้งสองคน ได้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรท่าม่วง เพื่อให้ตำรวจติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว

และในช่วงบ่ายที่ผ่านมาทางสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีการเชิญคณะกรรมการสมาคมฯ เพื่อปรึกษาหารือ กรณีที่นายภาคภูมิ ผู้สื่อข่าวที่ถูกทำร้าย โดยจะเดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้มีการเร่งรัดจัดการดำเนินคดีกับบุคคลที่ทำร้าย นายภาคภูมิ ผู้สื่อข่าวฯ ที่เดินทางเข้าไปทำข่าวเพื่อเสนอข้อเท็จจริงแก่สาธรณชนได้ทราบปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่คุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนอย่างร้ายแรง

ปรีชา ไหลวารินทร์ / กาญจนบุรี รายงาน

Loading