วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

คนไข้แห่ให้กำลังใจหมอเณร”

กาญจนบุรี คนไข้แห่ให้กำลังใจหมอเณร และรับยากลับไปหลังที่ประกาศเตรียมปิดสวนสมุนไพร เซียนพระเครื่องวัย 36 ปี เมืองโอ่ง วอนรัฐบาลส่งเสริม หลังป่วยเป็นโรคหัวใจเกือบตาย ได้ยาสมุนไพรช่วยชีวิต กิน 2 ปีหาย ส่วนป้าสม อายุ 56 ชาว จ.ตาก ป่วยเบาหวานเกือบถูกตัดนิ้ว กินยา 2 เดือน แผลเน่าเริ่มหาย คุณยายวัย 75 ปี เผยชีวิตเหลือ 50-50 จากโรคหัวใจ กินยาหายขาด

จากกรณีนายชัยรัตน์ นนทชัย หรือหมอเณร หมอยาสมุนไพรชื่อดัง อายุ 60 ปี เจ้าของสวนสมุนไพร เลขที่ 36 หมู่ 10 ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ได้ประกาศเตรียมปิดและเลิกผลิตยาสมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคอื่นๆ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้ว

ล่าสุดวันนี้ 23 ธ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินทางไปที่สวนสมุนไพรหมอเณร อีกครั้งหนึ่งพบว่าภายในสำนักงานจ่ายยาของหมอเณร มีผู้ป่วยที่ทราบข่าวว่าหมอเณรจะปิดสวนสมุนไพร เดินทางมาพบเพื่อให้กำลังใจรวมทั้งนำพาญาติพี่น้องมารับยารักษาโรคหัวใจรวมทั้งโรคเบาหวานเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ป่วยหลายรายเกือบจะเสียชีวิตจากโรคหัวใจ และเกือบจะถูกตัดนิ้วเท้าทิ้งเนื่องจากแผลเน่าเชื้อลามไปถึงกระดูก ซึ่งผู้ป่วยต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โชคดีที่ได้กินยาสมุนไพรหมอเณรเสียก่อน

ทั้งนี้นางสม อิสระพงศ์ อายุ 56 ปี (เสื้อยืดสีน้ำตาล) ชาว ต.ตลุกกลางทุ่ง อ.เมือง จ.ตาก เล่าว่าก่อนจะเดินทางมาพบหมอเณร ตนป่วยเป็นโรคเบาหวาน มีแผลเน่าเป็นเลือดปนหนองที่เท้าซ้ายดำไปถึงตาตุ้ม เมื่อไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หมอก็ได้ทำการเอกซเรย์ ปรากฎว่าเชื้อได้ลามกัดกินไปถึงกระดูก ซึ่งหมอก็ได้ให้ยามากิน พร้อมกับบอกว่าหากอาการไม่ดีขึ้น อาจจะต้องตัดนิ้วทิ้ง

จากนั้นตนจึงตัดสินในเดินทางจากบ้านที่จังหวัดตาก มาซื้อยาสมุนไพรของหมอเณรไปกิน ผลปรากฏว่า กินได้ 1 เดือน ยาหมดไปเพียง 1 ชุดเท่านั้น แผลที่เคยเน่าเปื่อยเป็นเลือดปนหนองก็แห้งและตกสะเก็ด และหลังจากกินยาสมุนไพรได้ 2 เดือน แผลได้หายกลับมาเป็นปกติ ปัจจุบันตนสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้เอง อีกทั้งไม่จำเป็นต้องอดอาหารตามที่หมอเคยสั่งเอาไว้อีกต่อไป

แต่หลังจากที่ทราบข่าวว่าหมอเณรจะปิดสวนสมุนไพร เพราะมีปัญหาทางด้านการเงิน ตนพร้อมครอบครัวจึงเดินทางมาพบเพื่อซื้อยารวมทั้งให้กำลังใจและขอร้องไม่ให้หมอเณรปิดและเลิกผลิตยาสมุนไพร เพราะยังมีผู้ป่วยจากโรคเบาหวานอีกเป็นจำนวนมากที่ยังต้องการยาสมุนไพรของหมอเณร

โดยในวันนี้นอกจากจะมาซื้อยาแล้ว ตนยังได้นำพาพี่ชายที่ป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วมานานกว่า 10 ปี และได้ทำการผ่าตัดไปแล้วมาซื้อยาสมุนไพรไปกินด้วย เนื่องจากลิ้นหัวใจของพี่ชายกลับมารั่วอีก ซึ่งตนรู้และเชื่อว่ายาสมุนไพรเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถรักษาพี่ชายที่ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจได้

ด้านนายบุญธรรม สายยิ้ม อายุ 63 ปี พี่ชายของนางสม เปิดเผยว่า ตนป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วมานานกว่า 10 ปี มีน้ำท่วมปอด มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจไม่ออก โดยเฉพาะเวลานอนพักผ่อนช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนและช่วงตีสามถึงตีสี่ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ตนเดินทางมาซื้อยาสมุนไพรหมอเณรไปกิน เนื่องจากน้องสาวที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานกินยาแล้วหายโดยไม่ต้องตัดขา แนะนำและพามา

ส่วนนายจิรภัทร ปภารัตนสกุล อายุ 36 ปี (เสื้อยิดสีดำ)อาชีพเปิดแผงให้เช่าพระเครื่อง ชาวจังหวัดราชบุรี กล่าวว่าครั้งแรกตนมีอาการเหนื่อยหอบ จึงไปพบหมอ ซึ่งหมอได้วินิจฉัยออกมาว่าตนเป็นกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง รวมทั้งเป็นน้ำท่วมปอด ที่ผ่านมาตนรักษาหมดเงินไปเป็นจำนวนมาก ต้องขายพระเครื่องเพื่อนำเงินมารักษา แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น

ต่อมาตนจึงเปิดข้อมูลเพื่อหาทางรักษากับแพทย์ทางเลือกก็พบ อีกทั้งมีเพื่อนแนะนำให้มาหาหมอเณร ซึ่งหมอเณรก็บอกว่าสามารถกินควบคู่กับยาแผนปัจจุบันได้ หลังจากกินยาได้ประมาณ 6 เดือนอาการก็เริ่มดีขึ้น จากนั้นก็ได้เดินทางไปตรวจอาการตามที่หมอนัดทุกครั้ง ซึ่งหมอบอกว่า ประกฎว่าภาวะอาการหัวใจบีบตัวดีขึ้นจาก 20 ขึ้นเป็น 30-35-40-และ 50 กลับมาเป็นปกติ และทุกวันนี้อาการก็ยังเป็นปกติ คุณหมอที่โรงพยาบาลจึงให้ลดจำนวนกินยาลง จนถึงขณะนี้กินยาเพียงแค่ครึ่งเม็ดนั้น นอกจากเป็นโรคหัวใจแล้วตนยังเป็นโรคเบาหวาน รวมทั้งไขมันพอกตับอีกด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่ายาสมุนไพรของหมอเณรนั้นดีจริง แต่อย่างไรก็ตามหลังจากทราบว่าหมอเณร เตรียมที่จะปิดตัวสวนสมุนไพรลง สิ่งที่ตนกังวลก็คือ อีก 3-5 ปีข้างหน้าหากตนกลับมาป่วยอีกครั้งหนึ่ง แล้วตนจะทำอย่างไร จะไปรักษาที่ไหน ดังนั้นจึงอยากจะขอร้องให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยให้การสนับสนุนหมอเณรด้วย

ด้านนางอั้ว คำบ่อ อายุ 75 ปี (เสื้อสีน้ำเงิน) ชาว ต.โพธิ์พระยา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เดิมเป็นชาวจังหวัดขอนแก่น เล่าว่าตนเริ่มป่วยเป็นโรคหัวใจในช่วงประมาณปี พ.ศ.2544-2545 โดยมีอาการเหนื่อย เมื่อไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าชีวิตเหลืออยู่เพียงแค่ 50-50 ต่อมาได้อ่านข่าวจากทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่าหมอเณรสามารถรักษาโรคหัวใจให้หายได้ไม่เกิน 4 เดือน ดังนั้นตนจึงรีบเดินทางมาพบหมอเณรทันที โดยหลังจากกินยาสมุนไพรหมอเณรได้สักระยะหนึ่งปรากฏว่าอาการทุกอย่างดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งตนยังรู้สึกงงอยู่เลยว่า มันหายได้อย่างไร ต่อมาตนจึงไปที่โรงพยาบาลเพื่อให้หมอตรวจ หลังจากตรวจหมอจึงบอกว่าคลื่นหัวใจกลับมาเป็นปกติ โดยโรคหัวใจหายแล้ว ซึ่งหมอก็งงว่าหายได้อย่างไร ตนจึงบอกหมอไปตามตรงว่า กินยาสมุนไพรของหมอเณรส่วนการเดินทางมาพบหมอเณรในวันนี้ก็เพื่อนำพาหลานชายที่ป่วยเป็นโรคหัวใจโต มาซื้อยา รวมทั้งต้องการให้กำลังใจและขอให้หมอเณร ต่อสู้ต่อไป

ด้านนายชัยรัตน์ นนทชัย หรือหมอเณร เผยว่าหลังจากที่ผู้ป่วยทราบข่าวว่าตนเตรียมที่จะสวนสมุนไพร ก็มีผู้ป่วยที่ยังต้องกินยา เดินทางมารับยาอย่างต่อเนื่อง ส่วนคนที่หายป่วยแล้วและก็ได้มาให้กำลังใจ รวมทั้งนำพาญาติและลูกหลายที่ป่วยเป็นโรคหัวใจและเบาหวานมารับยา บางรายซื้อเก็บตุนเอาไว้เนื่องจากกรงว่าจะไม่มียากิน ส่วนจะปิดสวนสมุนไพรวันไหนนั้นตนจะแจ้งให้ทราบเป็นที่แน่ชุดอีกครั้งหนึ่ง และที่ต้องปิดเพราะทุนน้อยลงทุนไปเยอะจากปลูกสมุนไพร มาเจอปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันเกิดปัญหา เพราะตนเองต้องไปกู้เงินนอกระบบมาลงทุน หวังว่าภาครัฐจะเข้ามาช่วยเหลือ แต่สุดท้ายไม่ได้เป็นดังหวัง จึงต้องปิดตัวเอง ส่วนสูตรยาหากมีต่างประเทศจะมาขอซื้อก็ต้องมาพิจารณาก่อนอีกที เพราะกว่าจะศึกษาจนรักษาได้ถึงปัจจุบันใช้เวลาไม่น้อย อีกทั้งตนเองก็อายุมากแล้วด้วย.

ปรีชา ไหลวารินทร์ / กาญจนบุรี

Loading