วันศุกร์, 29 มีนาคม 2567

กัมดูแทบช๊อค”พบร่างหนุ่มจิตอาสามูลนิธิฯจมอยู่ในถัง

กาญจนบุรี ก้มดูถึงผงะเจอร่างหนุ่มจิตอาสามูลนิธิฯ จมอยู่ในถังเสียชีวิต หนุ่มจิตอาสากู้ชีพมูลนิธิฯ อาชีพขับ10 ล้อ เคราะห์ร้าย ตกถังโมลาส อ้อยเสียชีวิต

ยามว่างงานเป็นจิตอาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัยลูกข่ายมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ (กู้ชีพขุนรัตนาวุธ) จุด อ.ท่ามะกา สภาพศพจมอยู่ในถังรถบรรทุกน้ำโมลาสอ้อยที่เหนียวหนึบบนรถบรรทุก 10 ล้อ จอดอยู่ในไร่อ้อยที่นายจ้างสั่งให้เอาน้ำโมลาสไปใส่ในไร่อ้อยเพื่อทำปุ๋ย เดินดูงานที่สั่งเห็นหายไปเดินหาทั่วไร่ หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เห็นผิดสังเกตสั่งคนงานปีนขึ้นไปบนรถเห็นฝาถังบรรทุก 10 ล้อ เปิดอยู่

เมื่อค่ำของวันที่ 4 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.นพดล ศรีสุขวงศ์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.หนองรี อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากมูลนิธิกู้ภัยบ่อพลอย ว่า พบศพผู้เสียชีวิตอยู่ในถังโมลาสขนาดใหญ่บนรถบรรทุก 10 ล้อ จอดอยู่ในไร่อ้อยบ้านหนองไก่ชุม ต.หลุมรัง อ.บ่อพลอยฯ จึงแจ้งตำรวจประสานแพทย์และมูลนิธิฯ รุดชันสูตร เบื้องต้น คาดผู้เคราะห์ร้ายนี้ได้ปีนขึ้นไปดูน้ำโมลาสในถังบรรทุกแล้วอาจเกิดหน้ามืดตกลงไปในถังที่มีความลึกถึง 2 เมตร สูดดมกลิ่นเหม็นของน้ำโมลาสอ้อย จนหมดสติและเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ให้นำศพผ่าพิสูจน์ รพ.ศูนย์ราชบุรี

จากการตรวจสอบภายในถังโมลาสขนาดใหญ่บนรถบรรทุก10 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุหน้ายาว หมายเลขทะเบียน 81-9189 กาญจนบุรี พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายนอนจมอยู่ในน้ำโมลาส ภายในถังที่มีความกว้างและความลึกประมาณ 2 เมตร ทราบชื่อผู้เสียชีวิตชื่อนายธนาคาร จนากร อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/4 หมู่ 6 ต.หลุมรัง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ซึ่งผู้ตายทำงานเป็นจิตอาสาสมัครของมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์(กู้ชีพขุนรัตนาวุธ) จุด อ.ท่ามะกาฯ อีกด้วย

จึงได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยบ่อพลอย ร่วมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ช่วยกันนำศพขึ้นมาจากถังโมลาส บนรถ10 ล้อ โดยการใช้เชือกผูกลำตัวของผู้ตายแล้วดึงศพขึ้นมาใช้น้ำล้างทำความสะอาดชำระร่างกาย จากการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นพบว่า สภาพศพของผู้ตายด้านหลังรอยผิวหนังถลอก ที่ศีรษะด้านหลังแตก ลักษณะคล้ายตกจากที่สูง ตามร่างกายส่วนอื่นๆ ไม่มีบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้าย จึงมอบศพให้มูลนิธิฯ นำร่างผู้เสียชีวิตส่ง รพ.ศูนย์ราชบุรี เพื่อให้แพทย์ทำการผ่าพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายจ้างของผู้ตายทราบว่า ก่อนหน้าที่จะมาพบศพผู้ตายเสียชีวิตครั้งนี้ ช่วงเช้าได้สั่งให้ผู้ตายขับรถบรรทุกไปเอาน้ำโมลาสอ้อยที่โรงงานน้ำตาลมาใส่ไร่อ้อยเพื่อทำปุ๋ย จนกระทั่งช่วงเย็น จึงเดินทางมาดูพบว่า รถบรรทุก10 ล้อที่บรรทุกน้ำโมลาสอ้อยจอดอยู่ แต่นายธนาคาร ผู้ตายหายไป บนรถก็ไม่มี จึงเดินค้นหาและได้ร้องเรียกหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เห็นผิดสังเกตนึกเอะใจ จึงสั่งให้คนงานปีนขึ้นไปบนถัง เห็นฝาถังโมลาสเปิดอยู่ จึงก้มดูก็พบว่า ผู้ตายจมอยู่ในน้ำโมลาสอ้อยเสียชีวิตแล้ว จึงโทรศัพท์แจ้ง 191

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์สันนิษฐานว่า ผู้ตายอาจจะเคราะห์ร้ายขณะปีนขึ้นไปบนถังโมลาส เพื่อเปิดฝาถังโมลาส ก้มตัวดูแล้วเกิดหน้ามืดตกลงไปในถังและสูดดมกลิ่นน้ำโมลาส ซึ่งเป็นน้ำส่าอ้อยที่มีความเหม็นเป็นเวลานานกว่า 8-12 ชั่วโมง จึงทำให้ผู้ตายเสียชีวิตก็เป็นได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รอผลการผ่าพิสูจน์ของแพทย์ รพ.ศูนย์ราชบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.

ปรีชา ไหลวารินทร์ / กาญจนบุรี

Loading