วันเสาร์, 20 เมษายน 2567

เดอะโอ๋!!!บิ๊กธีร์”ติวเข้มเสริมเขี้ยวเล็บ”ทีมสืบสวนภ.1 “กว่า 300 นาย”

เดอะโอ๋ ! บิ๊กธีร์!!! ติวเข้มทีมสืบสวนกว่า 300 นาย


วันนี้ 6 มี.ค.63 ที่ห้องประชุมอมรวิวัฒน์ อาคารอเนกประสงค์ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 (สส)/ เอราวัณ 3 ประธานประชุมชี้แจงแนวทางการปฏิบัติราชการงานสืบสวน ครั้งที่ 1/2563 “พร้อมด้วยพล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.ภ.1โดยมี รอง ผบก.ฯ ผกก.สส.1-4,ผกก.ปพ,ผกก.วิเคราะห์ข่าว บก.สส.ภ.1รอง ผบก.ภ.จว.(ที่รับผิดชอบงานสืบสวน),ผกก.สส.ภ.จว.แต่ละจังหวัด รอง ผกก.,สว.สส.ภ.จว.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมกว่า 300 นาย
พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวในที่ประชุมโดยมีข้อสั่งการ 4 ด้านดังนี้


1.ด้านงานสืบสวน 1.การรายงานเหตุอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ และเหตุสำคัญที่จะต้องรายงาน เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นให้รายงานต่อ รอง ผบช.ภ.1 (สส) และ ผบช.ภ.1 ทันที โดยให้รายงานโทรศัพท์ , ทางไลน์ ทันทีที่เหตุเกิด และรายงานทางเอกสารตามประมวลระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 18 บทที่ 1 ด้วย 2. เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นท้องที่ใด นอกจากฝ่ายสืบสวนในท้องที่ที่เกิดเหตุแล้ว ผกก.สส.ภ.จว.และ สว.สส.ภ.จว. ที่รับผิดชอบพื้นที่ ต้องลงไปในพื้นที่เกิดเหตุทันทีไม่ต้องรอสั่งการจาก รอง ผบช.ภ.1(สส) หรือ ผบช.ภ.1ให้ออกไปพื้นที่เกิดเหตุโดยเร็ว เก็บพยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ DNA และพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งจะนำมาวางแผนในการสืบสวนทุกคดีโดยไม่ต้องรอสั่งการ 3.เมื่อมีเหตุอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ และเหตุสำคัญ เกิดขึ้น ให้ ผบก.ภ.จว. นั่งหัวโต๊ะประชุมอำนวยการสั่งการ ควบคุมวางแผนการสืบสวนสอบสวนด้วยตนเอง ให้แบ่งมอบหน้าที่การปฏิบัติ และมอบหมายให้ รอง ผบก.ภ.จว. ที่รับผิดชอบงานสืบสวน ประชุมติดตาม เร่งรัดคดีทุกวัน จนกว่าคดีจะคลี่คลายและจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 4.การทำงานต้องมีการบูรณาการร่วมกัน ให้มีการประสานงานกันระหว่าง บก.สส.ภ.1 กก.สส.ภ.จว.และ งานสืบสวน สภ.โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำและทำงานกันเป็นทีม 5.ให้ทุก สภ.กก.สส.ภ.จว.และ บก.สส.ภ.1

จัดตั้งแฟ้มสืบสวนทุกคดี โดยปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน และมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน ให้มีการเร่งรัดคดีทุกวัน ในส่วนของ สภ.ให้ รอง ผกก.สส.สภ.เป็นผู้ควบคุมสั่งการ ในส่วนของ กก.สส.ภ.จว.ให้ รอง ผกก.สส.ภ.จว.เป็นผู้ควบคุมสั่งการ ในส่วนของ บก.สส.ภ.1 ให้ รอง ผบก.สส.ภ.1 หรือ ผบก.สส.ภ.1 เป็นผู้ควบคุมสั่งการ จนกว่าจะสืบสวนคลี่คลายคดี หรือปิดคดีได้ 6.ให้ทุกสภ.จัดทำข้อมูลท้องถิ่นให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นสารบบ สามารถตรวจสอบได้ โดยให้อยู่ในห้องปฏิบัติการสืบสวน เช่น แผนที่เดินดิน ของตำบล หมู่บ้านโดยให้ รอง ผบก.ภ.จว.ที่รับผิดชอบงานสืบสวน เร่งรัดการดำเนินการให้เรียบร้อย 7.ให้ทุก สภ.จัดทำข้อมูลบุคคลพ้นโทษทุกประเภท ให้เป็นระบบ สามารถตรวจสอบได้ และมอบหมายผู้รับผิดชอบให้ชัดเจน เพื่อตามพฤติการณ์ อย่าให้ก่อเหตุขึ้นอีกได้ โดยให้ รอง ผบก.ภ.จว. ที่รับผิดชอบงานสืบสวน เร่งรัดการดำเนินการให้เรียบร้อย 8.ให้ทุกสภ.จัดทำแฟ้มหมายจับค้างเก่าและมีเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบแต่ละหมายจับให้ชัดเจน ในแฟ้มต้องมีข้อมูลครบถ้วนถูกต้องสมบูรณ์ มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา และจัดทำแฟ้มประวัติบุคคลให้เป็นปัจจุบัน แบ่งเป็นคดีชีวิตร่างกาย เพศ ทรัพย์ ยาเสพติดและอื่นๆและให้มีผู้รับผิดชอบให้ชัดเจน โดยให้ รอง ผบก.ภ.จว. ที่รับผิดชอบงานสืบสวน เร่งรัดการดำเนินการให้เรียบร้อย 9.ให้ฝ่ายสืบสวนจัดทำข้อมูลกล้อง CCTV ให้ครบถ้วนถูกต้อง เช่น ตำแหน่งติดตั้งอยู่ที่ใดบ้าง มีจำนวนกี่ตัว รุ่นใด ใครเป็นผู้รับผิดชอบ จะต้องมีข้อมูลอยู่ในห้องปฏิบัติการสืบสวน เวลามีเหตุเกิดขึ้นจะได้ดำเนินการได้ทันที 10.ให้ทุก สภ.แสวงหาความร่วมมือจากประชาชน

ในการจัดตั้งแหล่งข่าวทุกหมู่บ้าน ชุมชน ทุกตำบล ทุกท้องถิ่น อย่างน้อย 2 คนเพื่อเป็นสายข่าวแหล่งข่าว 11.ให้ทุกสภ.กก.สส.ภ.จว.บก.สส.ภ.1 นำข้อมูลอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมาวิเคราะห์เหมือนฝ่ายป้องกันปราบปราม วิเคราะห์สถานภาพอาชญากรรม สาเหตุที่เกิด แหล่งที่เกิด เวลาที่เกิดเหตุ สถานที่เกิดเหตุ เหมือนนาฬิกาอาชญากรรม ซึ่งจะต้องมีการสืบสวนก่อนเกิดเหตุ และปฏิบัติการเชิงรุก 12.ให้ บก.สส.ภ.1 กก.สส.ภ.จว.ที่มีข้าราชการตำรวจที่ผ่านการอบรมงานสืบสวน ให้มีการถ่ายทอดให้นักสืบรุ่นน้อง มีการอบรมการสืบสวนต่างๆ หรือศึกษาดูงานในคดีที่สืบสวนจับกุมแล้วว่ามีการดำเนินการอย่างไร ให้จัดตั้งห้องสมุดนักสืบ หรือตำราสืบสวนในคดีที่ดำเนินการสำเร็จ หรือศูนย์อิเล็กทรอนิกส์ ไว้ให้นักสืบรุ่นน้อง 13.การให้ข่าวหรือสัมภาษณ์ในคดีต่างๆ หากไม่จำเป็นอย่าให้ข่าวเกี่ยวกับรายละเอียดของคดี เพราะอาจทำให้เสียหายต่อรูปคดี นักสืบต้องพูดให้น้อย ทำงานให้มาก โดยให้ รอง ผบก.ภ.จว. ที่รับผิดชอบงานสืบสวน ควบคุมกำกับดูแลและกำชับในเรื่องนี้ 14.ทุกคดีที่เกิดขึ้น รอง ผบก.ภ.จว.ที่รับผิดชอบงานสืบสวน และ ผกก.สส.ภ.จว.ต้องมีการประชุมวางแผนแนวทางการสืบสวน และมอบหมายหน้าที่ให้ชัดเจน 15.เมื่อมีการจับผู้ต้องหาตามหมายจับได้แล้วให้ดำเนินการถอนหมายออกจากระบบทันที ดังนี้ 15.1ให้พนักงานสอบสวน ลงถอนหมายในระบบ CRIMES ทุกครั้ง

โดยให้ หน.สภ. รับผิดชอบควบคุมสั่งการ และให้ รอง ผบก.ภ.จว. ที่รับผิดชอบงานสอบสวน เป็นผู้รับผิดชอบควบคุมการปฏิบัติ และตรวจสอบการลงข้อมูลในระบบให้ถูกต้องครบถ้วนเป็นปัจจุบัน 15.2ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ลงถอนหมายในระบบ PDC ทุกครั้ง โดยให้ หน.สภ.รับผิดชอบควบคุมสั่งการ และให้ รอง ผบก.ภ.จว. ที่รับผิดชอบงานสืบสวน เป็นผู้รับผิดชอบควบคุมการปฏิบัติ และตรวจสอบการลงข้อมูลในระบบให้ถูกต้องครบถ้วนเป็นปัจจุบัน 16.ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ตรวจสอบควบคุมกำกับดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ห้ามมิให้เรียกรับผลประโยชน์จากผู้กระทำความผิด การจับกุมในลักษณะกลั่นแกล้ง มีส่วนพัวพัน หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หากพบว่ามีการกระทำความผิดให้ดำเนินการทั้งคดีอาญา ทางวินัยและทางปกครองอย่างถึงที่สุด และในการทำงานของนักสืบต้องยึดกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง ข้อบังคับ นโยบายของผู้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัด

2.ด้านเงินกองทุนสืบสวน 1.เงินกองทุนเพื่อการสืบสวนและสอบสวนคดีอาญา ที่คณะอนุกรรมการ ของ ตร. โอนตรงให้แต่ละหน่วยนั้น ให้ทุกหน่วยเร่งรัดการเบิกจ่าย และการเบิกจ่ายต้องให้ถูกต้องตามระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อการสืบสวนและสอบสวนคดีอาญา ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินกองทุนเพื่อการสนับสนุนการปฏิบัติงาน ของข้าราชการตำรวจในการทำหน้าที่เกี่ยวกับการสืบสวนและสอบสวนคดีอาญา พ.ศ.2558 2.ให้ทุกหน่วยเร่งรัดการเบิกจ่าย ค่าใช้จ่ายในการส่งตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2562 มาเบิกจ่าย และให้เตรียมความพร้อมการเบิกจ่ายในการระดม (CCOC) ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2563 3.ค่าใช้จ่ายในการสืบสวน และ/หรือสอบสวนคดีสำคัญ ให้ทุกหน่วยตรวจสอบคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบ ว่าเข้าลักษณะคดีสำคัญตามที่ ตร. กำหนดหรือไม่ หากเข้าลักษณะคดีสำคัญ ให้ประสานการปฏิบัติกับ บก.สส.ภ.1 ในการทำคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญ และทำเรื่องขอเบิกเงินค่าใช้จ่ายในการสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญ มายัง ภ.1 เพื่อจักได้ส่งให้ ตร. พิจารณาอนุมัติจัดสรรเงินให้หน่วยที่ขอเบิกต่อไป 4.ให้ รอง ผบก.ภ.จว. ที่รับผิดชอบงานสืบสวน เป็นผู้ควบคุมกำกับดูแล การเบิกจ่ายเงินกองทุนสืบสวนฯ ทั้ง 3 ส่วน ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามระเบียบ

3.เครื่อง Biometrics ให้ทุกหน่วยที่ได้รับการแจกจ่ายเครื่อง Biometrics ไปแล้ว ตรวจสอบและศึกษาวิธีการใช้ให้เข้าใจ และให้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้ที่หน่วย เนื่องจาก ตร.จะทำการตรวจสอบดังนี้ 1.ข้อมูลการติดตั้งเครื่อง Biometrics จุดที่ติดตั้ง พร้อมภาพถ่ายประกอบ 2.ข้อมูลสถิติการใช้เครื่อง Biometrics แต่ละครั้ง ให้มีข้อมูลเลขคดีที่สืบค้น ชื่อผู้เสียหาย ชื่อผู้ต้องหา ฐานความผิด และจำนวนครั้งที่สืบค้น ไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง 3.ให้ทุกหน่วยมอบหมายเจ้าหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเครื่อง Biometrics ให้ชัดเจน 4.หากหน่วยใดไม่มีการใช้งานเครื่อง Biometrics ให้รายงานสาเหตุและปัญหาที่ไม่สามารถใช้งานเครื่อง Biometrics ได้โดยละเอียดให้ ภ.1 (ผ่าน กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.ภ.1) ทราบ เพื่อจักได้นำเรียน ตร. ทราบต่อไป

4.กล้อง CCTV 1.ให้ทุกหน่วยดำเนินการสำรวจ ตรวจสอบ และบันทึกข้อมูลกล้องวงจรปิดในพื้นที่ที่รับผิดชอบให้มีความต่อเนื่องครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน เพื่อเป็นประโยชน์ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิด 2.ให้ทุกหน่วยรายงานข้อมูลการบันทึกกล้องวงจรปิดให้ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.ภ.1 ทุกวันจันทร์ ภายในเวลา 10.00 น. เริ่มรายงานวันจันทร์ที่ 9 มี.ค.2563 และให้ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ รายงานผลให้ผู้บังคับบัญชาทราบทุกวันจันทร์ ภายในเวลา 12.00 น. และนำข้อมูลเข้าประชุม ศปก.ภ.1 ทุกวันอังคาร

Loading