วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

พะเยา”ผีน้อย”กลับจากเกาหลีใต้”กักตัว 14 วันตามกฏ”ไร้เชื้อ COVID-19“

พะเยา- อำเภอภูซาง ผีน้อย กลับจากเกาหลีใต้ปฏิบัติตามกฎ กักตัว 14 วัน ไร้เชื้อ COVID-19 สร้างความสบายใจทั้ง 2 ฝ่าย


7 มี.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายวิรุฬห์ สิทธิวงศ์ นายอำเภอภูซาง ได้มีหนังสือการยกเลิกจัดกิจกรรมต่าง ๆ ภายในพื้นที่ อ.ภูซาง จ.พะเยา เพราะหวั่นในเรื่องของเชื้อไวรัส COVID-19 นั้น ล่าสุดพบรายงานว่ามีแรงงานไทยจากประเทศเกาหลีได้เดินทางกลับมาที่บ้านของตนเองในพื้นที่ อ.ภูซาง และมีการให้กักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน จนรู้ผลแน่ชัดว่าไม่ได้ติดเชื้อโควิดแต่อย่างใด สร้างความอุ่นใจให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก
นายธนพัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี และนางรุณ (ขอสงวนชื่อ และนามสกุล) อายุ 37 ชาวบ้านหัวนา ม.7 ต.ทุ่งกล้วย อ.ภูซาง ซึ่งเป็นแรงงานไทยในเกาหลีและได้กลับมาที่บ้านเมื่อวันที่ 24 ก.พ.63 ที่ผ่านมา ซึ่งนายธนพัฒน์ได้เล่าว่า ตนเองและภรรยาได้ไปทำงานที่ประเทศเกาหลีได้ 10 กว่าปีแล้วโดยไปในฐานะแรงงานหลบวีซ่าหรือ ผีน้อย ทั้งนี้ตนเองและภรรยาได้ทำงานอยู่ที่เมืองเคียงกีโดซึ่งเป็นเมืองทางเหนือของประเทศเกาหลีใต้ โดยก่อนหน้านั้นยังไม่มีข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด ตนเองกับภรรยาได้ตั้งใจจะกลับมาบ้านเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วด้วยซ้ำเหตุบิดาไม่สบายแต่แล้วบิดาหายดีตนเองก็ได้ทำงานต่อเรื่อยมาจนได้ขอกลับมาบ้านเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่าน แต่เวลานั้นเครื่องบินที่ตนโดยสารมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิและเมื่อลงจากเครื่องกลับพบว่าทางสนามบินไม่ได้มีมาตรการในการตรวจเข้มแต่อย่างใด มีเพียงตนกับภรรยาที่ใส่หน้ากากอนามัยเพียง 2 คนเท่านั้น และเมื่อมาถึงบ้านในช่วงกลางคืนทางญาติก็ได้คุยให้ตนเองฟังว่าต้องกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วันก่อนตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขแล้วก็ได้แจ้งให้นายเจริญ หัวนา ผู้ใหญ่บ้านทราบว่าตนเองกลับมาแล้ว เมื่อถึงรุ่งเช้าอีกวันชาวบ้านที่รู้ว่าตัวเองกลับมาก็พากันตกใจจนต้องให้ผู้ใหญ่บ้านพูดให้ชาวบ้านได้เข้าใจถึงสถานการณ์การกักตัวนี้ จนในวันนี้คือวันที่ 13 ในการกักตัวพรุ่งนี้ก็ครบ 14 วันแล้ว ตนเองอดทนอยู่แต่บ้านกับภรรยาไม่ได้ไปไหนมาโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ตนอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ว่า คำว่าผีน้อยในเกาหลีนั้นไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะเวลาพวกตนจะไปไหนมาไหนก็ต้องหลบๆซ่อนๆและคอยระวังตัวอยู่แล้ว แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็ควรจะมองนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ไปเที่ยวเกาหลีเสียมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะคนเหล่านี้จะเข้านอกออกในที่ไหนก็ได้ ทำไมจึงต้องมองพวกตนเป็นตัวอันตรายด้วย อยากฝากให้พิจารณาถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

ทางด้านนางจิน (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 49 ปี ชาวบ้านสะแล่ง ต.เชียงแรง อ.ภูซาง ได้กล่าวว่า ตนเองได้ไปอยู่ที่ประเทสเกาหลี เมืองเคียงกีโด ได้หลายปีแล้วโดยไปทำงานเป็นอาสาสมัครแรงงานสถานทูตฝ่ายแรงงาน หรือ อสร.ของประเทศเกาหลีใต้ และได้แต่งงานกับสามีชาวเกาหลีใต้ด้วยเช่นกัน โดยตนเองได้คุยกับสามีว่าอยากกลับมาทำงานแถวบ้านที่เมืองไทย และสามีของตนเองก็อนุญาตให้กลับมาซึ่งตอนนั้นยังไม่มีข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด แต่ตนเองก็ได้ระวังตัวอยู่ตลอดเวลา โดยก่อนจะออกไปทำงานตนเองจะทำการป้องกันตัวเองทุกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีเชื้อโรคนี้เข้ามาในตัวเอง และต่อมาตนเองก็ได้กลับบ้านเมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 ที่ผ่าน จนทราบข่าวของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ทางพ่อแม่ของตนเองก็ได้บอกให้ทำตามกฎของกระทรวงสาธารณสุขว่าควรกักตัว 14 วัน ซึ่งตนเองก็ได้ปฏิบัติตามกฎเป็นอย่างดีจบครบกำหนด โดยช่วงนี้กักตัวนั้นเวลาทานข้าวตนเองจะให้พ่อแม่ทานก่อนเสร็จแล้วตนเองถึงจะเข้ามาทานเพียงคนเดียว เพื่อป้องกันไว้ก่อนและนอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ รพ.สต.เชียงแรงมาให้ความรู้ในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้สร้างความภูมิใจให้กับพ่อแม่ของตนเองเป็นอย่างมากที่ทำตามกฏเกณฑ์ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขได้วางเอาไว้

“ทั้งนี้ตนจึงขอฝากถึงแรงงานไทยที่อยู่ประเทศเกาหลีไม่ว่าจะเป็นผีน้อยหรือนักท่องเที่ยวชาวไทยว่า ทุกคนควรรับผิดชอบต่อตนเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อสังคมในภายภาคหน้าต่อไปนอกจากนี้ในการกักตัวยังทำให้สบายใจทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่ หรือฝ่ายตัวเองด้วยเช่นกัน หากไม่ทำแล้วผลเสียก็อาจจะตามมาได้ในที่สุด” นางจิน กล่าวทิ้งท้าย

(ภาพ/อุดมศักดิ์ ปินะดวง ,ข่าว/สราวุธ ตั้งประเสริฐ พะเยา )

Loading