วันเสาร์, 27 เมษายน 2567

เดอะโอ๋”ประชุมติดตามศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”

เดอะโอ๋!!!ประชุมติดตามผลการปฏิบัติงานศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


วันที่ 13 เม.ย.63 ที่ห้องประชุม ศปก.ภ.1 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1/รอง ผอ.ศปทส.ภ.1 ประธานประชุมติดตามผลการปฏิบัติงานศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตำรวจภูธรภาค 1 (ศปทส.ภ.1)ครั้งที่ 2/2563 ด้วยระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (CAT Conference)โดยมี พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.เลิศชาย จำปาทอง รอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.ไกลเขต บุรีรักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วยรอง ผบก.ภ.จว.ฯที่รับผิดชอบศปทส.ภ.จว.ฯ หน.ฝอ.ฯ หน.ชุดปฏิบัติการฯ หน.สภ.หรือผู้แทนที่รับผิดชอบ ศปทส.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวในที่ประชุมโดยมีข้อสั่งการดังนี้ 1.ด้านการตัดไม้ทำลายป่า(1)ให้จัดทำข้อมูลร้านค้า / ผู้ครอบครองเลื่อยโซ่ยนต์ เพื่อเป็นข้อมูลในการเฝ้าระวัง และควบคุมกำกับดูแลให้เป็นระบบ(2) ให้จัดทำข้อมูลโรงเลื่อย โรงแปรรูปไม้ โรงงานสิ่งประดิษฐ์ ร้านค้าไม้แปรรูป ร้านค้าสิ่งประดิษฐ์ ร้านค้าไม้เก่า และเข้าทำการตรวจสอบติดตามการนำไม้ผิดกฎหมายมาสวมจำหน่าย และเพื่อป้องกันการกระทำผิด(3) หากพบว่าเป็นการกระทำเพื่อการค้าหรือแสวงหาประโยชน์/กำไร ให้ทำการสืบสวนขยายผลให้ถึงตัวผู้ร่วมกระทำผิดทุกคน โดยเฉพาะ นายทุน ผู้สนับสนุน ผู้อยู่เบื้องหลัง และใช้กฎหมายฟอกเงิน มาตรการยึดทรัพย์มาบังคับใช้ ทุกคดี(4) ให้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขยายผลความผิดเกี่ยวกับทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระดับ บก. / ภ.จว. ทำการสืบสวนขยายผลการจับกุมทุกคดี รายใหญ่ ตามข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากร ป่าไม้ ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2551(MOU) ทุกราย 2.ด้านการบุกรุกป่าและที่สาธารณะ(1) ให้จัดทำข้อมูลท้องถิ่นผู้ได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์ และอยู่อาศัยในเขตพื้นที่ป่าสงวน (สทก.) ผู้เข้าทำประโยชน์ในที่ ส.ป.ก. หรือเอกสาร ภ.บ.ท.5 โดยยังไม่ได้รับเอกสารสิทธิตามกฎหมายที่ดิน(2)ให้สำรวจพื้นที่ป่า พื้นที่สาธารณะ ที่เคยถูกบุกรุก และดำเนินคดียึดกลับคืนเป็นของแผ่นดิน ว่าสภาพในปัจจุบัน เป็นอย่างไร และหากมีการบุกรุกซ้ำให้ดำเนินคดีกับผู้บุกรุกทุกราย(3) ให้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำข้อมูลพื้นที่ป่า ป่าต้นน้ำ และที่สาธารณะที่ถูกบุกรุกเพื่อปลูกพืชเกษตรกรรม ปลูกยางพารา สร้างรีสอร์ท โรงแรม ที่พัก

โดยให้สืบสวนเครือข่ายผู้ร่วมกระทำผิด นายทุน ผู้ให้การสนับสนุน และร่วมดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยึดคืนกลับมาเป็นที่ดินของรัฐ ทั้งนี้ ให้มุ่งเน้น ดำเนินการกับนายทุน หรือผู้มีอิทธิพลเป็นหลัก 3. ด้านการค้าสัตว์ป่า /พันธุ์พืชหวงห้าม(1)ให้จัดทำข้อมูลผู้แจ้งครอบครอง หรือขออนุญาตค้าสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า และพันธุ์พืชหวงห้าม และผู้มีอาวุธ สำหรับล่าสัตว์ เพื่อติดตามพฤติการณ์(2)ให้จัดทำข้อมูลผู้เคยถูกจับกุม หรือบุคคลพ้นโทษ ในความผิดเกี่ยวกับสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า และพันธุ์พืชหวงห้าม และจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานี เข้าพูดคุย ณ บ้านพัก/ภูมิลาเนา หรือจัดกิจกรรมอื่นๆ ในสถานที่ที่เหมาะสม เพื่อให้กลับตัวกลับใจสร้างจิตสานึกใหม่(3)ให้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบร้านค้างาช้างที่ได้รับอนุญาต และสืบสวนหาข่าวย่านการค้าที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ สนามบินนานาชาติ ท่าเรือระหว่างประเทศ ชายแดนระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันการนำเข้า ส่งออก นำผ่าน หรือนำงาช้างที่ผิดกฎหมายมาสวมจำหน่าย 4.ด้านการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ / สิ่งแวดล้อม(1)ให้จัดทำข้อมูลผู้ที่ได้รับอนุญาตให้สัมปทาน ประทานบัตร ผู้ได้รับอนุญาต เกี่ยวกับกิจการด้านทรัพยากรธรรมชาติ เช่น

โรงโม่หิน บ่อดิน บ่อทราย และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบมิให้มีการดำเนินการนอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตหรือผิดเงื่อนไข(2)ให้จัดทำข้อมูลผู้ได้รับอนุญาตให้กำจัดของขยะ ของเสียอันตราย สารเคมี ที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษในพื้นที่ เฝ้าติดตามพฤติการณ์ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือผู้บังคับบัญชาดำเนินการตรวจสอบ เพื่อมิให้มีการลักลอบกระทำผิดหรือทำผิดเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาต(3)ในคดีที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสังคมต่อเนื่องหลายจังหวัด หรือคดีที่ทำให้เกิดความสูญเสียจำนวนมาก เช่น ทิ้งขยะ สารพิษ กากสารเคมีอันตรายลงในแม่น้าลำคลอง หนอง บึง การระเบิดของสารเคมี ทำให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต จำนวนมมาก ให้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขยายผล ระดับ บช./ภ.ทุกคดี 5.กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติทุกนายระมัดระวังป้องกันตนเอง จากการแพร่ระบาดของ ไวรัส โควิด19 โดยให้มีมาตรการในการป้องกันตนเอง

Loading