วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

เดอะโอ๋”บิ๊กธีร์!!นำทีมสืบสวนภ.1”รวบผู้ต้องหาคดี”ฉ้อโกง”มูลค่ากว่า 60 ล้านบาทพร้อมหมายจับ 8 หมาย”

23 เม.ย. 2020
26

เดอะโอ๋ ! บิ๊กธีร์ ! นำทีมสืบสวนภาค 1 ตามจับผู้ต้องหาคดี“ฉ้อโกง”มีหมายจับรวม 8 หมาย มูลค่าความเสียกว่า 60 ล้านบาท


วันนี้ 23 เม.ย.เมื่อเวลา 16.30 น. ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธร ภาค 1 พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.1 พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ไชยวุฒินันท์ ผกก.สส.4 บก.สส.ภ.1 และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส. 4 ภาค 1 ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นาย กฤชณิ์ชัย พงศ์ศิริผล หรือ เอ หรือ “ศิณะ โชคศริชัย หรือ กฤชณิ์ชัย ศิริผล”อายุ 39 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 872/2556 ซึ่งได้ก่อเหตุฉ้อโกงประชาชนจำนวนหลายรายในหลายพื้นที่ ในข้อหา “ฉ้อโกง” ทั้งในพื้นที่ หลังสวน เชียงใหม่ พัทยา นครราชสีมา อุดรธานี และปทุมธานี รวม 8 หมายมีมูลค่าทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ รีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่ จว.นครราชสีมา

พล.ต.ต.ธนายุตม์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในหลายพื้นที่ให้ช่วยติดตามจับกุมตัวนายกฤชณิชัยหรือเอ ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคมด้วยการหลอกลวง ฉ้อโกงเงินจากผู้เสียหายด้วยวิธีต่างๆนานาจะโดยทำทีเข้ามาตีสนิทกับผู้เสียหายจากนั้นผู้ต้องหาจะใช้วาทศิลป์และความรู้ในการพูด โน้มน้าวให้ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองเป็นผู้มีตำแหน่ง หรือมีความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจ(ในแต่ละคดีจะแตกต่างกันไป)และเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อแล้ว จึงได้ชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุน โดยเมื่อนายกฤชณิชัยหรือเอได้รับเงิน หรือทรัพย์สิน ที่ผู้เสียหายนำมามอบให้เพื่อร่วมลงทุนไปแล้วนั้น จึงได้ทำการฉ้อโกงเงินและทรัพย์สินดังกล่าวไป โดยไม่ได้มีการนำไปลงทุนตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด บางรายโดนหลอกให้นำเงินไปลงทุนซื้อรถหรูมูลค่าเกือบ 3 ล้านบาท เพื่อนำมาให้ นายกฤชณิ์ชัย ไปปล่อยเช่าต่อก่อนจะเชิดรถหนีหายไป รวมถึงบางรายซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ จว.ชลบุรี ยังถูกหลอกด้วยการวางแผนทำทีเข้ามาตีสนิท ก่อนแอบอ้างตัวว่าเป็นนักการเมืองท้องถิ่นต้องการขอซื้อกิจการโรงงานต่อจากผู้เสียหาย แต่ติดปัญหาบางอย่าง จึงได้ขอดูเอกสารของผู้เสียหายก่อนจะแอบนำไปทำการปลอมแปลงแล้วนำไปยื่นขอกู้กับธนาคารเป็นวงเงินกว่า 40 ล้านบาท เพื่อเตรียมเชิดเงินหนี แต่ระหว่างที่รอการพิจารณาจากทางธนาคารผู้เสียหายเกิดตรวจสอบพบความจริงจึงยุติการทำธุรกรรมดังกล่าวได้ทัน รอดจากการถูกหลอกได้อย่างหวุดหวิด นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายรายอื่น ๆ อีกหลายรายถูกหลอกด้วยวิธีการที่แตกต่างกันในพื้นที่หลายจังหวัดทั้งพื้นที่ ภาคอีสาน เหนือใต้ ตะวันออก และกลาง บางรายมีการเข้าแจ้งความตามท้องที่ต่าง ๆ จนมีการออกหมายจับรวม 8 หมาย มูลค่าความเสียทั้งหมดรวมกว่า 60 ล้านบาท

พล.ต.ต.ธนายุตม์ เปิดเผยอีกว่า จากการสอบสวนนายกฤชณิ์ชัย หรือเอให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยร่วมกันก่อเหตุกับ น.ส.มิธา มามีรวย(ภรรยา) ซึ่งถูกจับกุมตัวไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายกฤชณิ์ชัย หรือเอ ผู้ต้องหารายนี้ก่อนนำตัวส่ง สภ.ธัญบุรี ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 กล่าวในที่ประชุมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกแก่ผู้เสียหายที่เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ ณ กก.สส.ภ.1 โดยทำการสอบสวนปากคำและส่งคำร้องทุกข์ไปดำเนินการยังท้องๆที่เกิดเหตุตามพฤติการณ์ของแต่ละคดี พร้อมประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ๆรับผิดชอบ หมายจับของผู้ต้องหาเพื่อให้ทราบถึงการจับกุมตัวผู้ต้องหารและดำเนินการอายัดตัวผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และทำการสืบสวนขยายผล รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุ,ทรัพย์สินที่ผู้ต้องหาครอบครอง,เส้นทางการเงินของผู้ต้องหา เพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 254และให้ประชาสัมพันธ์การจับกุมตัวผู้ต้องหาต่อสื่อมวลชนให้ช่วยกระจายข่าวเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำความผิด และการจับกุมตัวผู้ต้องหาให้เป็นอุทธาหรณ์แก่ประชาชน และเพื่อให้ผู้เสียหายซึ่งถูกฉ้อโกงทรัพย์โดยผู้ต้องหาหากแต่ยังไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์ทราบถึงการจับกุมตัวผู้ต้องหา

จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาพบว่า มีหมายจับจำนวน 8 หมาย ในหลายท้องที่ 1.หมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 109/2561 มูลค่าความเสียหาย 400,000 บาท 2. หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 424/2557 มูลค่าความเสียหาย 400,000 บาท 3. หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 429/2557 มูลค่าความเสียหาย 200,000 บาท 4.หมายจับศาลจังหวัดสีคิ้ว ที่ 17/2559 มูลค่าความเสียหาย 500,000 บาท 5. หมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ 283/2557 มูลค่าความเสียหาย 200,000 บาท 6. หมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 872/2556 มูลค่าความเสียหาย 200,000 บาท(จับกุมในคดีนี้) 7.หมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 143/2556 มูลค่าความเสียหาย 3,000,000 บาท 8.หมายจับศาลแขวงดุสิต ที่ 125/2560 มูลค่าความเสียหาย 7,000,000 บาท(หมดอายุความ) รวมมูลค่าความเสียหาย จำนวน 11,900,000 บาท และภายในวันเดียวกันนี้ได้มีผู้เสียหายรายอื่นๆจำนวน 9 คน ซึ่งยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหา เมื่อทราบว่าผู้ต้องหาถูกจับกุมจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ณ กก.สส.ภ.1 คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 47,008,000 บาท และในส่วนของคดีอื่นๆ นั้นตนได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆรวมถึงยังได้เตรียมประสานไปยังปปง.เพื่อดำเนินการในส่วนของการฟอกเงิน เนื่องจากผู้ต้องหานั้นมีพฤติกรรมทำความผิดซ้ำๆเข้าข่ายกระทำผิดฉ้อโกงเป็นธุระและได้เตรียมตรวจสอบว่าการกระทำความผิดของนายกฤชณิ์ชัย หรือเอ ผู้ต้องหารายนี้เข้าข่ายการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ต่อไป

Loading