วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

ราชบุรี”นักเสี่ยงโชค”แห่หาเลขเด็ดศาลเจ้าพ่อเขาหนองกรวยช้าง”

ราชบุรี – แห่หาเลขศาลเจ้าพ่อเขาหนองกรวยช้าง หลังชาวบ้านผู้สื่อข่าวบุกสำรวจ

จากกรณีมีชาวบ้านหลายสิบคน ในหมู่ที่ 3, 7 และ 14 ต.รางบัว จ.ราชบุรี พบเห็นดวงไฟประหลาดเปลี่ยนสีได้ ลอยวูบวาบอยู่เหนือยอดไม้กลางทุ่งนา และจะหายเข้าไปในเชิงเขาหนองกรวยช้าง ลักษณะดวงไฟลอยขึ้นสูงต่ำเปลี่ยนเป็น สีส้ม สีเขียว สีแดง และสีขาวได้ ซึ่งได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น จนมีชาวบ้านจากพื้นที่ต่างๆ ต่างพากันมาพิสูจน์ให้รู้ว่าดวงไฟดังกล่าวเป็นอะไรกันแน่

 

ล่าสุด นายกล้า แก้วพฤกษ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.รางบัว พร้อมชาวบ้านในพื้นที่กว่า 20 คน ได้พาผู้สื่อข่าวขึ้นไปสำรวจบริเวณถ้ำเขาหนองกรวยช้าง ที่ตั้งอยู่บริเวณหมู่ที่ 3 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ที่มีชาวบ้านหลายสิบคนพบเห็นดวงไฟประหลาดลอยหายเข้าไปบริเวณเชิงปากถ้ำเขาหนองกรวยช้าง เพื่อพิสูจน์ให้รู้ว่าดวงไฟดังกล่าวนั้นคืออะไรกันแน่และหายเข้าไปภายในถ้ำจริงหรือไม่ แต่เมื่อมาถึงบริเวณหน้าปากถ้ำเขาหนองกรวยช้าง กลับพบว่า ปากถ้ำนั้นถูกปิดไม่สามารถเข้าไปพิสูจน์ภายในถ้ำได้ พบแต่เพียงคราบงูมีพิษขนาดใหญ่อยู่รอบบริเวณเขาหนองกรวยช้าง ส่วนบริเวณปากถ้ำนั้น พบศาลเจ้าพ่อเขาหนองกรวยช้าง เมื่อชาวบ้านกลุ่มที่ร่วมเดินทางขึ้นไปสูจน์สำรวจบริเวณหน้าศาล กลับพบกระบอกเซียมซีถูกวางไว้ โดยไม้เซียมซีที่มีเลขติดไว้ สำหรับให้ชาวบ้านที่ขึ้นมากราบไหว้ขอโชคลาภนั้น เลขตามไม้ได้ถูกปลวกกัดกินจนแทบจะมองตัวเลขไม่เห็น ยกเว้นเลขไม้ที่มีเลข 5 เลข 19 และเลข 13 กับมีสภาพสมบูรณ์ จนชาวบ้านที่ขึ้นไปสำรวจต่างถ่ายรูปไว้แล้วนำไปโพสต์เฟสบุ๊ก ทำให้มีชาวบ้านที่รู้ข่าวต่างพากันไปหาซื้อเลข 19, 13, 519 และ 513 กันเป็นจำนวนมาก

 

นางลำใย ภูบาน อายุ 61 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 ต.รางบัว ได้เล่าให้ฟังว่า บริเวณเขาหนองกรวยช้าง มีเรื่องลี้ลับมากมาย ซึ่งตนเองและชาวบ้านในหมู่บ้านได้เจอมากับตัวแล้วหลายครั้ง แต่ตั้งสมัยปู่ย่าตายายได้เล่าให้ฟังว่า สมัยเมื่อสงครามไทยกับพม่า บริเวณดังกล่าวเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการส่งเสบียงของทหารพม่าเมื่อเข้ามาตีทหารไทย แต่ทหารพม่าไม่สามารถส่งเสบียงให้กำลังทหารพม่าที่เข้ามารุกประเทศไทยได้ เนื่องจากอิทธิฤทธิ์ของเจ้าพ่อเขาหนองกรวยช้าง ทำให้ทหารพม่าต้องล่าถอยกลับบ้านเมืองไป และเมื่อ 300 ปี บริเวณเขาหนองกรวยช้าง เป็นประตูสู่เมืองลับแล ซึ่งมีสามีภรรยาอยู่คู่หนึ่ง อยู่กินด้วยกันจนมีลูกชายวัย 2 ขวบ ในเมืองลับแล วันหนึ่งฝ่ายภรรยาได้ออกไปหาผลไม้ และให้ฝ่ายสามีเป็นคนดูแลลูกชาย แต่ลูกชายกับร้องไห้หาแม่ไม่ยอมหยุด จนฝ่ายผัวต้องโกหกลูกชายว่า “อย่าร้องไห้ อีกแปปเดียว เดี๋ยวแม่เจ้าก็กลับมาแล้ว” จนชาวบ้านคนอื่นได้ยิน จึงนำเรื่องไปแจ้งผู้ดูแลเมืองลับแล ซึ่งเมืองลับแลมีกฏว่า ห้ามทุกคนในเมืองลับแลพูดโกหก จึงสั่งลงโทษขับไล่ฝ่ายสามีให้ออกไปจากเมือง และห้ามกลับเข้ามาในเมืองลับแลอีก

ฝ่ายภรรยารู้สึกเสียใจมาก เพราะรักสามียิ่งกว่าชีวิต จึงแอบหักกิ่งขมิ้นใส่ถุงยามไว้เต็มถุงย่ามให้ฝ่ายสามี เพื่อให้สามีทิ้งกิ่งขมิ้นไว้ตามทางก่อนออกพ้นประตูเมืองลับแล เพื่อยามใดคิดถึงลูกเมีย จะได้เดินตามกิ่งขมิ้นกลับมาเยี่ยมลูกเมียถูก แต่ฝ่ายสามีออกเดินทางไปได้ไม่ถึงไหนก็รู้สึกเหนื่อยเพราะถุงย่ามที่ใส่กิ่งขมิ้นหนักมาก จึงเทกิ่งขมิ้นทิ้ง เหลือไว้เพียง 6 กิ่ง ก่อนจะออกเดินทางต่อ และทำสัญญาลักษณ์ไว้กับต้นไม้แทน เพื่อตนจะได้จำทางกลับได้ แต่เมื่อพ้นประตูเมืองลับแล หรือ ปากถ้ำเขาหนองกรวยช้าง ฝ่ายสามีจึงหันหลังกลับไปดูแต่กลับพบว่า ไม่มีประตูเมืองลับแลอยู่แล้ว และเมื่อเปิดในถุงยามดู จึงพบว่ากิ่งขมิ้นที่ฝ่ายภรรยาหักมาใส่ในถุงย่ามกลับกลายเป็นทองดำ แต่ฝ่ายสามีต้องการจะกลับไปหาภรรยาและลูกชายที่เมืองลับแลให้ได้ จึงตั้งหลักปรักฐานอยู่บริเวณเชิงเขาหนองกรวยช้าง เพื่อหาทางกลับเข้าไปหาภรรยาและลูกชายในเมืองลับแลให้ได้ แต่ก็ไม่สามารถกลับเข้าไปในเมืองลับแลได้จนเสียชีวิต และกลายเป็นดวงจิตที่ค่อยเฝ้าปากถ้ำเขาหนองกรวยช้าง เมื่อทุกคนเข้าไปไกลจะถูกดวงจิตขับไล่ออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเห็นประตูเมืองลับ และปกป้องสมบัติไว้ ไม่ให้ใครล่วงรู้หรือมาขโมยเอาไปได้

 

Loading