วันศุกร์, 29 มีนาคม 2567

กรมวิชาการเกษตร”เห็ดร่างแหสายพันธุ์ไทย”ตอบโจทย์คนรักสุขภาพและผู้สูงวัย”สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกร”

เห็ดร่างแหสายพันธุ์ไทยคุณสมบัติตอบโจทย์คนรักสุขภาพและผู้สูงวัย สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกร

 

 

กรมวิชาการเกษตร  วิจัยสำเร็จเห็ดร่างแหสายพันธุ์ไทย  คุณสมบัติโดดเด่นให้สารสำคัญด้านสุขภาพบำรุงสมองดีต่อหัวใจ รองรับสังคมสูงวัยและกลุ่มรักสุขภาพ  ปรุงเป็นอาหารกลิ่นไม่คาว  เนื้อกรุบกรอบไม่เปื่อยยุ่ย  ลุยถ่ายทอดเทคโนโลยีเพาะเห็ดสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 3,000 บาท / แปลง

 

นางสาวเสริมสุข  สลักเพ็ชร์  อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  เปิดเผยว่า ในแต่ละปีประเทศไทยนำเข้าเห็ดร่างแหชนิดอบแห้งไม่ต่ำกว่า 6,500 ตัน/ปี คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาทจากประเทศจีน  ซึ่งมีการศึกษาวิจัยเทคโนโลยีการเพาะเห็ดร่างแหอย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า 80 ปี ในขณะที่หลายประเทศพยายามพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเห็ดร่างแห   เพราะเป็นเห็ดที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญมากมายหลายชนิด  ดังนั้นเห็ดร่างแหจึงเป็นสินค้าที่ตลาดมีความต้องการในปริมาณมาก

 

ในปี 2559–2563 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลา  สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 ได้ศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเห็ดร่างแหสายพันธุ์ไทยที่เหมาะสมในพื้นที่ภาคใต้ภายใต้แนวคิดเป็นเห็ดสายพันธุ์ใหม่ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง  ช่วยบำบัดโรค ที่สำคัญสามารถสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกร  และลดปริมาณการนำเข้าจากต่างประเทศได้ด้วย  โดยได้ดำเนินการสำรวจ รวบรวม จำแนกสายพันธุ์   คัดเลือกเห็ดร่างแหที่ให้ผลผลิตสูง  ศึกษาวิจัยเทคโนโลยีการเพาะที่เหมาะสม ได้แก่ การผลิตเชื้อขยาย  การผลิตเชื้อเพาะ  วัสดุเพาะที่เหมาะสมต่อการเกิดดอก  และการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการ

 

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  กล่าวว่า จากการศึกษาวิจัยเทคโนโลยีการเพาะเห็ดร่างแหพบว่าเห็ดหลินจือเป็นวัสดุผลิตเชื้อขยายที่ดี ทำให้เส้นใยเจริญได้ดี   มีความหนาแน่นมาก และใช้ระยะเวลาบ่มเชื้อน้อยเพียง 30 วัน   ส่วนสูตรอาหารที่เหมาะสมสำหรับการผลิตเชื้อเพาะ คือ สูตรที่มีส่วนผสมของขี้เลื่อยไม้ยางพารา:รำละเอียด:ปูนขาว:ดีเกลือ:ยิปซัม อัตรา 90:5:1:2:2  ซึ่งใช้เวลาบ่มเชื้อเพียง 32  วัน และวัสดุเพาะที่เหมาะสมต่อการเกิดดอก คือสูตรที่มีส่วนผสมของใบไผ่และกิ่งไผ่:แกลบดิบ:ขุยมะพร้าว อัตรา 50:25:50 ทำให้การพัฒนาตุ่มดอกจนเก็บผลผลิตครั้งแรกใช้เวลาเฉลี่ย 27- 35 วัน

 

           การวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของดอกเห็ดร่างแหสายพันธุ์ไทยพบมีกลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ วิตามินซี  ซิลิเนียม สังกะสี ซึ่งมีส่วนป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งลำไส้  กลุ่มสารสำคัญที่มีส่วนช่วยกระบวนการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ได้แก่ แคลเซียม และแมกนีเซียม รวมทั้งกลุ่มสารสำคัญที่มีส่วนช่วยกระบวนการทำงานของสมองด้านการเรียนรู้และการจดจำ ได้แก่ เหล็ก วิตามิน B9 และวิตามิน B12

 

ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลา  ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเห็ดร่างแหสายพันธุ์ไทยไปสู่เกษตรกรทั้งวิธีการเพาะในตะกร้าซึ่งให้ผลผลิตสูงสุด 794  กิโลกรัมต่อตะกร้าเพาะ  เพาะแบบวิธีขึ้นชั้นให้ผลผลิตเฉลี่ยสูง 3,170 กรัม   และเพาะในแปลงให้ผลผลิตประมาณ 2 กิโลกรัม   รวมทั้งได้จัดทำแปลงขยายผลร่วมกับวิสาหากิจชุมชนสวนลุงวร อ.ควนเนียง จ.สงขลา เพื่อให้เกษตรกรสามารถประยุกต์ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่เพาะเห็ดร่างแหเพื่อบริโภคในครัวเรือนและเป็นรายได้เสริมอาชีพหลัก โดยได้ผลผลิตเฉลี่ย 5 – 7 กิโลกรัม  ราคาขายกิโลกรัมละ 500 บาท  ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 3,500 บาทต่อแปลงเพาะ โดยมีต้นทุนการผลิต 850 บาท/แปลงเพาะ นอกจากนี้ยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์จากเห็ดทั้งเห็ดร่างแหชนิดสด และเห็ดร่างแหชนิดแห้ง โดยเมื่อนำไปแปรรูปเป็นอาหารเห็ดร่างแหสายพันธุ์ไทยจะมีความกรุบกรอบของเนื้อสัมผัส และไม่เปื่อยยุ่ย กลิ่นไม่คาว  ซึ่งเป็นเอกลักณ์เฉพาะตัวต่างจากเห็ดร่างแหที่นำเข้าจากจีนหากต้มเป็นระยะเวลานานเนื้อเห็ดจะเปื่อยและยุ่ย  

 

“เห็ดร่างแหสายพันธุ์ไทยมีกลุ่มสารสำคัญซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูง  มีส่วนช่วยกระบวนการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจและสมอง  มีประโยชน์ต่อผู้บริโภคในด้านเป็นอาหารบำรุงสุขภาพและบำบัดโรคเพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัยและกลุ่มผู้รักสุขภาพ ในส่วนของวัสดุที่เหมาะสมต่อการเกิดดอกเมื่อผ่านกระบวนการเก็บผลผลิตแล้ว ยังสามารถนำมาใช้เป็นวัสดุปลูกให้แก่พืชผักได้อีกทางหนึ่ง  เนื่องจากมีอินทรียวัตถุและสารอาหารที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้  หากสนใจเทคโนโลยีการเพาะเห็ดสายพันธุ์ไทยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลา  โทร.0-7458-6725” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  กล่าว

 

พนารัตน์  เสรีทวีกุล : ข่าว

กลุ่มประชาสัมพันธ์ 

วันที่ 11 สิงหาคม  2563

Loading