วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

ตำรวจภาค 1 เจ๋งโชว์ผลงานเด่นทลาย 3 แก๊งโจรกรรมรถรายใหญ่

22 ธ.ค. 2017
389

ตำรวจ ภ.1 เจ๋งโชว์ผลงานเด่นทลาย 3 แก๊งโจรกรรมรถ รายใหญ่

วันที่ 22 ธันวาคม ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร.พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ พล.ต.ต.อำนาจ จันทร์เจริญ รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุรินทร์ ทับพันบุบผา ผบก.ภ.จว.อ่างทอง พล.ต.ต.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.บก.สส.ภ.1พล.ต.ต.สมหมาย ประสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยาพร้อมกำลังชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงจับกุมแก๊งโจรกรรมรถยนต์รวม 3 คดี ผู้ต้องหารวม 7 รายพร้อมรถกระบะและรถยนต์ 7 คันและอุปกรณ์ลักรถ อาทิ ไขควง คีมและกุญแจประดิษฐ์ขึ้นเอง
คดีแรก เจ้าหน้าที่ สภ.เมืองอ่างทองสนธิกำลังร่วมกับ กก.1บก.สส.ภ.1 ร่วมกันจับกุม นายศักดิ์ดา หรือดา หรือวิน เส็งรอดรัด อายุ 42 ปีอยู่บ้านเลขที่ 159 ม.5 ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จว.จันทบุรีและนายคมสันต์ หรือใหม่ ศรีม่วง อายุ 30 ปีอยู่บ้านเลขที่ 153/5 ม. 2 ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จว.สุพรรณบุรี พร้อมรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีดำ ทะเบียน บย 5381 สุพรรณบุรี รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี สีดำ ทะเบียน ฌข 3960 กรุงเทพมหานคร (คันที่ใช้ก่อเหตุ) รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน ผค 5468 นครปฐม และอุปกรณ์ลักรถทั้งไขควง คีม กุญแจประดิษฐ์ แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร


พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ต.ค.60 คนร้ายก่อเหตุลักรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมกซ์ สีดำ ทะเบียน บย 5381 สุพรรณบุรี บริเวณห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาอ่างทอง ต.โพสะ อ.เมือง ต่อมาวันที่ 27 ตุลาคม คนร้ายพยายามลักรถกระบะที่จอดอยู่ในห้างดังกล่าวแต่ ไม่สำเร็จก่อนที่จะหลบหนีไป หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจว.อ่างทองได้ตรวจหาลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายพบว่าตรงกับลายนิ้วมือของนายศักดิ์ดาจึงได้ออกสืบสวนจนทราบว่านายศักดิ์ดา พักอาศัยอยู่ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงเข้าตรวจสอบ และจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไว้ได้
จากการสอบสวนนายศักดิ์ดาและนายคมสันต์ ได้ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันลักรถยนต์โดยจะเลือกเอาเฉพาะรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ที่จอดอยู่ในห้างสรรพสินค้าและชุมชน มากว่า18 ครั้งแล้ว ในหลายพื้นที่ทั้งกทม./นครราชสีมา/ ระยอง /ชลบุรี /สมุทรปราการ/จันทบุรี สุพรรณบุรี /นนทบุรี/ และชัยนาท/ แต่ละครั้งจะใช้อุปกรณ์งัดแงะประตูรถ ก่อนเจาะช่องกุญแจแล้วขับรถหลบหนี ใช้เวลาก่อเหตุไม่เกิน 2 นาที เมื่อได้รถมาแล้วจะส่งขายต่อให้นายทวี (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง)
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด และกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี ร่วมกันจับกุม นายชลัมกรณ์ วรรณชาติ อายุ 36 ปี นายสิทธิชัย หรือเข้ม เย็นสุข อายุ 37 ปี นายธีรเจต หรือเก่ง ยอดประโคน อายุ 27 ปีและนายเข็มชาติ หรือเอ๋ ทับทิม อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม หรือร่วมกันรับของโจร พร้อมรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน 6 กฐ 2250 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง บ 2583 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีดำ ทะเบียน 3 กข 6272 กรุงเทพมหานคร และรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สีขาว ทะเบียน 1 ฒถ 9601 กรุงเทพมหานคร


พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ปากเกร็ด ว่ารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน 6 กฐ 2250 กรุงเทพมหานคร ได้หายไปจากบริเวณหน้าตึก ซี 3 คอนโดเมืองทองธานี จว.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.นนทบุรี ร่วมกับ สภ.ปากเกร็ด และตำรวจพื้นที่ใกล้เคียง จึงออกสืบสวนหาเบาะแสจนทราบว่า คนร้ายได้นำรถไปขายผ่านเว็บไซต์ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้วางแผนล่อซื้อโดยนัดรับรถย่านถนนพุทธมณฑลสาย 1 ทำให้สามารถจับกุมนายชลัมกรณ์ได้พร้อมรถที่ถูกลักมา สอบสวนรับว่าซื้อรถมาจากนายเข็มชาติผ่านแอพลิเคชั่นไลน์ ชุดจับกุมจึงขยายผลต่อเนื่อง
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.60 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางบัวทอง ได้จับกุมตัวนายสิทธิชัย ได้บริเวณอ.เมือง จว.สมุทรปราการ พร้อมรถยนต์ที่ถูกแจ้งหายไว้ 2 คัน สอบสวนนายสิทธิชัย รับว่า ร่วมกับนายชาญณรงค์ สกุลพลไพศาล อายุ 27 ปี (อยู่ระหว่างหลบหนี) ลักรถในพื้นที่สภ.บางใหญ่ นำไปขายห้นายเข็มชาติ นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่สภ.บางใหญ่ จับกุมนายธีรเจต พร้อมรถกระบะที่ถูกแจ้งหายไว้ จากการสืบสวนเชื่อว่าผู้ต้องหาลักรถยนต์หลายท้องที่ แล้วนำรถไปขายต่อให้นายเข็มชาติ จึงขอศาลจังหวัดนนทบุรีออกหมายจับทันที ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร และจับกุมนายเข็มชาติ ได้บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 19 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จากการสอบสวนรับว่ารับซื้อรถยนต์มาจากนายสิทธิชัยหลายคัน เมื่อได้รถมาจะส่งขายต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านทางจว.กาญจนบุรี


และคดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ บช.ภ.7 จับกุมนายประภพ หรือพี แดงแตง อายุ 42 ปี ชาวจ.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหารับของโจร ได้ที่อู่ซ่อมรถยนต์ไม่มีชื่อ เลขที่ 50 หมู่ 7 ต.คลองสวนพลู จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากคนร้ายก่อเหตุลักรถยนต์ในพื้นที่ บช.ภ.1 และ บช.ภ.7 หลายครั้ง เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนจับกุม ก่อนขยายผลจนทราบว่ากลุ่มคนร้ายมักนำรถยนต์ขายต่อให้นายประภพ ราคาคันละ 50,000 บาท จากการตรวจสอบภายในอู่พบรถยนต์ต้องสงสัยไม่มีหลักฐานมาแสดง 7 คัน สอบสวนนายประภพให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่จึงนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า คดีลักรถทั้ง 3 คดี ส่วนใหญ่ใช้ไขควง ประแจ ในการไขเข้าไปทางด้านใต้มือจับประตูเพื่อเปิดล็อคเมื่อได้รถจะนำไปขายต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ ในส่วนของคดีที่ 2 มีผู้เสียหายเป็นผู้สื่อข่าวเพจ อีจัน ทราบชื่อ นายภูมิพัฒน์ มะลิ อายุ 28 ปี ด้วย ขอแนะนำพี่น้องประชาชนว่าควรดูแลรถยนต์ให้ดี หากสามารถติดสัญญาณกันขโมย เครื่องติดตามหรือ GPS ได้ ให้ติดไว้ เพราะช่วยป้องกันการสูญหายได้ อีกทั้งเมื่อสูญหาย จะช่วยให้เจ้าของหรือเจ้าหน้าที่ติดตามรถกลับมาได้ ที่สำคัญเมื่อไปไหนมาไหน ต้องระมัดระวังการฝากกุญแจไว้กับผู้อื่น เนื่องจากอาจนำไปปั๊มกุญแจได้ โดยเฉพาะตามปั๊มน้ำมันและสถานบริการ


ด้าน นายภูมิพัฒน์ หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ก่อนวันเกิดเหตุ นำรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน 6กฐ 2250 กรุงเทพมหานคร ไปจอดในเมืองทองธานี เพื่อไปทำงานข่าวต่างจังหวัด เป็นเวลา 3 วัน พอกลับมารถหายไป จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบพบว่า คนร้ายขับรถวนเวียนอยู่บริเวณเมืองทองธานีหลายรอบ ก่อนหายไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจแนะนำว่า ให้เช็กตามเพจรับจำนำรถ ตนจึงตรวจสอบพบว่ามีคนเสนอขายรถลักษณะใกล้เคียงกับรถของตนอยู่ในเว็บไซด์ขายรถ เมื่อดูรูปก็เชื่อว่าเป็นรถที่หายไป เพราะสีของยางปัดน้ำฝน บังโคนหน้ารถมีลักษณะเปิดออกมา พ.ร.บ.รถยนต์ติดอยู่บริเวณกระจกซ้ายล่าง เหมือนกับรถตัวเอง จึงติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะติดต่อผู้ขายเพื่อล่อซื้อ โดยตกลงกันที่ราคา 115,000 บาท และนัดรับรถที่พุทธมณฑล สาย 1 เมื่อถึงเวลานัดดูรถ ปรากฏว่าทะเบียนรถตรงกับของตน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมคนร้ายได้ในที่สุด

Loading