วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

สุโขทัย-ฟ้องเรียกเงิน 50 ล้าน

12 มี.ค. 2018
43

วันที่ 12 มี.ค.61 จากกรณีมีการโพสท์วิพากษ์วิจารณ์กันถึงเรื่องพระครูสังฆรักษ์เกรียงไกร สุภาทโร เจ้าอาวาสวัดศรีชุม ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย ฟ้องเรียกเงิน 50 ล้าน จากกรมศิลปากรนั้น ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม จากเจ้าอาวาส พระครูสังฆรักษ์เกรียงไกร สุภาทโร เจ้าอาวาสชี้แจงว่า ที่ได้นำเรื่องของสิทธิและความถูกต้องในการอยู่อาศัยมาเรียกร้องนั้นไม่ได้ต้องการความแตกแยก แต่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ เพราะพื้นที่ของวัดได้มีการนำมาจัดสรรผลประโยชน์ในการจัดเก็บค่าเข้าชมพระอจนะ ซึ่งพุทธศาสนิกชนทุกคนมีสิทธิที่จะเข้าไปกราบสักการะพระอจนะ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้า โดยเริ่มแรกได้นำเรื่องร้องเรียนไปที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุโขทัย และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุโขทัย แต่ไม่มีความคืบหน้า จึงร้องเรียนตามกฎหมาย จุดประสงค์เพื่อให้ยกเลิกการเก็บค่าเข้ากราบสักการะ เพราะเป็นการไม่เคารพต่อความศรัทธาของชาวพุทธในการเข้ากราบองค์พระอัจนะแทนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า อีกทั้งต้องการให้กรมศิลปากรได้ชี้แจงการนำรายได้จากการจัดเก็บค่าเข้าชมโบราณสถาน ตั้งแต่ปี 2522 จนถึงปัจจุบัน นั้นนำไปทำอะไรบ้างให้ชัดเจน และมีหลักฐาน รวมถึงขอกระบวนการยุติธรรมชี้ให้เกิดความชัดเจนในการครอบครองที่ดิน ซึ่งทางวัดมีหลักฐานเอกสารสิทธิ์ สค.1 ออกตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ.2498 มีหลักฐานปรากฏการครอบครองเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2478 และคิดว่าที่ดินที่เป็นที่ตั้งวัดไม่ควรถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือที่วัดและที่โบราณสถาน การที่กรมศิลปากรนั้นเข้ามาดำเนินการสร้างรั้ว ทำประตูเพื่อปิดกั้นเขตสังฆาวาสและเขตโบราณสถานวัดนั้นเป็นเหตุที่กระทำเพื่อให้เกิดการแบ่งแยก และปิดกั้นสิทธิของวัด การกระทำของกรมศิลปากร ได้กระทำการโดยมิชอบ คือจัดสรรผลประโยชน์ ในพื้นที่อันเป็นที่ตั้งวัดโดยมิได้ขออนุญาต ผาติกรรม

ซึ่งพระครูสังฆรักษ์เกรียงไกร สุภาทโร เจ้าอาวาสเองต้องการความถูกต้องในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งเพื่อให้เกิดสิ่งที่ถูกต้องชัดเจน ตนมีหน้าที่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เป็นไปตามสิทธิและหน้าที่เท่านั้น มิได้กระทำการเพื่อให้เกิดความแตกแยก เพราะหากวัดไม่ดำเนินการแก้ไขเพื่อให้เกิดความถูกต้องและชัดเจนขึ้น ทางเจ้าอาวาสวัดก็ถือว่าได้กระทำการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ เพราะทำให้เกิดความเสียหายแก่ศาสนสมบัติและชื่อเสียงวัด และจะเคารพคำตัดสินของศาลทุกประการ ซึ่งวัดในเขตอุทยานฯ มรดกโลก ก็มีหลายวัดที่มีโฉนด รวมถึงที่ดินราษฎรอีกหลายผืนก็มีโฉนดอยู่ในเขตอุทยานเช่นกัน

นายยันต์ พุทธเปีย กรรมการวัดศรีชุม ผู้อาศัยอยู่ในชุมชนวัดศรีชุม เห็นด้วยกับทางวัดที่เรียกร้องให้ทางกรมศิลปากร เปิดทางเข้าไปยังมณฑปพระอัจนะ และได้ชี้ให้เห็นสะพานเชื่อมเล็กๆที่ชาวบ้านเคยใช้เป็นทางเชื่อมวัดกับมณฑปพระอจนะ ถูกล๊อคปิดกุญแจ อีกทั้งการล้อมรั้วแบ่งเขตของทางกรมศิลปากรที่ทำให้ขาดการเป็นหนึ่งเดียวกัน นักท่องเที่ยวไม่ได้รับความสะดวก และต้องวนกลับไปเข้าทางด้านหน้าอีกครั้ง
ทางด้านชาวสุโขทัยส่วนใหญ่ต่างคลางแคลงใจแบ่งเป็นเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ที่เห็นด้วยคือการไม่เก็บเงินค่าเข้ากราบพระอจนะ ส่วนที่ไม่เห็นด้วยเพราะคิดว่าพระอจนะได้รับการบูรณะจากกรมศิลปากร หากไม่มีกรมศิลปากรเข้ามาดูแลในวันนั้น พระอจนะคงไม่สวยงามเช่นวันนี้

ด้านผอ.อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ไม่หนักใจ เพราะวัดศรีชุมที่เรียกร้องกรมศิลปากร 50 ล้านบาท พร้อมขอคืนพื้นที่วัดนั้น เป็นวัดใหม่ ไม่ใช้วัดศรีชุมเก่าในอดีต ร.อ.บุณยฤทธิ์ ฉายสุวรรณ ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เปิดเผยถึงกรณีวัดศรีชุม โดยพระครูสังฆรักษ์เกรียงไกร สุภาทโร เจ้าอาวาสวัดศรีชุม ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย ฟ้องเรียกเงิน 50 ล้านจากกรมศิลปากรนั้นไม่ได้มีความหนักใจแต่อย่างใด และได้ส่งคำฟ้องให้นิติกร กรมศิลปากรดำเนินการแล้ว ซึ่งในความจริงวัดศรีชุมปัจจุบันเป็นวัดศรีชุมใหม่ มีการรับรองสภาพวัดจากสำนักงานพระพุทธศาสนาเมื่อปี 2536 มีการสร้างวัดขึ้นมาใหม่บนที่เดิม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องและเป็นคนละวัดกับวัดศรีชุมในสมัยสุโขทัย ส่วนการเปิดทางเชื่อมสะพานจากเขตวัดเข้าไปยังมณฑปพระอจนะนั้น ทางอุทยานฯมีการอนุญาติให้ทางวัดเข้ามาทำศาสนกิจได้ เช่นในคืนวันเพ็ญที่มีการสวดมนต์ช่วงกลางคืน ส่วนนักท่องเที่ยวนั้นขอให้เข้าชมจากทางด้านหน้าของโบราณสถานวัดศรีชุม เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยตามระเบียบของกรมศิลปากร

 

Loading