นครปฐม สลดรถทับหัวเละแม่วัย 71 ปี พร้อมลูกชายดับอนาถ
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2561 เวลา 20.30น.ร.ต.อ.บุญชาญ เทียนกัณเทศน์ รอง สว.สอบสวน สภ.กำแพงแสน ได้รับแจ้งเหตุมีรถชนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย บนถนนพลดำร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม จุดกำแพงแสน
ที่เกิดเหตุ ถนนพลดำริ สายกำแพงแสน-บางเลน พื้นที่ ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ปากทางเข้าบ้านหนองไม้แดง พบรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวฟไอ สีฟ้า หมายเลขทะเบียน 1 กข 2570 นครปฐม สภาพคอหน้าหักไฟท้ายยังมีสีแดงอยู่ ภายรอบพบห่อหมาก ยาดม ยาหม่อง โทรศัพย์มือถือ กุญแจรถ ถุงห้ออาหาร มะม่วง แตกเกลื่อนกระจายเต็มถนน สมุดบัญชีธนาคาร และเงินสดในห่อหมากจำนวน ประมาณ 370 บาท และรถ จยย.ยังมีนำมันรั่วใหลออกมา ห่างจากรถ 11.40 เมตร พบศพผู้เสียชีวิตเป็นหญิงสภาพถูกรถทับที่ศรีษะยุบ ส่วนขาฉีกขาดเป็นที่น่าสยดสยองและหดหู่ต่อผู้พบเหตุทราบชื่อต่อมานางสั้น เภาเตี้ย อายุ71 ปี บ้านเลขที่ 78 . ม.7 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม สวมสื้อลายผ้าขาวม้าแขนยาว กางเกงสีเขียว ห่างไปอีก15.60 เมตร พบศพสภาพหัวโดนรถทับจนเละสมองแตกกระจายใหลเป็นทาง ทราบชื่อต่อมานายเพชร เภาเตี้ย อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 78 ม.7 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม มีอาชีพเป็น รปภ.ดีคอนโด หน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน
จากการสอบถามนายณัฐ ผู้ขับขี่รถยนต์ในช่วงเกิดตนเองพร้อมภรรยาขับรถกระบะโตโยต้าวีโก้สีทองหมายเลขทะเบียน บล 1029 นครปฐม มุ่งหน้าไปตัวอำเภอกำแพงแสนและวิ่งมาทางตรงเลนกลางจู่ๆก็มีรถจักรยานยนต์คันที่เกิดเหตุวิ่งออกมาจากซอยหมู่บ้านกรีนแลนด์อย่ารวดเร็วและได้พุ้งชนแก้มแถบซ้ายยุบ ไฟหน้าแตก กันชนฉีก และล้อหน้ายางแตกตนเองจึงได้นำรถเข้าข้างทาง จากนั้นตนเองเห็น ผู้หญิง กับผู้ชายรถ จยย.ล้มลงกลางถนนและเห็นผู้ชายเดินมาเพื่อที่จะประคองผู้หญิงขึ้นมา ทันใดนั้นได้มีรถวิ่งมาทางบางเลนมุ่งหน้าไปอำเภอกำแพงแสน ได้ชนและเหยียบ ชายหญิงคู่นั้น เสียชีวิตคาที่ จากนั้นรถคันที่ชนได้ขับรถหลบหนีไป ตนเองได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พอทราบว่ามีผู้สูงอายุและลูกชายเป็นแม่ลูกกันทำให้หดหู่เป็นอย่างมาก
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจพอทราบชื่อผู้เสียชีวิตได้ติดต่อญาติให้มาตรวจทรัพย์สินผู้เสียชีวิตและได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม นำร่างผู้เสียชีวิตไปยังโรงพยาบาลกำแพงแสนเพื่อชันสูจน์และจะได้ส่งมอบให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
