วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

ลูกค้า ธกส.เปิดโครงการชำระหนี้ดี มีคืน ให้แก่ลูกค้า

ตราด-ลูกค้า ธ.ก.ส.เฮ! เปิดโครงการ ชำระหนี้ดี มีคืน ให้แก่ลูกค้า

วันที่16 มีค 61 ว่าที่ร้อยโท บัญฑิต ช่างสมบูรณ์ ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.จังหวัดตราด เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนถึงโครงการ ชำระหนี้ดี มีคืน ให้แก่ลูกค้าที่ชำระหนี้ดีของธนาคาร ธ.ก.ส.ทั้ง 4 สาขา โดยคณะกรรมการได้มีการอนุมัติโครงการและมีการคืนดอกเบี้ยให้กับพี่น้องเกษตรกรที่มีต้นเงินเป็นหนี้ไม่เกิน 3 แสนบาท ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 โดยลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มดังกล่าวหากมาชำระหนี้กับทางธนาคารตามกำหนดของธนาคาร ทางธนาคารก็จะคืนดอกเบี้ยคืนให้ในอัตราร้อยละ 30 โดยจะคืนให้ในเดือนถัดไปที่ลูกค้ามาชำระตามกำหนดเวลาดังกล่าว โดยโครงการชำระหนี้ดี มีคืน ได้เริ่มมาแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 และได้คืนดอกเบี้ยให้กับลูกค้าเกษตรกรที่ชำระหนี้ตรงกำหนดของธนาคารในเดือนกุมภาพันธุ์ที่ผ่านมา โดยในส่วนของดอกเบี้ยที่ทางธนาคารได้คืนให้แก่ลูกค้าเป็นการไปลดต้นเงินที่ลูกค้าจะนำมาคืนกับทางธนาคาร โดยโครงการนี้จะสิ้นสุดลงภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ซึ่งในปีที่ผ่านมาสำนักงาน ธ.ก.ส. จ.ตราด ได้คืนเงินดอกเบี้ยให้กับลูกค้ารวมทั้งหมด 7,441 สัญญา เป็นเงินรวมแล้ว 9 ล้านหกแสนบาทเศษ ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆของธนาคาร ธ.ส.ก.ที่อยากฝากไปถึงพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดตราด กับโครงการ ชำระหนี้ดี มีคืน
******ว่าที่ร้อยโทรบัณฑิต ผู้อำนวยการ ธ.ก.ส.ตราด ยังกล่าอีกว่า ขอให้ลูกค้าเกษตรกรขอให้รักษาวินัยทางการเงินกับทางธนาคาร ถึงเวลาก็มาชำหนี้ตามกำหนดกับทางธนาคาร ทางธนาคารก็จะคืนดอกเบี้ยให้ และอีกหนึ่งโครงการดีๆกับธนาคาร ธ.ก.ส.คือโครงการเงินฝากสลาก ธ.ก.ส. หรือ เกษตรมั่งคั่ง 2 ซึ่งจะมีการจับรางวัลเป็นครั้งแรกของสลากรางวัลของชุดนี้ในวันที่ 16 มีนาคม 2561 หรือในวันนี้ อาจจะมีผู้ถูกรางวัลที่ 1 เป็นเงินจำนวน 10 ล้านบาท นอกจากนี้ทางธนาคาร ธ.ก.ส.ตราด ยังมีโปรโมชั่น ให้กับลูกค้าที่มาฝากเงินกับทาง ธ.ก.ส.ภายในเดือนเมษายน ก็จะมีการจับรางวัลมอบทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 18 รางวัล โดยลูกค้าเกษตรกรสนใจนำเงินฝากกับทาง ธ.ก.ส.เพื่อลุ้นรางวัลทองคำได้ทั้ง 4 สาขา ของจังหวัดตราด และขอขอบคุณลูกค้าเกษตรกรที่ไว้วางใจทางธนาคาร ธ.ก.ส.ที่ดูแลลูกค้ามายาวนานถึง 51 ปี

ภาพ/ณัฐวุฒิ สวัสดิ์วารี
ข่าว/วิเชียร ม่วงสี
นาย พรเทพ เขม้นเขตวิทย์
รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

Loading