วันเสาร์, 20 เมษายน 2567

ตราด-ช็อค ยิ่งกว่านิยาย คนใจบาปจำนำเมรุเผาผีวัดคลองหลอด

ตราด-ช็อค!ยิ่งกว่านิยาย คนใจบาปจำนำเมรุเผาผีวัดคลองหลอด ชาวบ้านเตรียมร่วมบริจาคเงิน ไถ่ถอนเมรุ
วันที่ 20 มีค. 61 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านม.9 บ้านคลองหลอด ต.ประณีต อ.เขาสมิง จ.ตราด ว่าวัดคลองหลอด ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ประจำหมู่บ้านคลองหลอด ถูกคนใจบาป นำที่ดินที่ใช้สร้างเมรุของวัดไปจำนำจำนองกับร้านทองแห่งหนึ่งในอำเภอขลุง จ.จันทบุรี จึงเดินทางเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางวัดโดยไปนมัสการหลวงพ่อ พระสมุห์จิตร ฐานรโต เจ้าอาวาสวัดคลองหลอด สอบถามถึงเรื่องราวความเป็นมาของการนำเมรุของวัดไปจำนำจำนองดังกล่าว

พระสมุห์จิตร ฐานรโต เล่าให้ฟังว่าวัดขอซื้อที่ดินสำหรับสร้างเมรุดังกล่าวจากนายสงวน หรือนายแป๊ก นางอุบล กลิ่นประดิษฐ์ ชาวบ้านบ้านนาวง ม.1ต.ประณีต อ.เขาสมิง จ.ตราด เมื่อปี2534 เพื่อสร้างเมรุ ในราคา5หมื่นบาทและทำการสร้างเมรุดังกล่าว เป็นที่ดินเอกสารรับรองการทำประโยชน์ (นส.3) จำนวน6 ไร่1 งาน52 ตรว. เลขที่ 1059 เล่ม 11ข. หน้า 9 เลขที่ที่ดิน 57 ใช้เป็นที่ประกอบพิธีฌาปนกิจศพ ต่อมาใน แต่ต่อมาทราบว่าที่ดินดังกล่าว ถูกนำไปจำนองกับร้านทองแห่งหนึ่งในอำเภอขลุง ซึ่งทางวัดได้ติดต่อไปยังเจ้าของร้านทองเพื่อปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลวงพ่อบอกว่าเจ้าของร้านทองบอกว่าไม่ต้องไปหา เดี๋ยวจะมาเอง ซึ่งทางวัดก็รอมาจนบัดนี้ เป็นเวลานานถึง 27ปีแล้ว ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้น และยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไร แต่ก็ยังใช้เมรุดังกล่าวในการประกอบพิธีฌาปนกิจศพเรื่อยมา หลวงพ่อบอกว่าเดิมที่ดินแห่งนี้เจ้าของใช้ทำเหมืองพลอย ขุดพลอย ต่อมาพลอยหมดจึงขายให้วัดดังกล่าว แต่ปัจจุบันเจ้าของที่ดินแห่งนี้เสียชีวิตไปแล้ว

ขณะนายสนอง นุสิทธิ์รัมย์ อายุ 65 ปี ไวยาวัจกรณ์วัดคลองหลอด และนายสุรินทร์ คงสมใจ อายุ 76 ปี อดีตมรรคทายกวัดคลองหลอด เล่าฟังว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความจริง โดยเจ้าของร้านทองที่รับจำนองที่ดินมาดูที่ดินหลังรับจำนองแล้ว และพบว่าเป็นที่ของวัดที่สร้างเมรุอยู่ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะรับจำนองจ่ายเงินไปมากแล้ว แต่ไม่บอกว่าเท่าไหร่ โดยนายจ๊อย บุตรชายของนายแป๊กและนางอุบล เอาที่แปลงนี้ไปจำนองเอาทั้งเงินและทองจากตนเองมามามาก จะให้ยกที่ดินคืนวัดก็เสียดายเงิน จึงปล่อยให้เรื่องคาราคาซังมานานถึง 27ปีแล้ว ซึ่งการมาตรวจสอบข้อเท็จจริงของผู้สื่อข่าว ทำให้ชาวบ้าน และคณะกรรมการวัดบอกว่า จะต้องหาทางไปพบเจ้าของร้านทองอีกครั้งเพื่อรวบรวมเงินไปไถ่ที่ดินคืน ยังไม่รู้ว่าเจ้าของร้านทองจะเอาเงินเท่าไหร่ เฉพาะเงินต้นก็ประมาณ6-7 หมื่นบาทแล้ว และผ่านมาหลายปี ไม่รู้ร้านทองจะคิดดอกเป็นเงินเท่าไร

 

สำหรับวัดนี้เป็นวัดเล็กๆ มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาเพียง3รูป ได้รับการยกเป็นวัดเมื่อปี2542 ซึ่งจะต้องหาผู้ใจบุญ หรือชาวบ้านช่วยกันรวบรวมเงินไปไถ่ที่ดินสร้างเมรุคืนจากเจ้าของร้านทองต่อไป ขณะนายจ๊อย ผู้ที่นำที่ดินของวัดไปจำนองชาวบ้านบอกว่ายังลอยนวลอยู่ในหมู่บ้านนาวง โดยวางแผนเอาที่ดินไปจำนองด้วยการไปแจ้งความว่าเอกสารที่ดินหาย และไปขอคัดเอกสารใหม่ เพื่อเอาไปจำนอง ทั้งๆเอกสารเดิมทางวัดยังเก็บไว้ อันเป็นอกสารที่แท้จริง แจ้งโอนลอยไว้ แต่ยังไม่ได้ลงชื่อผู้รับโอน เรื่องนี้จะลงเอยอย่างไรจะเอาผิดคนใจบาปมาลงโทษได้หรือไม่ ก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะมีหน่วยงานของรัฐเข้ามาช่วยหรือไม่ อย่างไร

 

ภาพ/ข่าว ณัฐวุฒิ  สวัสดิ์วารี
นาย พรเทพ เขม้นเขตวิทย์
รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

Loading