สภาทนายความรับฟังปัญหาและข้อเท็จจริงกรณีการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่อู่ทอง
เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 6 เม.ย. 61 ที่ศาลาการเปรียญ วัดโพธาราม(วัดจระเข้สามพัน) ต.จระเข้ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ได้มีชาวจระเข้สามพัน นำโดยนายธวัช สิทธิธัญญาศิลป์ และ ผู้หวั่นผลกระทบจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล กว่า 500 คน นำชาวบ้านมาต้อนรับ คณะทำงานสำนักงาน คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สภาทนายความ นำโดย นายดำรง เครือแก้ว อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ สภาทนายความ นำคณะทำงานกว่า 10 นาย จัดเวทีระดมความคิดเห็น และ ลงพื้นที่ ต.จรเข้สามพัน ตรวจสอบข้อเท็จจริง และรับฟังปัญหา ในการคัดค้านโรงไฟฟ้า ที่จะสร้างในพื้นที่ ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี โดยมีการดูแลความสงบเรียบร้อยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และ ฝ่ายปกครอง
ซึ่งการรับฟังปัญหาครั้งนี้ มี น.ส.ธนวรรณ ศรีทองคำ ชาวบ้าน ม.6 ต.จระเข้ อ.อู่ทอง ได้นำสำเนาหนังสือร้องเรียน ที่เคยทำไปถึงศาลปกครอง กรณีเรื่องผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อม พร้อมกับได้ประกาศถ้าตายให้เอาศพไปตั้งหน้าโรงไฟฟ้า จนกว่าจะเลิกทำโรงไฟฟ้าค่อยเอาไปเผา ซึ่งคณะทำงานสำนักงาน คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สภาทนายความ ได้ยินดีจะให้คำปรึกษา และ รับฟังความจริง เพื่อให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนจากการสร้างโรงไฟฟ้า
จากนั้นช่วงบ่าย คณะทำงานสำนักงาน คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สภาทนายความ ได้นำคณะลงพื้นที่ก่อสร้างโรงงาน ซึ่งพบกับ นายจำลอง รุ่งเรือง ที่ปรึกษาบริษัทอู่ทองกรีนพาวเวอร์จำกัด นำตัวแทนชาวบ้านและสื่อมวลชน เข้าชมสถานที่ก่อสร้าง พบว่าที่หน้าทางเข้า ติดป้ายอันตราย ห้ามเข้า แต่มองจากภายนอกจะพบรถแบ็คโฮ และ รถบรรทุก วิ่งเข้าออกตลอดเวลา นายจำลอง ได้พาคณะเข้าสำรวจภายในพบมีการปรับพื้นดินกว่า 200 ไร่ ซึ่งบางส่วนชาวบ้าน ได้ชี้ให้ดูจุดที่เป็นลำรางคลองส่งน้ำสาธารณะ แล้วถูกผู้ประกอบการลุกล้ำ ทำให่เกิดปัญหาน้ำท่วมที่นา ซึ่งทางด้านสภาทนายความ ได้รับเรื่องเอาไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ด้านนายปัญญา ใคร่ครวญ ประธานกองทุนสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำจรเข้สามพัน กล่าวว่า หากโรงไฟฟ้าเกิดขึ้น ปัญหาน้ำเสียอาจเกิดการปล่อยลงสู่แม่น้ำจรเข้สามพัน ซึ่งเป็นแม่นำสายหลักของ อ.อู่ทอง ทั้งเป็นแม่น้ำที่ใช้เป็นน้ำดิบผลิตน้ำประปา และเป็นแม่น้ำประวัติศาสตร์ ของชาวอู่ทอง ที่แสดงถึงวิถีชีวิตและอารยธรรมเก่าแก่ของชาวอู่ทอง ปีญหาการขนส่งจะทำให้ถนนในหมู่บ้านเสียหาย รวมถึงมลภาวะทางอากาศ ทั้งฝุ่น และควัน จะก่อปัญหามลภาวะให้แก่ชุมชน
ทางด้านนายจำลอง รุ่งเรือง ที่ปรึกษาบริษัทอู่ทองกรีนพาวเวอร์จำกัด ได้กล่าวว่า จากนี้ไปทางผู้ประกอบการยินดีที่จะรับฟังปัญหาจากชาวบ้าน โดยมีคณะทำงาน คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สภาทนายความ เป็นสื่อกลางในการจัดเวทีรับฟังอีกที ซึ่งหากโรงงานได้สร้างขึ้นแล้ว มีปัญหาตามที่มีผู้ร้องเรียนเข้ามาแล้ว เรายินดีปิดโรงงานไฟฟ้าให้ชาวบ้านทันที ไม่ต้องให้มีการเดินขบวนใดๆ เรายินดีทำ เอ็มโอยู ร่วมกับชาวบ้าน เพื่อเป็นพันธะสัญญากับชาวบ้านที่คัดค้านต่อไป.
