วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย!!สุดชำ้หนุ่มก่อสร้างถูกบังคับมาทำงานค่าแรงวันละ 100 บาท

ชีวิตจริง ยิ่งกว่านิยาย !! หนุ่มก่อสร้างถูกบังคับให้มาทำงานก่อสร้าง จำใจหอบเมียรักพร้อมลูกน้อย 3 คนขึ้นมา แทนที่จะมีงานทำเลี้ยงครอบครัว แต่กลับได้รับค่าแรงเพียงวันละ 100 บาท เลี้ยงเมียและลูกน้อย นานวันเข้า

นายจ้าง ลอยแพร หนีหาย ปล่อยเผชิญชะตากรรม อาศัยน้ำใจจากรถกับข้าว ให้อาหารประทังชีวิต หมอหนทางหวังพาครอบครัว “ไปตายเอาดาบหน้า ” ควักเงินก้อนสุดท้าย ที่มีเพียง 60 บาท เติมน้ำมันรถ จยย.คู่ทุกข์คู่ยาก พาเมียรักและ 3 ลูกน้อยออกเดินทาง ระหว่างทาง เหมือนกรรมซ้ำ ยางรถ จยย.ระเบิด จนปัญญาแล้ว หอบลูกน้อยเป็นหญิง 3 คนพร้อมภรรยา เข้าอาศัยศาลาริมทาง โชดดีเจอ สอง ตา ยาย ใจบุญ เข้ามาถาม และให้พักในกระท่อมของตนเอง ที่จะถูกที่เมื่อไหร่ไม่รู้ ด้วยความเวชทนาสงสาร รอดพ้นจากพายุฝนและลม ที่ถล่มอย่างหนัก หลังจากที่ไม่สามารถกลับบ้านได้ จึงเอ่ยปาก ขออาศัย ข้างๆกระต๊อบ ตา ยาย มีเพียงผ้าพลาสติก คุมเป็นกระโจก บังฝน บังแดด เพียงเท่านั้น อย่างไร้หนทาง หวังเพียงผู้ใจบุญมอบความช่วยเหลือ

ในวันนี้(18 มิ.ย.61) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ม.3 ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรีตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังโลกโซเชี่ยน ได้ลงขอความช่วยเหลือ ครอบครัวหนุ่มก่อสร้าง ที่ถูกนายจ้างโกงค่าแรง จนต้องหอบเมียและลูกน้อย ออกเดินทางไปกลับบ้านต่างจังหวัด แต่เจอกับกรรมซ้ำ รถ จยย.ที่ใช้เป็นยานพาหนะเกืดยางระเบิด แบบหมดหนทาง จนต้องหอบลูกน้อยและภรรยา พักศาลาข้างถนน เป็นที่เวทนา สองตา ยาย ใจบุญจึงพาเข้าในกระต๊อบ หลบแรงลมฝน พร้อมก่อาหารให้กิน ซึ่งนาย สงกรานต์ ศรีบุญเพ็ง อายุ 37 ปี ชาวจังหวัด สระบุรี หนุ่มก่อสร้าง พร้อม ภรรยา น.ส.อำมรา สุขคำ อายุ 27 ปี และลูกน้อยเป็นวัยเพียง 6 ขวบ 4 ขวบ และ 2 ขวบ ในขณะที่บุตรคนโต อายุ 6 ขวบน้องแก้ว เป็นพิการ มีการชักเกร็งด้านซ้ายครึ่งตัว ทั้งแขน ขา และพูดไม่ได้ ได้เผยวิบากกรรม ทั้งน้ำตาว่า ถูกจ้างไปหลอกแกมบังคับจาก สระบุรี ให้มาทำงานก่อสร้างที่ จ.ระยอง โดยยก จยย.ของตนขึ้นรถมา จึงทำให้ตนและครอบครัวต้องยอมขึ้นรถมาทำงานก่อสร้างที่ จ.ระยอง โดยช่วงแรกๆจะให้ตนเบิกเงินค่าแรงเพียง วันละ 100 บาท พอมาระยะหนึ่งก็ไม่ให้เบิก และทิ้งคนงานทั้งหมดลอยแพร รวมทั้งตนเองและครอบครัวด้วย ซึ่งหลังจากนั้นได้อาศัยอาหารจากรถขายกับข้าว ที่ใจบุญให้อาหารประทังชีวิต จนสุดทนด้วยความสงสาร

ลูกเมีย จึงควักเงินก้อนสุดท้าย ที่มีเพียง 60 บาท เติมน้ำมันรถ จยย.หวังขี่พาครอบครัวกลับบ้านที่ สระบุรี โดยขับขี่ออกมาจากระยอง มาตามถนนสาย 331 เพราะจำได้ว่าถนนเส้นนี้ไปถึง สระบุรี ได้ ซึ่งระหว่างทางเหมือนกรรมซ้ำ รถ จยย.เกิดยางระเบิด ไปต่อไปไม่ได้ ตนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหอบลูกน้อย 3 คนและภรรยาเข้าพักหลบลมฝน ที่กำลังจะตกที่ศาลาริมทาง แต่ก็ถือเป็นความโชดดี ที่ ตา เสงี่ยม อายุ 63 ปี และยาย เผียบ อายุ 84 ปี สองตายาย ที่ปลูกกระต๊อบ ใกล้ๆนั้น ได้เดินมาหาพวกตน และให้เข้าพักอาศัยในกระต๊อบ พร้อมหุ้งหาอาหารให้กิน อย่างดี หลังจากนั้นตนจึงขออาศัยข้างๆกระต๊อบ ตา ยาย ทำโจมพัก เล็กๆขึ้น โดยใช้พลาสติกคุม บังฝน บังแดด จนมีผู้มาพบและสอบถามและนำไปลงใน โลกโซเชี่ยน ขอความช่วยเหลือ จนเป็นข่าวใหญ่โต ซึ่งรู้กังวนและกลัวมากๆ ซึ่งขณะนี้มีผู้ใจบุญเข้ามาเอา นมกล่อง ขนม มาให้เด็กๆ ตลอดมีข้าวสาร อาหารแห้ง ไข่ไก่ ก็มีผู้ใจบุญเอามาให้ แต่ก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไร ต่อไป นาย สงกรานต์ กล่าวทิ้งท้าย

ล่าสุด ทาง อบต.เข้าไม้แก้ว ได้ทราบข่าวจากทางโซเชี่ยน ได้ลงพื้นที่พบนาย สงกรานต์และครอบครัวแล้ว เพื่อหาแนวทางในการช่วนเหลือต่อ ล่าสุดนาย บัญชา อุดง สมาชิก อบต.เขาไม้แก้ว และนาง วิลาวัลลณ แก้วรุ่ง เลขานายก อบต.เขาไม้แก้ว ได้กล่าว ที่ตรงจุดดังกล่าวเป็นหลวง ที่ทาง อบต.รับผิดชอบ ซึ่งต่อไปก็จะต้องมีการโยกย้ายออกไป เพราะเป็นพื้นที่ขยายถนน เส้นนี้ ซึ่งในขณะนี้ นาย เจษฏา ศรีดาบัณติ ผู้ช่วยผู้มหญ่บ้าน ม.4 ต.เขาไม้ ได้เสนอให้เข้าไปพักอาศัยที่ สวนของตนเอง และจ้างให้ดูแลสวนด้วย ในขณะเดียวทาง อบต.จะส่งเด็กๆให้แพทย์ฉีดวัคซีน และตรวจสุขภาพด้วย ทั้งครอบครัว เพราะบุตรสาวคนโตใหญ่ มีโรคประจำตัวด้วย อาการชักเกร็ง และจะมีการพูดคุยหารือเพื่อหาที่อยู่ให้เป็รหลักแหล่งได้แล้ว ก็จะดูแลในเรื่องการศึกษาของเด็กๆ ต่อไป

ภาพ/ข่าว สมชาย แก้วนุ่ม
นาย พรเทพ เขม้นเขตวิทย์
รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

Loading