วันอังคาร, 23 เมษายน 2567

เดอะโอ๋!!!ลุยล้างบางแก๊งโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ข้ามชาติ”

11 ก.ค. 2018
14

เดอะโอ๋!!! ลุยล้างบางแก๊งโจรกรรมรถยนต์รถจักรยานยนต์ข้ามชาติชำแหละแยกชิ้นส่วนส่งขายต่อประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อวันที่ 9 ก.ค.61 ที่ผ่านมา ที่บริเวณด้านหน้า ภ.จว.นนทบุรี อ.เมือง จ.นนทบุรี พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 / ผอ.ศปจร.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 / รอง ผอ.ศปจร.ภ.1 พ.ต.อ.วสันต์ บุญเจริญ รอง ผบก.ฯ รรท.ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ณัฐพล ศุกระศร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมกันแถลงข่าวขยายผลการปฏิบัติของงาน ศปจร.ภ.1ในการปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของแก๊งโจรกรรมรถข้ามชาติ โดยเมื่อวันที่ 1 ก.ค.61 เวลาประมาณ 23.30 น.ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสามารถจับกุมตัว นายอนิรุทธิ์ หรือยู ขันมณี อายุ 35 ปีอยู่บ้านเลขที่ 15 ซ.ทรายทอง4 ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี จว.นนทบุรี นาย KHIN MAUNG WIN (คิน มาว วิน) สัญชาติพม่า อายุ 34 ปี (หนังสือเดินทางเลขที่ MA787576)นายซาฮิด อายุ 38 ปี (บุคคลที่ไม่มีสถานะทาง ทะเบียน)ได้ที่บ้านเช่าเลขที่ 36/98 ห้องพักเลขที่ 1 ซ.ลำลูกกา 3 แยก 25 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานีซึ่งใช้เป็นสถานที่เก็บซุกซ่อนรถจักรยานยนต์ที่ถูกโจรกรรมมาจากสถานที่ต่างๆแล้วนำมาแยกชิ้นส่วนเป็นชิ้นจากนั้นทาการบรรจุลงกล่องเพื่อส่งไปจำหน่ายต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมด้วยของกลางรถจักรยานยนต์จำนวน 6 คัน หมวกกันน๊อคจำนวน 6 ใบสายรัดกล่องสีดำจำนวน 12 เครื่องมือช่างในการถอดประกอบรถจำนวน 1 กล่องชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ที่ไม่สามารถระบุคันได้จำนวน 2 กล่องกระสอบพลาสติคสีขาว สาหรับหุ้มกล่องจำนวน 2 มัดกล่องกระดาษเปล่าสำหรับบรรจุชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์จำนวน 100 กล่องโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง

พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่าได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ ศปจร.ภ.1และฝ่ายสืบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ สนธิกำลังร่วมกับชุดสืบสวน ภ.จว.ปทุมธานีและสภ.ปากเกร็ดสนธิกำลังร่วมกันสืบสวนขยายผลต่อจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาเพิ่มอีกจำนวน 5 คน นายอดุลย์หรือดวง มีปัทมา อายุ 40 ปี นายประวิท หรือวิท สุกเกษม อายุ 34 ปี นาย MIN HTET (มินเทะ) อายุ 32 ปี สัญชาติพม่านายTHURA (ตูรา) อายุ 31 ปี สัญชาติพม่า นายSAR DAR (ซาดา) อายุ 21 ปี สัญชาติพม่าพร้อมของกลางรถจักรยานยนต์จำนวน 5 คันกล่องลังกระดาษขนาดใหญ่ที่ยังไม่บรรจุสิ่งของจำนวน 47 กล่องตะกร้าวางสิ่งของหน้ารถจักรยานยนต์ สีดำจำนวน 10 อัน เครื่องมือช่าง ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ที่โจรกรรมมาอีกเป็นจำนวนมาก

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.ปทุมธานี ได้ขยายผลไปจับกุมตัวนายวัชรินทร์ หรือมืด คูณผล อายุ 41 ปีพร้อมด้วยของกลางเครื่องวิทยุคมนาคม ยี่ห้อโมโตโรล่า สีดำ จำนวน 1 เครื่องรถจักรยานยนต์ ถูกแยกชิ้นส่วนบรรจุในกล่องจำนวน 8 กล่องรถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คันรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออิซูซุ คันหมายเลขทะเบียน ถธ-8566 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คันโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่องใบรับส่งสินค้าจำนวน 3 ใบบัตรเอทีเอ็ม ธนาคารกสิกรไทย จำนวน 1 ใบ

ด้านทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางบัวทอง จับกุมตัวนายพลหรืออ้วน เอี่ยมอาจพร้อมด้วยของกลางรถจักรยานยนต์หลายรายการ โดยนายพลให้การรับสารภาพว่านายวัชรชัย หรือกอล์ฟ รัตนศิริ เป็นผู้ลักมาขายต่อให้ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่งสามารถออกหมายจับนายวัชรชัย หรือกอล์ฟ รัตนศิริ อายุ 29 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 327/2561 ลง 19 มิ.ย.61 ในข้อหา“ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะฯ,มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1(ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมายฯพร้อมด้วยของกลางรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่น KSR สีขาว-ดำ ไม่ติดแผ่นป้านทะเบียน จำนวน 1 คันรถจักรยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโซนิค สีขาว-น้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คันคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ยี่ห้อเอซูส สีดำ จำนวน 1 เครื่องยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 1 ถุงเล็ก น้ำหนักประมาณ 0.15 กรัม

พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่าเพิ่มเติมว่าแก๊งโจรกรรมรถข้ามชาติกลุ่มเครือข่ายนี้เป็นกลุ่มใหญ่ซึ่งจะมีนายทุนใหญ่จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านและจะทำงานกันเป็นทีมโดยจะมีคนไทยและพม่าร่วมมือกันโดยจะแบ่งหน้าที่กันทำงานส่วนใหญ่จะใช้คนไทยออกตระเวนโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในหลายพื้นที่ที่มีเขตติดต่อกันทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยขับรถยนต์ตระเวนไปตามห้างต่างๆเพื่อหารถเป้าหมายเมื่อพบรถเป้าหมายแล้วจะใช้อุปกรณ์ที่เตรียมมาทำลายเบ้ากุญแจและสตาร์ทเครื่องยนต์ขับขี่นำรถมาเก็บซุกซ่อนไว้ตามสถานที่ต่างๆที่เช่าไว้และจะมีชุดที่ทำหน้าที่ชำแหละแยกชิ้นส่วนบรรจุลงกล่องพัสดุแล้วไปส่งให้กับบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่งปลายทางคือแม่สอดเพื่อส่งไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน

รอง ผอ.ศปจร.ภ.1 กล่าวว่าการปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ร่วมบูรณาการกำลังสืบสวนตามหลักการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” อย่างไม่ย่อท้อ จนสามารถสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้จนสำเร็จ ซึ่งกลุ่มของผู้ต้องหามีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม มีการรวมกลุ่มเป็นเครือข่าย ออกก่อเหตุมุ่งประทุษร้ายต่อทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ อันส่งผลกระทบถึงความสงบสุขของสังคมโดยรวม และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยทั่วไป การปฏิบัติในครั้งนี้จึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง

ในนามของตำรวจภูธรภาค1 จึงขอชมเชยและขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวมและขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป

Loading