วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

บิ๊กโจ๊ก!!แถลงผลจับกุมหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมอุ้มเรียกค่าไถ่และฆาตกรรม”

29 ก.ค. 2018
12

“บิ๊กโจ๊ก!!แถลงผลจับกุมหัวหน้าแก๊งอาชญา กรรมอุ้มเรียกค่าไถ่และฆาตกรรมชาวโมซัมบิก โดยมีหมายจับตำรวจสากล ซึ่งได้แฝงตัวหลบหนีเข้ามาหลบซ่อนตัว และใช้ประเทศไทยเป็นฐานสั่งการ โดยก่อคดีในลักษณะดังกล่าวไปทั่วโลกเป็นที่ต้องการตัวของ FBI และประเทศโมซัมบิก!!

จับกุมชาวโมซัมบิกที่หนีมากบดานในประเทศไทยตามหมายแดง (Red Notice) ของ INTERPOL โดยเป็นหัวหน้าคอยสั่งการซึ่งก่อเหตุลักพาตัวนักธุรกิจไปเรียกค่าไถ่เป็นจำนวนเงินประมาณ ๓,๐๐๐,๐๐๐ USD. หรือประมาณ ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาททั้งนี้ยังก่อเหตุฆาตกรรมมาแล้ว จำนวน ๒ ราย และก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้อีกหลายประเทศในทวีปแอฟริกา

​ตามนโยบายรัฐบาลและการปฏิบัติการ
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามอาชญากรรมที่ได้เกิดขึ้นหลายรูปแบบมีการขยายตัวเป็นวงกว้างและสลับซับซ้อน มีการนำเทคโนโลยีและเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำผิด
รวมทั้งคดีที่บุคคลต่างชาติมีส่วนร่วมในการกระทำผิด

​พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการกระทำผิด ทางอาญาที่เป็นนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) โดยมีพล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.เป็น ผอ.ศูนย์ฯ มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ ได้ทำการสืบสวน
ปราบปรามจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง

ต่อมาทางการสาธารณรัฐโมซัมบิกต้องการจับกุมตัว นาย Momade Assif Abdul SATAR สัญชาติ โมซัมบิก ผู้ต้องหารายสำคัญในฐานความผิดครอบครองอาวุธ ฆาตกรรม และลักพาตัว จึงได้ร้องขอและส่งขอมูลไปยัง FBI ประจำภูมิภาคแอฟริกาให้ประสานงานไปยัง FBI ภูมิภาคต่างๆทั่วโลกเพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ให้ได้ จนกระทั่ง FBI ประจำประเทศไทยได้รับข้อมูลดังกล่าว จึงได้ติดต่อประสานงานมายังกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ “ศปอส.ตร.”

ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีหนังสือสั่งการ ตร. ลง ๔ ก.ค. ๖๑ ท้ายหนังสือ ตท. ที่ ๐๐๐๒.๓/๔๔๙๐ ลง ๒๖ มิ.ย. ๖๑เรื่อง ทางการสหรัฐ อเมริกาประสานข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องหาชื่อ Momade Assif Abdul SATAR สัญชาติ โมซัมบิกซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของทางการโมซัมบิก โดยได้มีหมายแดง (Red Notice) ของ INTERPOL หมายเลข A-๔๔๗๖/๕-๒๐๑๗

โดยเป็นที่ต้องการตัวในฐานความผิดครอบครองอาวุธ ฆาตกรรม และลักพาตัว จึงได้ทำการสืบสวนเพื่อตรวจสอบและติดตามตัวจากการตรวจสอบพบว่าได้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยใช้หนังสือเดินทางเลขที่ ๑๓AF๐๑๐๒๖๔ ระบุในหนังสือเดินทาง
ชื่อ MR.SAHIME MOHAMMAD ASLAM จึงดำเนินการสืบสวน ติดตามตัวอย่างต่อเนื่อง

​จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๒๕ ก.ค. ๖๑ เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ๑ กก.สายตรวจ ,เจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้สืบสวนติดตามตัวจนทราบว่ามีชายซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงกับ MR.Momade Assif Abdul SATAR ปรากฏตัวอยู่ที่ ล็อบบี้โรงแรมมาริออท ซ.สุขุมวิทย ๕๗ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร จึงได้เข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบหนังสือเดินทาง ซึ่งชายดังกล่าวไม่สามารถ
นำมาแสดงได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวและพิมพ์ลายนิ้วมือชายดังกล่าวแล้วส่งไปตรวจพิสูจน์ ที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับลายพิมพ์นิ้วมือตามหมายแดง (Red Notice) ของ INTERPOL

ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐานกลางได้ตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือทั้ง ๑๐ นิ้ว และลงความคิดว่า ลายพิมพ์นิ้วมือของชายดังกล่าวนั้น เป็นบุคคลคนเดียวกันตามหมายแดง(Red Notice) ของ INTERPOL ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำเข้าลักษณะเป็นบุคคลต้องห้ามตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง
พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๒(๗) จึงได้เสนอความเห็นไปยัง ผบช.สตม. เพื่อให้ทำการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรภายหลังจึงได้นำตัวไปยัง กก.๓ ศสส.สตม. เพื่อทำการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

​ทั้งนี้ทางการโมซัมบิกได้ยืนยันว่าระหว่างที่ผู้ต้องหารายนี้ได้หลบหนีออกนอกประเทศในระยะเวลาประมาณ ๓ ปี ยังได้มีการสั่งการ
ให้องค์กรของตนดำเนินการลักพาตัวและเรียกค่าไถ่บุคคลต่างๆ ทั้งในประเทศโมซัมบิกและอีกหลายประเทศในทวีปแอฟริกาและยังแจ้งอีกว่าผู้ต้องหารายนี้ เป็นระดับหัวหน้าขององค์กร จะสั่งการให้ลูกน้องไปลักพาตัวนักธุรกิจที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศโมซัมบิกเพื่อไปเรียกค่าไถ่

โดยแต่ละครั้งจะเรียกค่าไถ่เป็นเงินประมาณ ๓,๐๐๐,๐๐๐ USD. หรือประมาณ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาทซึ่งถ้าไม่ได้รับเงินก็จะดำเนินการฆาตกรรมเหยื่อ โดยมีเหยื่อถูกฆาตกรรมไปแล้ว จำนวน ๒ ราย อีกทั้งยังได้มีการทำร้ายและฆาตกรรมเจ้าหน้าที่ของทางการโมซัมบิกและครอบครัวของเจ้าหน้าที่ที่ทำการสืบสวนเอาผิดกับองค์กรนี้ ทำให้เป็นที่หวาดกลัวของเจ้าหน้าที่รวมถึงประชาชนเป็นอย่างมาก!!

Loading