วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

ชัยภูมิ!!ภิกษุหนุ่มสุดกลั่นนำ้ตาพลัดพรากแม่บังเกิดเกล้ากว่า 40 ปี มอบผ้าขาวแทนดอกมะลิ ในวันแม่แห่งชาติ”

ชัยภูมิ ภิกษุหนุ่มสุดกั้นน้ำตาหลังพลัดพรากแม่บังเกิดเกล้ากว่า40ปี มอบผ้าขาวแทนมะลิวันแม่. หลังตามหาจนเจอก่อนแม่ล้มป่วยติดเตียง ขอแทนคุณดูแลทั้งกายใจจนสิ้นบุญ

( 11 ส.ค.61) บรรยากาศใกล้ครบรอบวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่9
12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติในครั้งนี้ ที่ บ้านราชดำเนิน อำเภอหนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ผู้สื่อข่าวได้รับทราบชีวิตของหญิงชราป่วยสติไม่สมประกอบ อายุ84 ปี ได้พลัดพรากจากลูกทั้ง3 คนไปนานถึง40กว่าปี และเป็นบุคคลตกสำรวจไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนตั้งแต่เกิดและยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งเพียงแต่อาศัยศาลาข้างถนนเป็นที่กินนอน ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปพบกับนายสาคร เถินมงคล นายอำเภอหนองบัวแดง พร้อมด้วย นายแพทย์พุทธา สมัดไชย ผอ.โรงพยาบาลหนองบัวแดง ได้เปิดเผยเรื่องราวของ ยายหลง นามโพธิ์ หรือชื่อเดิมคือ นางหลง ฤชา อายุ 84 ปี ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นผู้ด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งยายหลงอายุครบรอบ 84ปีนี้ ตั้งแต่เกิดยังไม่เคยมีชื่อในสำเนาทะเบียนบ้าน และไม่มีการรับรองว่า มีสัญชาติเป็นคนไทย ซึ่งสมัยก่อนยายหลง กับนายลี สามี ได้เร่ร่อนรับจ้างอยู่ที่ตลาดหนองบัวแดง ก็ไปหาพักอาศัยตามหน้าบ้าน ร้านค้า สถานที่ราชการ ตามศาลาข้างทาง ทั่วไปในอำเภอหนองบัวแดง โดยคนที่หนองบัวแดง ก็จะเคยเห็นยายหลง มาตลอด แต่ยายหลงไม่เคย มีบัตรประชาชน และที่พักอย่างถาวร

ซึ่งต่อมาตนเองได้ย้ายเข้ามาเป็น นายอำเภอหนองบัวแดง จึงได้ทราบจากทางส่งเสริมสุขภาพฯ โรงพยาบาลหนองบัวแดง ว่ามีหญิงชราเร่ร่อน คนหนึ่งแก่มากไม่ได้รับสิทธิ อะไรจากทางราชการเลย เนื่องจากไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน เวลาเจ็บป่วยทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็ช่วยออกค่ารักษาให้โดยตลอด ก็เลยมาขอปรึกษากับทางอำเภอ ให้หาทางช่วยดูแล ต่อมาตนก็ได้มีการประสานทางหน่วยงานหลายฝ่าย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ายายหลง นั้นมีสัญชาติไทยหรือไม่ ก็พบว่ายายหลง คนนี้พื้นเพเป็นคนพื้นที่และมีสัญชาติไทยตนเองจึงใช้อำนาจขอนายอำเภอเพื่อเพิ่มชื่อเข้าไปในทะเบียนบ้านของบ้านนายจันทร์ หนูล่า ก่อนซึ่งทางอำเภอได้ออกบัตรประชาชนให้ ยายหลง จนเป็นคนไทยและมีทะเบียนบ้านอย่างถูกต้อง ณ ปัจจุบัน ในส่วนเรื่องราวที่ยายหลงได้มีการพลัดพรากจากลูกชายหญิงทั้งสามคนนั้นเกิดขึ้นจาก ยายหลงเป็นคนป่วยสติไม่สมประกอบ อยู่กินกับสามีมาตลอด ในสมัยก่อนยายหลงกับสามี โดยมีอาชีพรับจ้างรายวันใช้แรงงาน ตระเวนไปทั่วอำเภอหนองบัวแดง ตามไร่อ้อยและไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งและได้คลอดบุตรมาถึง 3 คนก็มีผู้เอาไปกระจายเลี้ยงคนละทิศละทางตั้งแต่แบเบาะทุกคน โดย โจก อายุ 47ปี พี่ชายคนโตได้ถูกนายจันทร์ หนูหล้าอายุ 72 ปีนำมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งปัจจุบันยายหลงก็มาพักอาศัย ต่อที่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 2 บ้านราชดำเนิน อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิปัจจุบันนี้ ส่วนพี่สาวคนที่ 2 ได้มีคณะช้างมาจากตำบลบ้านค่ายหมื่นแผ้ว อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ได้มาแสดงต่อช้างและขอลูกสาวคนกลาง ของในหลวงไปเลี้ยง เมื่อ 45 ปี ที่แล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อกับพี่สาวคนที่สองได้เลยและยังไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนอีกด้วย ซึ่งในส่วนของตัวพระบุญเลี้ยง กิตติภทฺโท อายุ 42 ปี ลูกคนสุดท้องของยายหลงซึ่งก็ถูกพ่อแม่บุญธรรมนำไปเลี้ยงก่อนที่จะย้ายไปที่อำเภอเทพสถิต ก่อนที่ จะบวชและจำวัดอยู่ที่วัดวะตะแบก อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ ถึง 18 พรรษา โดยหลังจากแม่บุญธรรมและพ่อบุญธรรมได้เสียชีวิตทางพระบุญเลี้ยง ก็ได้ออกตามหา แม่บังเกิดเกล้าจนพบในครั้งนี้

ทางด้าน พระบุญเลี้ยง กิตฺติภทฺโท อายุ 42 ปีบุตรชายคนเล็กของยายหลง เล่าว่า ในสมัยนั้นตนเองยังแบเบาะและได้เติบโต อยู่ที่บ้านหนองบัวน้อย และได้ย้ายครอบครัวไปทำไร่ทำนาที่อำเภอเทพสถิต ตอนเป็นเด็กโยมแม่บุญธรรมเล่าให้ฟังว่า แม่บังเกิดเกล้า หรือยายหลง ไม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้ เนื่องจากเหตุผลหลายอย่าง ทั้งความยากจน และไม่มี ที่พักพิงอาศัยไม่มี นมให้ลูกกินจึงต้อง เอาไปฝากให้ชาวบ้านที่เป็นแม่ลูกอ่อนเลี้ยงแทน แม่บุญธรรมจึงสงสารและเอามาเลี้ยง คู่กับลูกสาว ของแม่บุญธรรมเพื่อที่จะได้กินนมก็เติบโตมากับ ครอบครัว ของพ่อแม่บุญธรรม ต่อมาแม่บุญธรรมได้ส่งเสียให้เรียนหนังสือ จบชั้นป. 5 จากนั้นมา ก็ย้ายถิ่นฐานและหาสถานที่ทำกินที่อำเภอเทพสถิต โดยโยมแม่บุญธรรมก็ไม่มีทรัพย์สินอะไรมากมาย เพียงแต่ปลูกอ้อยปลูกมัน ฐานะก็ไม่ค่อยมี แต่ว่าก็เลี้ยงมาจนตนเองเติบโตแต่ในส่วนลึกของหัวใจพอได้ฟังจากแม่บุญธรรมเล่าเรื่องแม่บังเกิดเกล้าให้ฟังก็ ยังคิดถึง ว่าแม่ตัวเองคือใครมาตลอด จนได้ทราบชื่อที่อยู่ พอโตเป็นหนุ่ม ตนเอง ก็ได้ไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็เพื่อจะหาทาง หลีกเร้น เพื่อที่จะออกไปตามหา มารดาบังเกิดเกล้า ของตนเอง เพราะไม่อยากให้ทางแม่บุญธรรมได้ทราบเกรงว่าแม่บุญธรรมจะโกรธ แต่ก็ยังตามหาแต่ไม่เจอ ซึ่งตนเองได้ตามหา อยู่หลายครั้งจนพบ ซึ่งขณะนั้นโยมพ่อได้เสียชีวิตลง และเหลือแต่โยมแม่เพียงคนเดียว ที่ออกเร่ร่อนไปตามศาลาข้างทางตลาดสด และตามหน้าบ้าน ร้านค้าในอำเภอหนองบัวแดง แต่ตนเองก็ยังแอบติดตามข่าวอยู่ตลอด จนมีชาวบ้าน ในหนองบัวแดง ไปเล่าให้ฟังว่าโยมแม่หลงป่วยหนักบ่นอยากเจอลูกชายมาก เพราะป่วยมากแล้วตนเองก็เลย ได้แอบมาหา อยู่เรื่อยๆ ต่อมาพ่อแม่บุญธรรมได้เสียชีวิตลง ตนจึงคิดว่าจะต้องกลับไปดูแล แม่บังเกิดเกล้าต่อเพื่อที่จะได้ทดแทนบุญคุณที่ท่านได้ให้ชีวิตถึงท่านจะไม่มีทรัพย์ภายนอกให้เรา แต่ท่านให้ทรัพย์ภายในกับเราก็คือเลือดเนื้อเชื้อไข ให้ลมหายใจแต่เราเราก็เลยต้องมาตอบแทนบุญคุณของท่านเท่าที่เราจะทำให้ได้ที่มากที่สุดตามที่ทำได้ ทั้งเลี้ยงกายเลี้ยงใจโยมแม่ด้วย หลังจากโยมแม่ ได้รับอุบัติเหตุ หกล้ม จนต้อง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เป็นผู้ป่วยติดเตียงจึงได้ตัดสินใจ บอกกับทาง ครอบครัว พ่อแม่บุญธรรม ว่าจะขอมาดูแลแม่บังเกิดเกล้าเป็นครั้งสุดท้ายจนกว่าท่านจะสิ้นบุญ โดยมันเป็นหน้าที่ ของลูก ที่จะต้อง ปฏิบัติต่อแม่บังเกิดเกล้า และก็น่าจะมีแต่ตนเองเท่านั้นที่จะดูแลได้เพราะว่าพี่ชายคนโต ก็ ป่วย สติไม่สมประกอบ คงดูแลโยมแม่ไม่ได้เต็มที่ก็เลยต้องมาดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้กับทั้งสองคนนี้

โดยช่วงนี้ต้องมาขอจำพรรษาอยู่วัดราชดำเนินซึ่งอยู่ใกล้กลับบ้านของโยมแม่ ซึ่งจะมาทำหน้าที่ประจำวันโดยจะนำข้าวปลาอาหาร จากการบิณฑบาตมาป้อนโยมแม่ และเช็ดตัว เปลี่ยนแพมเพิสให้โยมแม่อยู่ตลอดทั้งวัน ซึ่งเวลาว่างก็จะได้นำหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาที่ศึกษามา เป็นธรรมทานให้โยมแม่รักษาศีล สวนมนต์เป็นประจำ เพื่อจะได้มีกำลังใจและมีแรงสู้กับชะตากรรมของตัวเอง โดยการจับต้องผู้หญิงซึ่งเป็นแม่บังเกิดเกล้านั้น พระพุทธเจ้าท่านอนุญาติให้สัมผัส พ่อ แม่ ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิด อีกทั้งการที่ดูแล บิดา มารดา พระพุทธเจ้าจัดว่าเป็นมงคลอันประเสริฐ เป็นหนึ่งในในมงคล 38 ประการอีกด้วยจึงไม่อาบัติแต่อย่างใด
ขณะที่วันแม่ปีนี้พี่ชายตนเองไม้นำดอกมะลิมากราบแม่ แต่ในส่วนของตนเองได้นำชุดขาวมามอบให้โยมแม่แทนดอกมะลิ เนื่องจากอยากที่จะให้โยมแม่ได้ถือศีล 8 เพราะเท่าที่ทราบที่ผ่านมาโยมแม่ไม่เคยได้ทำบุญหรือถือศีลสักครั้ง โดยอานิสงส์จากการถือศีล 8 จะได้ส่งให้โยมแม่ไปสู่ภพภูมิที่ดี หลังโยมแม่จะสิ้นลมลงอย่างสงบ
ทางด้านเจ้าหน้าที่ ส่งเสริมสุขภาพฯ โรงพยาบาลหนองบัวแดง กล่าวว่าหลังจากยายหลงได้รับสิทธิ์เป็นบุคคลสัญชาติไทยมีบัตรประจำตัวประชาชนในฐานะคนไทย จะได้รับสิทธิ์รับการรักษาตามสิทธิของคนไทย ในส่วนของสวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและผู้พิการฝ่ายพัฒนากรของเทศบาลตำบลหนองบัวแดงก็รับไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป หากยังขาดแต่ของใช้ประจำเป็นที่จะต้องใช้ประจำวันเช่น แพมเพิส ทุนทรัพย์ในการสร้างที่อยู่อาศัยตามสารณูปโภคที่สำคัญต่อไป

/////ทีมข่าวจ.ชัยภูมิ//////

Loading