วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

นครปฐม !!!วันแม่ ที่ไร้ลูกหลาน “ยายทองพูนวัย 90 ปี ปักหลักใช้ชีวิตเดียวดาย”

นครปฐม วันแม่ ที่ไร้ลูกหลาน ยายทองพูน วัย 90 ปี ปักหลักใช้ชีวิตเดียวดายริมถนน นานหลายสิบปี

สะเทือนอารม คุณยายทองพูน อายุ 90 ปี อาศัยชายคาข้างทางนอนอยู่ริมถนนเพชรเกษมลำพัง รอวันหมดลม ทุกวันต้องใช้วิธีนั่งพยุงตัวด้วยความลำบากไปหาข้าว นมถั่วเหลืองเพื่อประทังชีวิต เหตุเพราะคู่ชีวิตเพิ่งเสียชีวิตไป 2 ปีก่อนและไม่มีทายาท วันนี้จึงไร้ลูกหลานมากราบเหมือนแม่ ในวันแม่เหมือนแม่ทั่วไป ยังดีอยู่บ้างที่มีเพื่อนบ้านที่คอยหาข้าววัด มาให้กิน มีเจ้าหน้าที่มาเวียนมาดูแล และพนักงานร้านสะดวกซื้อที่คอยช่วยกันประคองลมหายในทุก ๆวัน

เรื่องราวของคุณยายทองพูน เอี๊ยวถาวร ในวัย 90 ปี ที่อาศัยอยู่ในเพลิงข้างถนนเพชรเกษม เลขที่ 14 ตำบลห้วยจระเข้ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ซึ่งคนในแวกเพลิงพักข้างทางจะรู้กันว่านี่คือ หญิงชราที่มีอายุมากไม่มีลูกหลานและไร้ยาทมาดูแล ซึ่งภาพที่คุ้นตาของผู้คนบริเวณนี้คือ หญิงชราที่ใบหน้าเหยี่ยวย่น ลุกเดินไม่ได้เป็นปกติ จะอาศัยวิธีการนั่งกับพื้น แล้วใช้มือ 2 ข้างยันกับพื้นแล้วค่อยกระเถิบตัว ที่ละนิดเพื่อออกไปจากเพลิงพักข้างทางเพื่อไปยังร้านสะดวกซื้อ โดยปลายทางคือการไปซื้อนม ข้าว และเครื่องดื่มชูกำลัง จนทำให้คนที่ผ่านไปมาหลายคนต้องนิ่งและหยุดลงไปช่วยเหลือออกค่าอาหารให้บ่อยครั้ง แต่หากวันใดไม่เจอคนใจบุญก็จะเป็นหน้าที่ของพนักงานร้านสะดวกซื้อที่จะช่วยกันแชร์ค่าใช้จ่ายให้ในบางวัน ซึ่งหลายครั้งร่างกายของคุณยายทองพูน ก็ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งเพราะไม่มีห้องน้ำสำหรับอาบน้ำเธอจึงอาศัยเช็ดตัวและขับถ่ายในพื้นที่เพลิงพักนั่นเอง

ซึ่งจากการสอบถามชีวิตประจำวันของคนแรกแวกนั้น บอกว่า คุณยายทองพูน นั้นมีอายุมากแล้ว ซึ่งที่เห็นคือจะมีนอนอาศัยอยู่ในบ้านริมถนนข้างทางซึ่งทรุดโทรมผุพังจนแทบจะพังถล่มลงมาและรกไปด้วยต้นไม้หลายๆชนิด โดยเมื่อไม่นานได้มีคนใจบุญจากกรุงเทพ ได้อาสานำเศษไม่และสังกะสีมามุงให้เป็นเพลิงพักอาศัย ข้างในมีเพียงเตียงนอน ให้พอประทังชีวิตกันแดดกันฝนไปได้ มีเพียงคุณใจบุญที่มีบ้านติดกันต่อก็อกน้ำมาให้ใช้สำหรับอุปโภค แต่ไม่มีไฟฟ้าใช้

ภายในเพลิงที่พัก มีเพียงเตียงเก่าๆ เสื้อผ้าบางตัวที่ได้รับบริจาคมากองอยู่ข้างตัว โดยมีเศษขยะเป็นกล่องข้าว กล่องนม ขวดเครื่องดื่มชูกำลัง ที่จะมีคนมาช่วยเก็บบางครั้ง เวลาส่วนใหญ่ของคุณยายทองพูน คือการนอนอยู่บนเตียงเงียบๆ และมีเสียงรถที่ผ่านไปมาตลอดทั้งวันและคืน ที่ริมถนนเพชรเกษม เป็นเพื่อนกล่อมสำหรับนอนพักผ่อน บางวันที่ร่างกายแข็งแรงก็จะออกไปที่ร้านสะดวกซื้อ วันละ 2-3 รอบ แต่ละรอบแม้จะมีระยะประมาณ 50-60 เมตร แต่คุณยายจะต้องใช้เวลาไปกลับนานนับชั่วโมงในแต่ละครั้ง ซึ่งวันนี้ด้วยความชราทำให้มีการหลงๆลืมๆ บางวันก็จำไม่ได้ว่าได้กินข้าวแล้วหรือยัง บางวันก็ลืมทำให้ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังไปวันละ 3 ขวด ก็มี

คุณยายทองพูน บอกว่า วันนี้เหนื่อยและเบื่อ รอวันที่จะหมดลมหายใจ เพราะชีวิตไม่เหลืออะไร สามีก็เพิ่งสียชีวิตไปเมื่อประมาณ 2 ปี ก่อน ทำให้ไม่มีใครมาคอยเป็นเพื่อนกันในยามแก่เฒ่า ช่วงนี้ก็จะป่วยเป็นไข้หวัดปวดตัวบ่อยครั้ง บางวันก็ลุกไม่ขึ้น ต้องนอนอยู่แต่บนเตียงเท่านั้น เคยมีหลายครั้งที่คิดจะทำร้ายตัวเองเพื่อจะได้จบกับทุกอย่าง แต่ทุกครั้งที่จะลงมือก็มีเสียงดังอยู่ในหัวว่า อย่าทำ จนสุดท้ายก็ตัดสินใจหยุดที่จะลงมือ และรอว่าเมื่อไหร่จะหมดลมลงไปตามสังขารของตัวเอง

คุณยายทองพูน เล่าต่อไปว่า เธอนั้นได้เข้าย้าย มาจาก จังหวัดราชบุรีเพื่อมาอาศัยอยู่ตรงนี้นานหลายสิบปีก่อนที่จะมีถนนเพชรเกษมเกิดขั้นโดยได้จับจองที่ดินและทำสวนทำนาในระแวกนี้ ซึ่งตอนสาวๆก็พอมีฐานะบ้าง แต่หลังๆร่างกายแก่ชราก็ทำงานไม่ไหว ส่วนสามีก็ได้เปลี่ยนอาชีพไปเก็บของเก่าขายเพราะเรี่ยงแรงไม่มี และไม่มีลูก ยามแก่จึงไม่มีคนมาคอยดูแล เมื่อเขาเสียชีวิตไป เธอจึงต้องอาศัยอยู่ในบ้านไม้เก่าๆคนเดียวมาหลายปี จนสุดท้ายบ้านก็พังจนอยู่ไม่ได้ ยังดีมีคนใจดีมาช่วยทำบ้านให้ใหม่ วันนี้ไม่มีความอยากได้อะไรเลยสักอย่าง มีเงิน เบี้ยผู้สูงอายุ 800 บาทที่มีเจ้าหน้าที่ประชาสงเคราะห์เอามาให้ ก็เอาไปซื้อข้าวกินเท่านั้น ส่วนญาติก็หายหน้าไปนานแล้วไม่รู้ว่าหายไปไหนเพราะไม่เคยมาหากันนานแล้ว ทุกวันก็จะนอนอยู่บนเตียงคนเดียวไม่ได้ไปยุ่งกับใครนอกจากไปซื้อของแล้วกลับมานอนที่เดิมเท่านั้น

นายต้อน ศรีสงสาร อายุ 79 ปี หรือ ตาต้อน อยู่บ้านเลขที่ 67 ม.4 ต.กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี คนที่ช่วยดูแลคุณยายทองพูน บอกว่า ตนเองเป็นอดีตช่างก่อสร้าง ได้มาอาศัยที่บริเวณนี้โดยได้ขอคุณยายทองพูน มาอาศัยด้วยซึ่งภรรยาก็เพิ่งมาเสียชีวิตไป ตนเองมีบ้านอยู่ด้านใน ก็จะออกไปขอข้าวก้นบาตรจากวัดพระปฐมเจดีย์มากิน โดยจะแบ่งให้คุณยายทองพูนทุกวัน ซึ่งโชคดีที่คุณยายยังไม่มีโรคประจำตัว มีเพียงแต่สังขารที่ถดถอยไปมาก ร่างกายก็ไม่สามารถยืดตัวขึ้นยืนได้เหมือนคนปกติ จึงต้องอาศัยนั่งย่องๆแล้วค่อยๆใช้แขนดันให้เคลื่อนตัวไปได้ทีละนิดเท่านั้น โดยยังเห็นมีเจ้าหน้าที่ยังวนเวียนมาดูบ้าง ตนเองก็อายุมากดูแลยายไม่ไหว วันไหนหากยายจากไปก่อนก็ยังพอทน แต่ถ้าตนเองจากไปก่อนก็ไม่รู้ว่าจะมีใครมาหาข้าวและดูแลยายต่อไป

ตาต้อน บอกอีกว่า เท่าที่รู้ คุณยายทองพูนนั้นมีญาติ อยู่ในตัวเมืองนครปฐม แต่ระยะ 4-5 ปีที่ผ้านมาไม่เคยมีใครมาหามาเยี่ยม หลังจากสามีของคุณยายเสียชีวิต ตนเองก็ต้องดูแล เป็นเหมือนญาติกันไปแล้ว ซึ่งสิ่งที่อยากได้ตอนนี้คือ รถเข็นสำหรับคนที่เดินไม่ได้เพราะเวลาการจะไปไหนมาไหนเผื่อตนเองจะได้เข็นยายไปได้ รวมถึงยารักษาโรค ยาหม่อง ซึ่งยายใช้บ่อยมาก เสื้อผ้าที่เหลือตอนนี้ก็มีแต่ของเก่าๆ น้ำดื่ม จานชาม ซึ่งช่วงหลังก็จะมีคนที่พอรู้เรื่องวนเวียนมาดูแล เช่นไม่นานนี้ก็คนจากกรุงเทพ ขับรถมาจอดและตัดผมให้ โดยก่อนหน้านี้ก็มีคนใจบุญเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ติดต่อคนกรุงเทพมาต่อเติมเพลิงให้ใหม่หลังจากบ้านของยายได้พังไปแล้ว ซึ่งส่วนที่ดีที่สุดของยายทองพูน น่าจะเป็นกำลังใจจากคนที่ผ่านไปมาเพราะทุกวันนี้เหมือนแกจะเหงามาก ได้แต่นอนเงียบๆแล้วไปร้านที่ร้านสะดวกซื้อ เท่านั้น ซึ่งเพลิงที่พักก็ไม่ได้มีอะไรปิดมิดชิดเวลายายออกไป หากมีใครเอาอะไรมาให้ไว้ใช้เยอะๆ ก็จะถูกขโมยไปหมด

ส่วน นายกิตติ แซ่คู อายุ 36 ปี ผู้จัดการร้านเซเว่น สาขา นวประชา ต.ห้วยจรเข้ อ.เมืองนครปฐม บอกว่า ได้เห็นคุณยายทองพูนมาประมาณ 5 ปีแล้วซึ่งตัวคุณยายเองนั้นเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูดอะไร และเริ่มจะหลงๆลืมๆไปเยอะ ซึ่งคุณยายจะมาที่ร้านบ่อยเพื่อมาซื้อข้าว นมถั่วเหลือง และเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งเครื่องดื่มชูกำลังนั้นคุณยายชอบมาก เพราะบอกว่าทำให้มีกำลังมีแรง โดยเมื่อคุณยายมาที่ร้านก็จะไม่มีการมาขอเงินหรือขอข้าวจากลูกค้า แต่คุณยายจะมานั่งพักเหนื่อยพักใหญ่ ซึ่งคนที่ผ่านไปมาบางคนก็จะให้เงินบ้าง 20 บาท 50 บาท หรือบางคนก็จะให้ 100 บาท แต่ที่มีประจำคือมีนักศึกษาศิลปากร จะเอาเงินมาฝากที่ร้านเผื่อว่าถ้าเงินของคุณยายหมอก็ให้เบิกส่วนนี้ไปซื้อของใช้ ตามที่คุณยายต้องการ แต่ถ้าเงินหมดก่อนพนักงานร้านก็จะหุ้นกันซื้อข้าว หรือนมให้คุณยายโดยทำกันมาตลอด

นายกิตติ บอกว่า ถ้าวันใดตนเองจะเลิกงานก็จะเดินไปดูที่เพลิงพักของคุณยายหากมีอะไรหมดก็จะยกไปให้ ซึ่งปกติคุณยายไม่มีห้องน้ำ ก็จะไม่อาบน้ำแต่จะเช็ดตัว และมีบ่อยครั้งที่คุณยายเข้ามาที่ร้านก็จะมีกลิ่นสาปของปัสสาวะติดตัวมาด้วย โดยสิ่งที่ตนเองอยากจะให้หน่วยงานหรือคนใจบุญมาช่วยคือการดูแลสุขลักษณะอนามัย และความปลอดภัย โดยในเรื่องของการบริจาคถ้ามีคนทราบข่าวจะเอามาให้เยอะๆก็กลัวจะมีคนมาขโมย เป็นกลุ่มคนจรจัด ส่วนเรื่องเงินที่คุณยายได้มาก็ไม่ทราบว่าจะดูแลจัดเก็บได้อย่างไร โดยตอนนี้เราก็ช่วยได้เต็มกำลังของเราที่สามารถทำได้ หากมีหน่วยงานที่พร้อมมาดูก็น่าจะทำให้คุณยายทองพูนมีกำลังใจขึ้น เพราะคุณยายไม่มีลูก และไม่เคยมีหลานหรือญาติมาเยี่ยมหลายปีแล้ว

 

Loading