ตำรวจภูธรภาค 1 บุกรวบ 2โจรผัวเมียอุ้มหมาขณะที่ผู้เสียหายรุดแห่รุมประชาทัณฑ์
จากกรณีสื่อมวลชนนําเสนอข่าวเกี่ยวกับที่มี 2 คนร้ายก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์โดยอุ้มสุนัขเบี่ยงเบนความสนใจของผู้เสียหาย เหตุเกิดในหลายท้องที่ทั้ง ตำรวจภูธรภาค 1,2,7 และกองบัญชาการตำรวจนครบาล นานกว่า 15 ปี จนมีผู้เสียหายกว่า มากกว่า 44 ราย มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 29 ส.ค.61 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วยพล.ต.ท. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สมชาย พัชรอินโต รอง พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธํารงค์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.อภิชาติ วรรณ ภักดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผกก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายอภิชาติ บุญเรือง อายุ 42 ปีอยู่บ้านเลขที่ 222/150 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.และน.ส.อุษา เกษมณี หรือนางฑิญาตา บุญเรือง อายุ 38 ปีอยู่บ้านเลขที่ 222/150 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานครตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานีที่ จ.170/2561 ลงวันที่ 20 ส.ค2561 ข้อหา“กระทำความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทาผิดหรือ พาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ภายในบ้านเลขที่ 144/129 หมู่บ้านสัมพันธ์วิลล่า ซอยพหลโยธิน 52 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.พร้อมของกลางสุนัขพันธุ์ชิสุจำนวน 1 ตัวรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน รุ่นซิลฟี สีขาวหมายเลขทะเบียน 5 กถ-2052 กรุงเทพมหานคร และหมายเลขทะเบียน ขน 552 ชลบุรี รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีบรอนทองหมายเลขทะเบียน ษจ 8432 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ยี่ห้อนิสสัน รุ่นอัลเมรา สีดํา ติดป้ายแดง ทะเบียน ศ-4430 กรงเทพมหานคร รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาวหมายเลขทะเบียน 1 กฆ-5515 กรุงเทพมหานคร อาวุธปืนขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอกโทรศัพท์มือถือ 55 เครื่อง บัตรเอทีเอ็มและบัตรเครดิต 10 ใบ นาฬิกาข้อมือ 20 เรือน กระเป๋าแบรนด์เนม จำนวน 55 ใบ บัตรประจำตัวประชาชนใบอนุญาตขับขี่ บัตรประจำตัวข้าราชการ จำนวน 18 ใบ ตั๋วรับจำนำ 18 ใบ เครื่องประดับ อาทิ สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล แหวน ต่างหู วัตถุมงคล พระเครื่องและอื่นๆอีกจำนวนมาก รวมของกลางทั้งสิน 137 รายการ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากพฤติการณ์ของคนร้าย ได้ร่วมกันก่อเหตุ 2 คนโดยใช้รถยนต์เป็นพาหนะในการก่อเหตุลักทรัพย์ตามร้านค้ามาแล้วนานกว่า 15 ปีซึ่งการก่อเหตุในแต่ละครั้งจะใช้อุบายทําทีเป็นลูกค้าเข้ามาชวนพูดคุยตีสนิทกับเจ้าของร้านแล้วสั่งซื้อของเป็นจํานวนมากรวมถึงการอุ้มหมา หรืออุ้มเด็ก เพื่อเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจ บางครั้งถือร่มเพื่อหลบกล้องวงจรปิด ก่อนฉวยโอกาสขณะเหยื่อจัดเตรียมสินค้าและไม่ได้เฝ้าระวังทรัพย์สิน ทำการลักทรัพย์แล้วหลบหนีไป
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวต่อว่า โดยคนร้ายเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งในท้องที่ต่างๆ ถือ เป็นภัยคุกคามต่อความ ปลอดภัยในทรัพย์สินและมีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพสุจริตของประชาชน นอกจากนี้พบว่ามีผู้เกี่ยวข้องในการสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทําความผิด โดยการนําทรัพย์สินของคนร้ายที่ได้จากการกระทํา ความผิดไปเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินของตนเองจํานวนหลายรายการ ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งจะได้ดําเนินการต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.สุวัฒน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุน้อยลงเหลือประมาณเดือนล่ะ 10 ครั้ง ไม่ประกอบอาชีพอะไร เมื่อได้ทรัพย์สินมาทจะนำไปขาย แล้วเอาเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจําวัน บางส่วนนำไปซื้อทรัพย์สิน ทั้งรถยนต์ บ้าน และที่ดิน และไปเล่นการพนัน ส่วนที่อุ้มหมาไปด้วยนั้น เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคนมีจิตใจรักสุนัข และเคยคิดจะเปิดฟาร์มเพาะเลี้ยงสุนัขมาก่อน และขณะก่อเหตุจะนำประชาชน และใบขับขี่ของบุคลอื่นที่มีหน้าคล้ายนำไปใช้กระทำความผิด เพื่อหลบหนีการจับกุมของเข้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้พบว่ามีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นจาก 44 คน เป็น 52 คน หากให้สงสัยว่าเคยถูกผู้ต้องหาทั้งสองก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวสามารถเดินทางมาอายัดตัวไว้ดำเนินคดีได้
พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่าจากตรวจสอบประวัติของนายอภิชาติพบว่ามีหมายจับจำนวน 17 หมาย ประกอบด้วยจังหวัดปทุมธานี สภ.สามโคก 1 หมาย สภ.ปากคลองรังสิต 1 หมาย สภ.บางบัวทอง 5 หมาย สภ.ปากเกร็ด 1 หมาย สภ.บางใหญ่ 1 หมาย สภ.ปลายบาง 1 หมาย สภ.เมืองสมุทรปราการ 1 หมาย สภ.พระนครศรีอยุธยา 1 หมาย สภ.บางประอิน 2 หมาย สภ.เสนา 1 หมาย กองบัญชาการตํารวจนครบาล 1 หมาย ละตํารวจภูธรภาค 2 อีก 1 หมาย ส่วนน.ส.อุษา มีหมายจับจำนวน 12 หมาย ประกอบด้วย สภ.สามโคก 1 หมาย สภ.ปากคลองรังสิต 1 หมาย สภ.บางบัวทอง 3 หมาย สภ.ปากเกร็ด 1 หมาย สภ.เมืองสมุทรปราการ 1 หมาย สภ.พระนครศรีอยุธยา 1 หมาย สภ.บางประอิน 1 หมาย สภ.เสนา 1 หมาย และของกองบัญชาการตํารวจนครบาลอีก 2 หมาย
“อย่างไรก็ตามทางผู้ต้องหาทั้งสองคนยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ได้ข้อร้องว่าให้ช่วยดูแลความปลอดภัยกับลูกสาวทั้งสองคนของผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากมีคนอ้างตัวเป็นผู้เสียหายจะไปดักทำร้ายร่างกายที่โรงเรียน จึงวิงวอนผ่านสื่อว่าลูกสาวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
