เกษตรอินทรีย์ พืชสวนผสมผสานอินทผาลัม-มะม่วง-ลำไย
6 กันยายน 2561 การเกษตรไทยนั้นยังถือเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับประชาชนและยังเป็นห้องครัวให้กับประชาชน ทั้งข้าว พืชผัก ใช้ประกอบอาหาร และเป็นผลไม้กินเล่นหรือเป็นอาหารเสริมและยังเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย เกษตรกรหลายรายได้เจริญตามรอยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ปลูกพืชผสมผสานสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวยิ่งปลูกพืชหลายชนิดก็ยิ่งสร้างรายได้มากขึ้นเพราะสามารถนำบริโภคและส่งขายในตลาด ครอบครัวของลุงไพฑูรย์ ชัยวรรณ และแม่ศรีนวล ชัยวรรณ พร้อมลูกสาว นางสาวศศินันธกานต์ ชัยวรรณ (YSF young smart Famer ) ที่บ้านทา ตำบลหนองบัว อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นครอบครัวที่แสวงหาความรู้ใหม่ๆเท่าทันต่อสถานการณ์ทางด้านการเกษตรและจัดทำสวนในพื้นที่ดิน 3 ไร่ 3 งาน ที่สามารถปลูก ลำไย จำนวน 70 ต้น อินทผาลัม จำนวน 50 ต้น และมะม่วงจำนวน 150 ต้น และสามารถเก็บขายได้ในระยะเวลาที่ต่างกัน แต่การดูแลนั้นทำไปพร้อมๆกัน ซึ่งทางลุงไพฑูรย์ ชัยวรรณ และแม่ศรีนวล ชัยวรรณ กล่าวว่า
ในการทำการเกษตรนั้นต้องตามสถานการณ์ให้ทันว่าตลอดในเวลานี้นั้นเขาต้องการอะไร พืชปลอดสารพิษ พืชอินทรีย์ เพราะความปลอดภัยของตัวผู้บริโภคเอง ทางเราเกษตรกรก็ต้องทำตามที่เขาจะซื้อของเรา และยังเป็นการสร้างความปลอดภัยให้กับตัวของเราอีก ลุงไพฑูรย์ ชัยวรรณ และแม่ศรีนวล ชัยวรรณ และนางสาวศศินันธกานต์ ชัยวรรณ ได้ทำการปลูกพืชสวน 3 ชนิดในพื้นที่เดียวกัน โดยใช้อินทรีย์สาร ปุ๋ยหมักจากเศษวัสดุใบไม้ที่ตัดแต่งกิ่งในแต่ละปีหมักปีนี้นำไปใช้ในปีต่อๆไป ทำแบบนี้มาทุกปี และเป็นการประหยัดเงินในการลงทุนมากด้วย ทางครอบครัวได้ทำการปลูกลำไยก่อน และปลูกมะม่วงตามมาภายหลัง ก็ได้เก็บเกี่ยวทั้งสองอย่างพอได้เงินมาจุนเจือครอบครัว แต่มาเห็นพืชตัวใหม่เห็นว่าเขาปลูกพื้นที่ดอนใช้น้ำน้อย ก็เลยคิดว่า พื้นที่ของตนเองนั้นจะมีปัญหาน้ำในหน้าแล้ง แต่ก็มีบ่อน้ำอยู่พอใช้ จึงได้ไปหาต้นกล้าพันธ์ ตน้ละ600 บาทจากสวนของเกษตรกรระดับนายทุนมาจำนวน 50 ต้น ได้ลงปลูกระหว่างต้นลำไย และต้นมะม่วง ทราบว่าเป็นต้นพันธ์อินทะผลัมกินสด ผลจะหวานปานกลางถึงหวานมาก ปลูกลงในแปลงและใช้เวลา 2-3 ปีก็ได้ออกผลผลิตเก็บขายได้ ปี2560 ได้เก็บผลผลิตปีแรกและได้จำหน่ายไปให้กับผู้บริโภคโดยการขายตรงจากสวนสู่ผู้บริโภค โดยสั่งและจ่ายเงินสดทางไลน์และเฟตบรุค ซึ่งในปีนั้นขายในราคาเดียว 300 บาทต่อกิโลกรัม ได้เงินหลายหมื่นบาท ออกไม่มากประมาณ 10 กว่าต้น ในปีนี้ 2561 ทุกอย่างออกผลผลิตทุกอย่างทั้งมะม่วง ลำไย และอินทะผลัมซึ่งออกผลมาก
ถึง 30 ต้น ก็ได้ตัดขายส่งทางขนส่งและทาง เคอรี่ Kerry โดยลูกค้าจะสั่งตรงและจ่ายเงินทั้งค่าส่งบรรจุภัณฑ์และค่าผลอินทะผลัม ปีนี้แบ่งจำหน่ายใน3 ราคา 300 ,400,500 ตามขนาดของผล ซึ่งในแต่ละต้นจะออกมากถึงต้นละ100-150 กิโลกรัม ก็ได้ตัดส่งไปเรื่อยๆทุกวัน วันละ20 กิโลกรัม ไปจนถึงวันละ100 กิโลกรัม ได้เงินหลายแสนบาท ทางลุงไพฑูรย์ ชัยวรรณ เล่าเป็นภาษาเหนือ ว่าการดูแลก็ไม่ยากเพราะตนเองชอบศึกษาการเกษตรและชอบปรึกษากับนักวิชาการของเกษตรอำเภอไชยปราการ ให้หันมาใช้ปุ๋ยหมักเอง ฉีดพ่นยานั้นก็หมักเอง ไม่อันตราย ร่างกายแข็งแรง สำคัญมีคนต้องการผลผลิตสวนเราเพราะว่าตรวจสารพิษเป็นศูนย์ 0 เราจึงสามารถตั้งราคาขายเอง จัดส่งเช้า เย็นได้รับ ส่งเย็น เช้าได้รับ ในความพึงพอใจนั้นถือว่าพอใจแล้ว ในแต่ละปีก็ได้ขายผลผลิตทั้ง 3 อย่าง มะม่วงออกก่อนในช่วงเดือน กรกฏาคม-สิงหาคม ลำไยก็จะออกตามมาในช่วงกลางเดือน สิงหาคม-กันยายน ส่วนอินทะผลัมนั้นจะออกทีหลัง ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม-กันยายน หลังเก็บผลผลิตขายหมดแล้วก็ใช้เวลาว่างในการตัดแต่งกิ่งทั้งมะม่วง ลำไย และอินทะผลัม ทั้งสามคนว่าก็จะเข้าทำการตัดแต่งกิ่ง ใส่ปุ๋ย ทำปุ๋ยหมักจากเศษพืชใบไม้ที่ตัดแต่งกิ่งออก ก็ทำวนไปแบบนี้ทุกปี
นายสำราญ แสงสงค์/จ.เชียงใหม่
