วันเสาร์, 20 เมษายน 2567

DSI ผนกกำลัง True Money แจ้งเตือนภัยไซเบอร์”

DSI ผนึกกำลัง True Money แจ้งเตือนภัยไซเบอร์

ปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงและความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการติดต่อสื่อสาร รวมถึงนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้ข้อมูลต่าง ๆ สามารถเผยแพร่ไปยังทั่วทุกมุมโลกได้อย่างรวดเร็ว และความรวดเร็วนี้เองเปรียบเสมือนดาบสองคม ที่ทำให้ความปลอดภัยในโลกไซเบอร์หาได้ยากยิ่ง เนื่องจากการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ทำได้ง่าย และการส่งต่อถ่ายโอนข้อมูลก็ทำได้อย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งเจ้าของข้อมูลก็แทบไม่รู้ตัวว่าข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ของตนเองได้ถูกส่งต่อและถูกนำไปใช้ทำอะไรบ้าง ประกอบกับ ผู้คนในสังคมปัจจุบันก็มีแนวโน้มที่จะผูกตัวเองเข้ากับโลกไซเบอร์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการช็อปปิ้ง การพูดคุย หรือแม้กระทั่งการทำธุรกิจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้โลกไซเบอร์อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคม ส่งผลให้หลายคนละเลยและมองข้ามอันตรายของโลกไซเบอร์

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นช่องว่างให้อาชญากรสามารถเข้ามาตักตวงข้อมูลหาผลประโยชน์ เช่น การปลอมเป็นบุคคลอื่นไปแอบอ้างเพื่อยืมเงิน การสร้างธุรกิจลวงขึ้นมาเพื่อหาเหยื่อเข้ามาติดกับดัก การสร้างอีเมล์ปลอมเพื่อล้วงความลับทางการค้า หรือการจุดประกายความโลภของผู้คนด้วยผลประโยชน์มหาศาลที่ไม่สามารถหาได้จากการดำเนินธุรกิจปกติ เช่น การลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล เป็นต้น รูปแบบอาชญากรรมจึงเปลี่ยนแปลงไป มีความยุ่งยากและสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดความเสียหายที่รุนแรงและลุกลามในวงกว้างอย่างรวดเร็ว รวมทั้งส่งผลให้การติดตามตัวผู้กระทำความผิดและการติดตามเงินคืนก็ทำได้อย่างยากลำบาก

ด้าน พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ปัจจุบัน มีประชาชนเข้าร้องเรียนผ่านหน่วยบริการประชาชนด้านงานคดีพิเศษในเรื่องที่เกี่ยวกับภัยไซเบอร์ โดยที่ผ่านมา มีการแจ้งเบาะแสว่า มีการหลอกลวงผ่านเฟสบุ๊ค จำนวน 207 เรื่อง หลอกลวงผ่าน Call Center ไม่น้อยกว่า 8 เรื่อง ประกอบกับมีประชาชนผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนให้ข้อมูลการกระทำความผิดโดยใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงประชาชนเพื่อให้หลงเชื่อโอนเงินให้ โดยมีวิธีการหลอกลวงหลากหลายรูปแบบ อาทิ
1. การเข้าไปเจาะระบบเฟสบุ๊คหรือไลน์ของบุคคลอื่น เพื่อที่จะหลอกขอยืมเงินจากเพื่อนในเฟสบุ๊คหรือไลน์นั้น ๆ
2. การจัดทำเฟสบุ๊คปลอมแอบอ้างว่าเป็นบริษัทชื่อดัง หลอกเหยื่อว่าได้รับรางวัลใหญ่ แต่ต้องโอนเงินมาก่อนเพื่อยืนยันสิทธิ์, ปลอมเป็นร้านค้าขายของออนไลน์ หลอกให้ซื้อของราคาถูก, หลอกขอรับเงินบริจาค หรือประกาศหาคนทำงานออนไลน์ โดยหลอกให้ส่งสำเนาบัตรประชาชน และหมายเลขบัญชีธนาคาร เพื่อคนร้ายจะนำเอาข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการรับเงินที่ได้จากการกระทำความผิดอื่น ๆ

ในการนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกับ True Money ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ มีความห่วงใยประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมไซเบอร์ จึงขอแจ้งเตือนประชาชนทั่วไปให้ระมัดระวังภัยจากสื่อสังคมออนไลน์ซึ่งเป็นภัยใกล้ตัว โดยมีข้อพึงระวังดังนี้
1. ระมัดระวังการลงข้อมูลส่วนบุคคลในสื่อสังคมออนไลน์ เพราะคนร้ายอาจนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการกระทำความผิดได้ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ รูปถ่ายบัตรประชาชน รวมถึงรูปถ่ายส่วนตัวของตนและบุคคลในครอบครัว
2. การตั้งรหัสผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ควรใช้รหัสผ่านที่คาดเดาได้ง่าย เช่น หมายเลขโทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด หรือรหัสประจำตัวนักเรียน/นักศึกษา
3. เมื่อมีเพื่อนหรือคนรู้จักขอยืมเงินผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ควรมีการติดต่อไปยังบุคคลดังกล่าวทางช่องทางอื่นอีกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันตัวตน ไม่ควรรีบโอนเงินให้ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโอนเงินเข้าชื่อบัญชีธนาคารของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ชื่อของเพื่อนที่มายืมเงิน
4. เมื่อพบเห็นเฟสบุ๊คหรือเว็บไซต์รับสมัครงาน ให้ตรวจสอบว่าบริษัทดังกล่าวมีตัวตนจริงหรือไม่ มีที่ตั้งอยู่ที่ใด ลักษณะของงานที่ทำเป็นอย่างไร ช่องทางการติดต่อกับบริษัทมีช่องทางที่สามารถยืนยันตัวตนได้นอกจากทางเฟสบุ๊คหรือทางไลน์หรือไม่ หากไม่แน่ใจ ไม่ควรส่งสำเนาบัตรประชาชน หมายเลขบัญชีธนาคารให้โดยเด็ดขาด
5. การรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้บุคคลอื่น หากบัญชีนั้นถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิด เจ้าของบัญชีจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ให้ความร่วมมือกับมิจฉาชีพ จึงขอให้ประชาชนที่หลงผิด รีบปิดบัญชีที่รับจ้างเปิดไว้โดยเร็ว

ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยหรือมีเบาะแสการกระทำความผิด สามารถสอบถาม/แจ้งเบาะแสได้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ สายด่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร. 1202 โทรฟรีทั่วประเทศ

 

Loading