วันศุกร์, 19 เมษายน 2567

ชํยภูมิ!!2 เด็กนักเรียนดับขณะลงไปช่วยเพื่อนตกฝายนำ้ล้น”

16 ก.ย. 2018
13

ชัยภูมิ2นักเรียนจมน้ำดับขณะลงช่วยเพื่อนตกฝายน้ำล้น

ชัยภูมิระทึกช่วงวันหยุด 7 นร.ชวนกันไปถ่ายภาพเซลฟี่กับฝายน้ำล้นเพื่อเก็บไว้ดูเล่นหรืออัฟเฟสบุ๊ค ขณะเดียวกันก็มีเพื่อนนร.หญิงอีกคนได้ขี่จยย.ผ่านสายน้ำบนฝายล้นเพื่อจะนำรถลงไปล้างได้ถูกกระแสน้ำแรงพัดตกฝายน้ำล้นเพื่อนทั้ง6คนที่เห็นเหตุการณ์ไม่ดีรีบกระโดนน้ำลงไปช่วย ถูกกระแสน้ำแรงพัดจมหายดับ2ราย
จนท.ระดมช่วยค้นหาอยู่นานกว่า 7 ชั่วโมง จึงพบร่างช่วยนำขึ้นจากฝายน้ำล้นมาได้เป็นด.ญ.อายุ13 ปี 1 ราย ชายอายุ 15 ปีอีก 1 ราย หนึ่งในเพื่อนที่พากันไปด้วยทั้งหมดรวม 7 ชีวิต ครั้งนี้ เผยเกือบเอาชีวิตไม่รอดพากันเกาะกิ่งไม้ไว้ได้ทันระหว่างที่พากันกระโดดน้ำลงไปช่วยเพื่อน ระหว่างที่เห็นเพื่อนอีกคน ขับรถผ่านฝายที่มีน้ำล้นสันฝายมารุนแรงในช่วงนี้ อยู่ดีๆเกิดรถไถลจมลงไปกับสายน้ำจึงพากันรีบกระโดดน้ำลงไปช่วย สุดท้ายจมหายไปด้วยกัน 2 ราย รอดชีวิตมาได้เพียง 5 ราย!!!!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 15 ก.ย.61 ร.ต.อ. ศักดิ์สิทธิ์ ติงคะเสริด รองสารวัตรสอบสวน สภ.แก้งคร้อ รับแจ้งเหตุด่วนจากชาวบ้านว่ามีกลุ่มนักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอแก้งคร้อ จมหายลงไปในน้ำ 2 ราย ที่บริเวณฝายน้ำล้นบ้านหนองโน หมู่ที่ 11 ต.บลหนองไผ่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ หลังรับแจ้งจึงได้รายงานไปยัง พ.ต.อ. จาตุรนต์ ตระกูลปาน ผกก.สภ.แก้งคร้อ และประสานไปยังหน่วยกู้ชีพสว่างพุทธธรรมแก้งคร้อออกตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบมีกลุ่มชาวบ้านจำนวนมากหลายร้อยคน กำลังยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่ 2 ฝั่งฝายน้ำล้นดังกล่าว และบนสะพาน และขณะที่ชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้ช่วยกัน ลงงมหาร่างเด็กผู้เสียชีวิตและสามารถนำรถ จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ 100 สีเทา ขึ้นมาจากน้ำได้

แต่ด้วยกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวแรงผ่านหน้าสันฝายลงมา ในจุดที่เด็กจมหายลงไปในน้ำ ทางจนท.ทุกฝ่ายและชาวบ้านจึงยังไม่สามารถช่วยนำร่างของเด็กขึ้นมาได้ ทางด้าน จนท.ตร.จึงได้แจ้งให้ชาวบ้านที่ไม่เกี่ยวข้องเชี่ยวชาญในด้านการดำน้ำขึ้นมาจากน้ำ เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตรายและเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนตามขึ้นมาอีกได้

ก่อนที่จะเร่งประสานหน่วยชุดกู้ชีพอาสากู้ภัย หน่วยค้นหาใต้น้ำจากมูลนิธิสว่างคุณธรรมชัยภูมิ เข้ามาช่วยลงค้นหาใต้น้ำอยู่อีกนานกว่า 7 ชั่วโมง ในช่วงเกือบถึงเวลาประมาณ 22.00 น.ช่วงดึกที่ผ่านมา จึงสามารถค้นหาพบ 2 ร่างเด็กนักเรียนที่จมน้ำผู้เสียชีวิตครั้งนี้ได้

โดยพบศพของ ดญ.เอ นามสมมุติ อายุ 13 ปี นร.ชั้น ม.1 ของโรงเรียนแห่งในอำเภอแก้งคร้อ ขึ้นมาได้เป็นรายแรก และอีกรายต้องใช้เวลาค้นหาห่างกันอีกกว่า 30 นาที นำขึ้นมาได้เป็นรายที่ 2 จึงพบร่างของ นายบี อายุ 15 ปี นร.ชั้นม.3 ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของน้องเอ

ซึ่งจากการสอบถาม ด.ช.ซี 1 ในกลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิตเล่าว่า เมื่อช่วงบ่ายได้นัดกลุ่มเพื่อนชายหญิงรวม 7คน ขับขี่ จยย.มาจากในตัวอำเภอแก้งคร้อเพื่อมายังฝายน้ำล้นสถานที่เกิดเหตุ เพื่อที่จะมาที่ถ่ายภาพบรรยากาศน้ำล้นสันฝายในช่วงนี้ เนื่องจากเห็นว่าที่นี่วิวสวยดี ซึ่งในขณะที่กำลังถ่ายรูปกันอยู่จู่ๆมีเพื่อน นร.หญิงคนหนึ่งได้ขี่ จยย.ลงไปบนสันถนนฝายน้ำล้น เพื่อที่จะล้างรถ จยย.ซึ่งมีกระแสน้ำไหลแรง

ตนเองและเพื่อนๆทุกคนก็ตะโกนห้ามแต่ก็ไม่ทันเมื่อ เพื่อนหญิงขี่จยย.ไปถึงครึ่งฝายก็ได้ถูกกระแสน้ำพัดตกน้ำทั้งคนและรถ ไปต่อหน้าเพื่อนที่มาด้วยกันอีก 6 คน เพื่อนๆที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงได้กระโดดน้ำลงไปช่วย แต่ด้วยกระแสน้ำพัดรุนแรง ทุกคนก็ช่วยน้องคนที่ขับรถ จยย.ลงไปล้างขึ้นมาได้ และพากันรีบขึ้นฝั่ง

แต่กลับพบว่ามีเพื่อนที่ลงไปช่วยในครั้งนี้ได้จมหายไปในน้ำ 2 คน ซึ่ง เด็กชายซี เล่าต่อว่าตนเองและเพื่อนอีก 4 คน ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดเนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยวแรงมาก แทบเกือบจะหมดแรงแล้วก่อนถึงฝั่งเกือบจมลงไปใต้น้ำแล้ว แต่โชคยังที่ตนเองและเพื่อนพากันเกาะกิ่งไม้ริมตลิ่งไว้ได้จึงรอดชีวิตอย่างหวุดหวิดไม่เช่นนั้นคงจมน้ำไปด้วยกันทั้งหมด 7 คนอย่างแน่นอน

ด้าน ร.ต.อ. ศักดิ์สิทธิ์ ติงคะเสริด กล่าวว่า จะต้องนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คนไปตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตตามขั้นตอนเพื่อยืนยันหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้งก่อน หลังจากนั้นถ้าหากฝ่ายญาติผู้เสียชีวิตไม่ติดใจในการตายก็จะได้มอบศพเด็กอายุ 13 และ 15 ปี ทั้ง 2 คนให้ไปดำเนินการตามประเพณีต่อไป

รวมทั้งในส่วนนายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล นายอำเภอแก้งคร้อ ที่ร่วมเดินทางมาติดตามสถานการณ์การช่วยนำร่างของน้องทั้ง 2 คนขึ้นจากน้ำด้วยกันนี้ ได้กล่าวฝากเตือนไปยังผู้ปกครองว่าในช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนฤดูน้ำหลาก อยากให้ช่วยกันติดตามพฤติกรรมของลูกหลานในช่วงวันหยุดเรียน อย่าได้ปล่อยให้เด็กๆมาเล่นน้ำตามลำพังเป็นอันขาด และจะได้แจ้งไปยังผู้นำชุมชนทุกพื้นที่ให้ตรวจสอบฝายน้ำล้นทุกแห่งให้ติดป้ายเตือนห้ามลงเล่นน้ำเพื่อป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดตามมาอีกทางเพิ่มเติมในครั้งนี้ด้วย

///////ทีมข่าว จ.ชัยภูมิ////////

Loading