ซึ่งล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางขอเข้าพบผู้จัดการสาขาธนาคารต้นเหตุแห่งหนึ่ง ที่ทำเงินหายจากบัญชีลูกค้าชาวต่างชาติรายนี้ ก็ได้รับคำตอบว่าตอนนี้ยังไม่สามารถให้รายละเอียดใดๆได้ เพราะขณะนี้เรื่องทั้งหมดได้รายงานไปยังผู้จัดการส่วนกลางสาขาใหญ่ที่กทม.ทราบ เพื่อรอพิจารณาเรื่องแล้วและถึงจะแจ้งผลการตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ต่อไปส่วนตัวของธนาคารสาขาเองยังไม่ขอให้รายละเอียดใดๆได้
ซึ่งด้านMR.TRYGGVE OLSSON ชาวสวีเดน สามีสาวไทยรายนี้ที่เป็นเป็นเจ้าของเงินในบัญชีที่หายไปกว่า 480,000 บาท กล่าวว่า ถึงความรู้สึกไม่ดีต่อระบบธนาคารแห่งนี้ในประเทศไทยมาก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก็เคยมีการทำเงินหายจากบัญชีไปแล้วครั้งหนึ่งรวมกว่า 1 แสนบาท ซึ่งก็ไม่ติดใจในครั้งแรก แต่มาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ซ้ำอีก
ทั้งที่ควรจะมีคำตอบที่ชัดเจนมากกว่านี้เมื่อพบว่าลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ และภรรยาชาวไทยเอง และเพื่อนๆชาวต่างชาติคนอื่นๆทราบข่าว ก็รู้สึกไม่ดีต่อกรณีที่เกิดขึ้นถึง ความรู้สึกไม่ดีตามมาอีกจำนวนมากด้วย และอยากให้ธนาคารแห่งนี้ในเมืองไทยต้องกล้าที่จะแสดงความรับผิดชอบมากว่านี้ด้วย
จนล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการประสานจากผู้จัดการธนาคารใหญ่ที่ควบคุมสาขาย่อยของธนาคารแห่งนี้ในจ.ชัยภูมิ ทั้งหมดที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น เพื่อให้ติดต่อประสานงานไปยังสื่อมวลชนทุกแขนงในพื้นที่จ.ชัยภูมิ เพื่อเตรียมที่จะขอชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดครั้งนี้ต่อสื่อมวลชนทั้งหมดในจ.ชัยภูมิ ในวันที่ 28 ก.ย.2561 นี้ ณ ธนาคารต้นสังกัดสาขาดังกล่าวต่อไปด้วย เพื่อไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบโดยรวมต่อธนาคารในประเทศไทย ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนของบุคคล ที่อาจจะมีผิดพลาดได้ แต่องค์กรโดยรวมของภาคธนาคารแห่งประเทศไทยทั้งหมดโดยรวมที่ดีๆก็มีจำนวนมากอยู่แล้ว และ มีระบบที่ดีอยู่แล้ว ขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นและพร้อมที่จะให้ตรวจสอบได้ทุกเรื่องต่อไป ต่อกรณีที่เกิดขึ้นไม่มีการนิ่งนอนใจแต่อย่างใดขอให้เข้าใจการทำงานที่ไม่อยากให้องค์กรเสียหายในครั้งนี้ แต่เป็นเรื่องของบุคคลที่ผิดพลาดเท่านั้นในครั้งนี้ด้วย
////ทีมข่าว จ.ชัยภูมิ////
