สมุทรสาคร!!ชาวบ้านร้องสื่อ” กลุ่มเงินออมสัจจะฉ้อโกงกว่า 30 ล้านคดีไม่คืบ”

สมุทรสาคร ชาวบ้านร้องสื่อ กลุ่มเงินออมสัจจะฉ้อโกงกว่า 30 ล้าน คดีไม่คืบ

วันที่ 5 ตุลาคม 2561 ที่ศาลา วัดคลองตันราษฎร์บำรุง ฃ ต.คลองตัน อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ชาวบ้านประมาณ 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรในพื้นที่อำเภอบ้านแพ้ว รวมตัวกันร้องขอความยุติธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชน หลังจากที่ถูกกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ เพื่อพัฒนาคุณธรรมครบวงจรของชีวิต หรือกลุ่มออมสัจจะ หมู่ 4 ตำบลเกษตรพัฒนา อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีนางสมศรี เกตุแก้ว เป็นประธานกลุ่ม

ฉ้อโกงเงินออมของพี่น้องเกษตรกรจำนวน 32 ล้านบาท ส่งผลให้พี่น้องเกษตรกรที่หลงเชื่อเป็นสมาชิกกลุ่มออมสัจจะ ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก โดยมี พ.ต.อ.สาโรจน์ รอดมณี ผกก.สภ.บ้านแพ้ว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าร่วมรับฟังความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร
เบื้องต้นพี่น้องเกษตรกรที่เดือดร้อน ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัด ในการดำเนินคดีกับนางสมศรีและพรรคพวก เพราะคดีดังกล่าวมีความล่าช้ามากว่า 2 ปี ซึ่ง พ.ต.อ.สาโรจน์ รอดมณี ผกก.สภ.บ้านแพ้ว ได้กล่าวกับพี่น้องเกษตรกรว่า ปัจจุบันคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำสำนวนส่งไปให้กับอัยการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนสาเหตุที่ล่าช้าเป็นเพราะก่อนที่จะมีการฟ้องร้องเป็นคดีความนั้น ได้มีการประชุมหาทางออกร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครอง ผู้เสียหาย และประธานกลุ่มออมสัจจะ อยู่หลายครั้ง รวมทั้งต้องมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดของกลุ่มออมสัจจะ และเมื่อมีการฟ้องร้องเป็นคดีความ หน่วยงานของ DSI ได้เข้ามารับผิดชอบสอบสวนและไปดำเนินการเอง จนกระทั่งได้ส่งเรื่องกลับมาให้ สภ.บ้านแพ้ว ดำเนินการต่อ จึงทำให้เรื่องดังกล่าวเกิดความล่าช้า
พ.ต.อ.สาโรจน์ รอดมณี กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ขอให้พี่น้องเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากการเข้าร่วมกลุ่มออมสัจจะ มาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ เพื่อที่เจ้าพนักงานสอบสวนจะได้รวมคดีเข้าเป็นสำนวนเดียวกัน ซึ่งในส่วนของผู้ต้องหาตอนนี้มีจำนวน 10 ราย และหนึ่งในนั้นคือ นางสมศรี เกตุแก้ว ประธานกลุ่มออมสัจจะ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน กับผู้ต้องหาทั้ง 10 ราย และหากการสอบสวนสามารถระบุตัวผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ก็จะดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ขณะเดียวกันจากการสอบสวนนางสมศรี เกตุแก้ว ยังคงไม่ให้การใดๆและขอให้การในชั้นศาล

ด้านนางณิชชาภัทร ขัดนาค อายุ 28 ปี อาชีพทำสวนมะนาว อยู่บ้านเลขที่ 124 ม. 6 ต.เกษตรพัฒนา หนึ่งในผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการเข้าร่วมกลุ่มออมสัจจะ กล่าวว่า ตนเองนำเงินไปร่วมฝากกับกลุ่มออมสัจจะ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2551เพราะมีความเชื่อถือในตัวของประธานกลุ่มคือ นางสมศรี เกตุแก้ว เนื่องจากเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลเกษตรพัฒนา และตนเองเห็นกลุ่มออมสัจจะมาตั้งแต่เด็กๆ จึงได้นำเงินไปฝากเป็นก้อนครั้งละประมาณ 50,000 – 100,000 บาท ถ้ารวมกับเงินที่คนในครอบครัวร่วมฝากด้วยก็จะตกประมาณ 2 ล้านบาท โดยได้ดอกเบี้ยร้อยละ 12 บาทต่อปี และได้รับเงินปันผลอีกด้วย แต่ในช่วงเดือนมีนาคม 2557 ก็ไม่สามารถเบิกถอนเงินได้ ซึ่งมีการทวงถามมาตลอด จนครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2559 ตนเองได้มีโอกาสคุยกับประธานกลุ่มเงินออมสัจจะ ก็ได้รับคำตอบว่ากลุ่มเงินออมสัจจะขาดสภาพคล่อง และมีเงินเหลือเพียง 40,000 กว่าบาท ซึ่งการมารวมตัวของชาวบ้านที่เดือดร้อนในครั้งนี้ เพื่อต้องการความชัดเจนและอยากให้นางสมศรีออกมารับผิดชอบเรื่องทีเกิดขึ้น
สำหรับกลุ่มอมสัจจะ เปิดดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 โดยมีนางสมศรี เกตุแก้ว เป็นประธาน และได้ขยายกลุ่มด้วยวิธีการชักชวนคนมาเป็นสมาชิกอย่างต่อเนื่องจนมีสมาชิกมากถึง 1,007 บัญชี ซึ่งสมาชิกจะมีสมุดคู่ฝากเล่มสีเหลืองขนาดเท่ากับสมุดธนาคารทั่วไป ภายในจะมีการเขียนหลักฐานการฝากเงินด้วยลายมือ และจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากร้อยละ 12 ต่อปี แต่ในส่วนของการกู้เงินจากกลุ่มออมสัจจะ ผู้กู้ต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละ 1.50 บาทต่อเดือน และมีข้อกำหนดให้ชำระเงินกู้ภายใน 10 เดือน ซึ่งจะคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้น ลดดอก แต่สุดท้ายทางกลุ่มออมสัจจะได้ออกมาประกาศว่าขาดสภาพคล่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 และส่งผลกระทบให้สมาชิกจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนจนถึงปัจจุบัน

ทีมข่าว สมุทรสาคร

Loading