วันอังคาร, 23 เมษายน 2567

ฝนหลวงฯเทใจรวมพลังปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือเกษตรกร”

ฝนหลวงฯ เทใจรวมพลังปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือเกษตรกรต่อเนื่องจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน

กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ขยายเวลาปิดหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจากเดิมสิ้นเดือนตุลาคม ขยายเวลาต่อเนื่องไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่กำลังเริ่มประสบปัญหา ภัยแล้ง โดยเน้นพื้นที่การเกษตร ลุ่มรับน้ำและอ่างเก็บน้ำที่มีความต้องการ

วันที่ 19 ตุลาคม 2561 เวลา 12.00 น. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและ
การบินเกษตร เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์พื้นที่การเกษตรในหลายภูมิภาคของประเทศพบว่าเกษตรกรเริ่มประสบปัญหาภัยแล้ง จึงทำให้ในพื้นที่การเกษตรยังคงมีความต้องการน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงพืชอีกหลายชนิดที่อยู่ระหว่างการเจริญเติบโต อาทิ ข้าว ข้าวโพด อ้อยและมันสำปะหลัง พบว่าพื้นที่เก็บเกี่ยวผลผลิตข้าว ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่นอกเขตชลประทาน โดยเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 ถึงเดือนมกราคม 2562 ซึ่งขณะนี้เกษตรกรและอาสาสมัครฝนหลวงได้ขอรับบริการฝนหลวงมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในส่วนของเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่างๆ ยังมีความต้องการปริมาณน้ำเก็บกักให้มากยิ่งขึ้น กรมฝนหลวงฯ จึงต้องเร่งเพิ่มปริมาณน้ำให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้สอดรับกับโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา ในการช่วยเหลือเกษตรกรหลังฤดูการทำนา ซึ่งเป็นรูปแบบการปฏิรูปภาคเกษตรให้ผลผลิตสมดุลกับตลาด สามารถยกระดับรายได้เกษตรกรได้จริง โดยกรมฝนหลวงฯ ได้ปรับแผนการปฏิบัติการฝนหลวงขยายเวลาปฏิบัติการฝนหลวงจากแผนเดิมที่ดำเนินการปิดหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศในวันที่ 31 ตุลาคม ให้ขยายเวลาไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ และอาจขยายการปฏิบัติการต่อเนื่องไปจนกว่าสภาพอากาศจะไม่เหมาะสม โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะติดตามสถานการณ์สภาพอากาศจากสถานีเรดาร์ตลอด 24 ชม ถ้าพบว่าสภาพอากาศเหมาะสมก็จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงทันที ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งให้ระดมกำลังไปปฏิบัติการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบนี้แล้ว

นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยสรุปผลรวมการปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่เริ่มตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง เมื่อวันที่ 1 มีนาคม – 18 ตุลาคม 2561 มีการขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 218 วัน มีวันฝนตกจากการปฏิบัติการฝนหลวงคิดเป็นร้อยละ 95.15 ขึ้นบินปฏิบัติงานจำนวน 4,162 เที่ยวบิน ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 3502.63 ตัน พลุซิลเวอร์ไอโอไดด์สำหรับภารกิจปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 1,809 นัด พลุแคลเซียมคลอไรด์สำหรับภารกิจปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 84 นัด จังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 58 จังหวัด และตามแผนการคาดการณ์ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนและอ่างเก็บน้ำในภูมิภาคต่างๆ ระหว่างวันที่ 20 ก.ย. – 31 ต.ค. 61 สามารถปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักได้ตามเป้าหมาย อาทิ ภาคเหนือเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาณน้ำไหลเข้า จำนวน 8.030 ล้าน ลบ.ม.จากแผนคาดการณ์ 10 ล้าน ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขื่อนลำแชะ จังหวัดนครราชสีมา มีปริมาณน้ำไหลเข้า จำนวน 4.630 ล้าน ลบ.ม.จากแผนคาดการณ์ 5 ล้าน ลบ.ม. ภาคกลางอ่างเก็บน้ำทับเสลา จังหวัดอุทัยธานี มีปริมาณน้ำไหลเข้า จำนวน 10.550 ล้าน ลบ.ม.จากแผนคาดการณ์ 5 ล้าน ลบ.ม. และภาคตะวันออกอ่างห้วยยาง จังหวัดสระแก้ว มีปริมาณน้ำไหลเข้า จำนวน 3.126 ล้าน ลบ.ม.จากแผนคาดการณ์ 12 ล้าน ลบ.ม. สำหรับอ่างเก็บน้ำและเขื่อนอื่นๆ จะเร่งปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้รองรับความต้องการของเกษตรกร

ทั้งนี้ สามารถแจ้งขอรับการบริการฝนหลวงได้ที่ตัวแทนอาสาสมัครฝนหลวงในแต่ละพื้นที่หรือแจ้งกับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย/ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงทั้ง 5 ภูมิภาค และสามารถติดตามข่าวสารได้ทาง www.royalrain.go.th เพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร และการรายงานข่าวปฏิบัติการฝนหลวงประจำวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย

กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
19 ตุลาคม 2561

Loading