วันเสาร์, 20 เมษายน 2567

อดีต สว.ส.ส.ถูกบิ๊กโจ๊กจับกุมยึดทรัพย์กว่า 2 พันล้าน”โต้ลั่นไม่เคยปล่อยเงินกู้นอกระบบ”

ศรีสะเกษ อดีต สว.ส.ส.ถูกบิ๊กโจ๊กจับกุมยึดทรัพย์กว่า 2 พันล้านบาท โต้ลั่นไม่เคยปล่อยเงินกู้นอกระบบ เพียงทำธุรกิจซื้อขายที่ดินเท่านั้น เตรียมฟ้องกลับถูกกล่าวหาว่า มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มีฐานะมั่นคงไม่เคยคิดหลบหนีแต่กลับถูกออกหมายจับเยี่ยงฆาตรกร มั่นใจว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง


อดีตเมื่อวันที่ 10 ก.พ.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อชาติ บ้านดองกำเม็ด อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ นางสุนีย์ อินฉัตร อดีต สว.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย น.ส.มาลินี อินฉัตร อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย และ ดร.ณรงค์ ระฆังทอง ทนายความชื่อดังของ จ.ศรีสะเกษ และเป็นทนายความส่วนตัวของนางสุนีย์ อินฉัตร ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทุกแขนง กรณีที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และคณะ ได้แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 5 คน คดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งมีผู้ต้องหา 5 คน โดยมี นางสุนีย์ และ น.ส.มาลินี อดีต สว.และอดีต ส.ส.ศรีสะเกษ เป็น 2 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ซึ่งขณะนี้ น.ส.มาลินี เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อชาติ โดยมี นายอธิป อินฉัตร ลูกชายของ น.ส.มาลินี เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ในเขตเลือกตั้งที่ 6 จ.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อชาติ

นางสุนีย์ อินฉัตร อดีต สว.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนทราบข่าวว่าจะมีการเข้าจับกุมตน เมื่อวันที่ 3 ก.พ.62 ตอนช่วงเวลาประมาณ 01.30 น. กำลังจะเข้าสู่ช่วงเช้าของวันที่ 4 ก.พ.62 ซึ่งเป็นวันที่เปิดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต เป็นวันแรก ตนและลูกสาว คือ น.ส.มาลินี อินฉัตร อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ จะนำหลานชายของตนคือ นายอธิป อินฉัตร ไปสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ 6 จ.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อชาติ ซึ่งพอตนรู้ข่าวก็ได้ไปมอบตัวกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ แล้วได้รับการประกันตัวในวงเงินคนละ 100,000 บาท ส่วนเรื่องทั้งหมด ตนได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เพราะว่าเป็นการกล่าวหาไม่เป็นความจริง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตนนั้นมี 2 ส่วนคือ เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดิน ซึ่งตนทำอาชีพนี้มาหลายสิบปีแล้ว เวลาซื้อขายที่ดินก็ซื้อขายกันบนสำนักงานที่ดินประจำจังหวัด และได้มีการเสียภาษีให้รัฐบาลทุกต้องทุกแปลง ส่วนเรื่องเช็คนั้น เป็นเช็คที่ตนรับใช้ซื้อของโจรไว้ เพราะว่าเช็คโดนขโมยไป แล้วแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ เมื่อประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมา เขาก็ยังโยงเรื่องมา ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องเกิดมานานแล้ว แต่พึ่งจะมาทำให้เป็นเรื่อง ทำให้ตนเสียชื่อเสียงมาก ตนจะไปร้องขอความเป็นธรรมจากผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประธาน ปปช.และศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย ภายในสัปดาห์หน้านี้

นางสุนีย์ กล่าวต่อไปว่า สรุปเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นการมุ่งหวังทำลายตนทางการเมือง เหตุผลคือ ตนได้ส่งลูกสาวคือ น.ส.มาลินี อินฉัตร ลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ และหลานชายคือ นายอธิป อินฉัตร ลงสมัคร ส.ส.เขต 6 จ.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อชาติ ตนมั่นใจว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองโดยตรง ซึ่งตนพร้อมที่จะต่อสู้คดีเพื่อความเป็นธรรมในเรื่องนี้อย่างเต็มที่เพราะตนมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตน อีกทั้งขณะนี้ตนอายุ 77 ปีแล้ว เป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตที่ตนจะต้องทุ่มเทเพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับชาว จ.ศรีสะเกษ ดังนั้น ตนจึงได้ให้การสนับสนุนในการก่อสร้างโรงพยาบาล โรงเรียน วัดวาอารามและสถานที่สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ จำนวนมากเพื่อประโยชน์สุขโดยรวมแก่ประชาชน จ.ศรีสะเกษต่อไป

ดร.ณรงค์ ระฆังทอง ทนายความชื่อดังของ จ.ศรีสะเกษ และเป็นทนายความส่วนตัวของนางสุนีย์ อินฉัตร กล่าวว่า คดีนี้มีข้อบกพร่องหลายอย่างคือ ลักษณะคดีที่มีการดำเนินการอยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ ทางเจ้าของคดีจริง ๆ ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนยังไม่มีการดำเนินคดีหรือแจ้งข้อกล่าวหากับทางผู้ต้องหาทั้งหมด และคดีที่เกิดขึ้นเป็นคดีเช็คเกิดขึ้นที่ตัว อ.ขุขันธ์ ลักษณะของคดีเป็นเพียงคดีแพ่ง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีอาญาแต่อย่างใดทั้งสิ้น ส่วนการซื้อขายที่ดินที่มีการพยายามโยงมา และนำมามัดตัวผู้ต้องหาทั้งหมด เป็นการซื้อขายที่ดินกันโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยนางสุนีย์ อินฉัตร เป็นคนทำธุรกิจด้านนี้โดยเฉพาะ ซื้อขายที่ดินมา 4 – 50 ปีแล้ว และมีการซื้อขายไป ซึ่งคนทั้งจังหวัดศรีสะเกษ ทราบเรื่องนี้ดี พฤติกรรมของนางสุนีย์ ไม่เคยมีการปล่อยเงินกู้นอกระบบ ไม่มีการทำสัญญาขายฝากหรือจำนอง มีแต่ซื้อที่ดินขาดไป ซึ่งตนได้สอบถามเรื่องนี้กับทางพนักงานสอบสวน หรือเจ้าหน้าที่ที่จับกุมแล้ว ก็ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับสัญญาขายฝากหรือจำนองมาให้ตนได้ดูเอกสารเหล่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งบกพร่องที่เจ้าหน้าที่พยายามเชื่อมโยงให้เป็นคดีเดียวกันทั้งหมด

ดร.ณรงค์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดซึ่งตนเห็นว่า นางสุนีย์ และ น.ส.มาลินี ไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นอย่างมากก็คือ มีการออกหมายจับ ซึ่งชุดจับกุมหรือพนักงานสอบสวน สามารถที่จะออกหมายเรียก เนื่องจากว่าผู้ต้องหาไม่มีพฤติกรรมที่จะหลบหนี โดยฐานะอดีต ส.ส.และอดีต สว.ฐานะความเป็นอยู่มีทรัพย์สินระดับหลายพันล้านบาท ตนขอย้ำว่าหลายพันล้านบาท แต่กลับกระทำกับบุคคลเหล่านี้เยี่ยงกับเป็นพวกอาชญากร ไปถามชาว จ.ศรีสะเกษ เลยว่า บุคคลเหล่านี้ทำคุณงามความดีกับชาว จ.ศรีสะเกษ มากมายขนาดไหน และไม่เคยมีประวัติว่าเคยไปรังแกใครแต่อย่างใดทั้งสิ้น ออกหมายเรียกหรือหนังสือเชิญมา ก็ยินดีให้ความร่วมมือ ไม่มีพฤติกรรมที่จะหลบหนีอยู่แล้ว แต่การที่พนักงานสอบสวนไปยื่นเรื่องต่อศาลอาญา เพื่อให้ออกหมายจับ ตนไม่ทราบว่าเขาใช้เหตุผลอะไร อาจจะเป็นการยื่นเท็จหรือให้การอันเป็นเท็จต่อศาลอาญาก็ได้ ตนถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาลเกี่ยวกับการให้ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้

ดร.ณรงค์ ยังกล่าวด้วยว่า ที่สำคัญที่สุดในการยึดทรัพย์ ตนมารวบรวมค่าเสียหายทั้งหมด ทั้งคดีที่ดิน ทั้งเช็คที่มีการกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายอาญา รวมแล้วเต็มที่ไม่เกิน 100 ล้านบาท แต่พนักงานสอบสวนและชุดจับกุม ทำการยึดทรัพย์ไปร่วม 2 – 3 พันล้านบาท ซึ่งตนและนางสุนีย์ได้โต้แย้งแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่รับฟัง เพราะทรัพย์สินที่โดนยึดไปได้มาโดยชอบกว่า 4 – 50 ปีแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังทำการอายัดไว้ เพื่อให้เกิดความเสียหาย และมีการแถลงข่าวในวันนั้น มีการเอาภาพข่าวคนอื่นมารวมไว้ โดยมีการเอาข่าวยาเสพติดมารวมด้วย ทำให้คนเข้าใจผิดว่า นางสุนีย์มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทำให้นางสุนีย์กับพวกได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เพราะว่าไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่อย่างใด ซึ่งนางสุนีย์และผู้เสียหายทั้งหมด จะได้มีการดำเนินคดีกับสื่อมวลชนที่มีการนำเสนอข่าวที่ทำให้ได้รับความเสียหายนี้จนถึงที่สุดต่อไป

ข่าว/ภาพ……บุญทัน ธุศรีวรรณ จังหวัดศรีสะเกษ

Loading