วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

ราชบุรี!!เลี้ยงปลากัดส่งออก”ด้านประมงให้การสนับสนุน”

เลี้ยงปลากัดส่งออก ด้านประมงให้การสนับสนุน

เกษตรกรชาวโพธาราม จ.ราชบุรี มีเทคนิคการเลี้ยงปลากัดไทย ซึ่งเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มีคุณภาพได้มาตรฐาน ราคาดีคัดเกรดตัวละ 200 – 300 บาท เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศให้ความนิยม

วันที่ 8 ก.พ.62) ที่ฟาร์ม Potha Betta ของนายปิยะสรณ์ ศิลปะศร อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100 / 1 หมู่ 1 ต.สร้อยฟ้า อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ที่มีใจรัก และชื่นชอบการเลี้ยงปลากัดมานานหลายปี จนเกิดความชำนาญ จนสามารถพัฒนาเพาะพันธุ์ปลากัดที่มีสีสันสวยงาม โดยเฉพาะปลากัดพันธุ์หางยาว ที่มีออร์เดอร์สั่งเข้ามาต่อเนื่องทั้งปี ที่สำคัญปลากัดแต่ละตัวจะมีคุณภาพตามเกรด เริ่มตั้งแต่เกรด A ไปจนถึงเกรด B และเกรด C

โดยปลากัดจะมีหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์หูช้าง พันธุ์ครีบยาวหางมงกุฎ สีสัน สวยงาม ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมเลี้ยงสายพันธุ์ครีบยาวหางพระจันทร์ครึ่งดวง หรือ เรียกว่า Half Moon เวลาที่ปลากัดจะกางแผ่หางเต็มที่จะมีลักษณะคล้ายกับพระจันทร์ครึ่งดวง ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ และพันธุ์ครีบสั้นหางเดี่ยว หรือหางพระจันทร์ครึ่งดวงจะมีลักษณะหางสั้นกว่าสายพันธุ์แรก การเลี้ยงปลากัดไทยมีข้อดีคือไม่ต้องให้ออกซิเจน เลี้ยงตามปกติ เป็นปลาฮุบอากาศอยู่เหนือน้ำ การเลี้ยงในโหลประมาณ 7-10 วันจึงจะถ่ายน้ำ 1 ครั้ง แต่หากเป็นแบบลักษณะขวดที่ตั้งเรียงรายติดกันจะถ่ายน้ำทุก 3 วัน จะมีเทคนิคการเลี้ยงคือ ให้ถ่ายน้ำตามปกติตรงเวลาโดยเฉพาะถ้าเป็นปลากัดหางยาวจะต้องถ่ายน้ำตรงเวลาจึงจะทำให้ปลาเจริญเติบโตดี ที่ฟาร์มจะใช้บ่อซีเมนต์เลี้ยงปลาไม่เกิน 200 -300 ตัว เพื่อไม่ให้หนาแน่นเกินไป จะเทปลาเลี้ยงเพียง 1 คอก พออยู่ได้ประมาณ 1 เดือนครึ่ง – 2 เดือนจึงจับมาแยกเลี้ยงใส่ขวด เนื่องจากปลาจะเริ่มกัดและหวงแหนพื้นที่ โดยตนเองจะพยายามคัดพ่อแม่พันธุ์ที่สมบูรณ์โดยไปหาซื้อแหล่งพันธุ์ที่ดีนำมาเพาะเลี้ยงและจะเก็บลูกพันธุ์ปลาที่มีคุณภาพเอามาเลี้ยงให้กลายเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์เพิ่มอีกเรื่อยๆ อย่างตัวเมียถ้ามีความพร้อมในการผสมพันธุ์บริเวณท้องจะเริ่มแตกเป็นลาย ส่วนตัวผู้จะเลือกปลาที่ฟอร์มดีเอามาใส่ในขันพลาสติกธรรมดา จับใส่ไว้ 2 คืน ก็จะออกไข่ การเพาะพันธุ์ไม่ยาก แต่การอนุบาลให้โตนั้นจะยากกว่า

ทั้งนี้นายปิยะสรณ์ ศิลปะศร เจ้าของฟาร์มฟาร์ม Potha Betta กล่าวว่า “ ใช้บ่อซีเมนต์เป็นบ่อวงกลมขนาด 80 เซนติเมตร ประมาณ 200 บ่อ มีขวดแก้วใสแบนที่จะไว้คัดแยกปลาประมาณ 13,000 ขวด โดยจะเจาะบริเวณขวดน้ำไว้เพื่อให้ถ่ายน้ำง่ายสะดวก อนาคตจะขยายเพิ่มเป็น 20,000 ขวด ส่วนอาหารที่เลี้ยงจะใช้ลูกไรแดงสดเลี้ยงทุกวัน ต้องใช้ความชำนาญในการหยอดอาหาร ให้ตรงกับปากขวดพอดี จะนำลูกไร่แดงใส่ขวดซอสแล้วบีบลงในขวด ที่ตั้งไว้เป็นแถวยาว ซึ่งจะต้องดูอายุของปลาแต่ละไซส์ที่จะให้อาหารด้วย ถ้าอายุมากหน่อยก็จะให้อาหารเยอะกว่า ใช้เวลาการเลี้ยงประมาณ 4 เดือนก็สามารถจับขายได้ ขึ้นอยู่กับเกรดปลาแต่ละตัว เกรด A ราคาส่งหน้าฟาร์มประมาณตัวละ 200 -300 บาท เกรด อื่นๆก็จะลดราคาต่ำลงไป ที่ฟาร์มจะเพาะเลี้ยงพันธุ์หางยาว ที่ตลาดส่วนใหญ่ต่างประเทศต้องการ ส่วนพันธุ์หางสั้นก็จะคงมีไว้บ้างเล็กน้อยประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ หางยาว 70 เปอร์เซ็นต์ ที่ส่งมีประเทศอเมริกา พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ ล็อตหนึ่งขายประมาณ 50 – 200 ตัว แต่ละล็อตได้เงินประมาณ 10,000 – 15,000 บาท ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ลูกค้าสั่งเข้ามาในแต่ละครั้ง รู้สึกดีใจที่รัฐให้การส่งเสริมเพราะปลากัดไทยเป็นปลาที่ทั่วโลกรู้จักว่าเป็นปลาที่มาจากประเทศไทยเท่านั้น ”

การส่งจำหน่วยจะบรรจุใส่ถุงขนาด 4 คูณ 12 นิ้วแล้วมัดถุง จากนั้นจึงนำอีกถุงซ้อนเข้าไปอีกชั้นปลากัดสามารถอยู่ได้นาน แม้จะกระแทก กระเทือนอย่างไรก็ไม่มีปัญหา แต่ห้ามอยู่ในที่มีแสงแดดอย่างเดียวเท่านั้น ปลากัดจะอยู่ได้นานเป็นเดือนโดยที่ปลาไม่ตาย

ทางด้าน ดร.ชนินทร์ แสงรุ่งเรือง ประมงจังหวัดราชบุรี “มีการให้ความรู้กับเกษตรกรโดยทั้งเกษตรกรรายเก่า และเกษตรกรรายใหม่ ซึ่งจะให้ความรู้เบื้องต้น การอบรมศึกษาดูงาน ส่วนรายเก่าจะมีการพัฒนาฟาร์มโดยการสร้างมาตรฐาน มีการรับรองมาตรฐาน GAP และมาตรฐานส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่จะส่งออกโดยการควบคุมโรค เน้นปลาสวยงามที่จะส่งออกไปที่การควบคุมโรคเป็นหลัก จะต้องปลอดโรคส่งไปต่างประเทศแล้วปลาจะต้องไม่ป่วย หรือ เอาโรคระบาดไปสู่ประเทศอื่น ทุกฟาร์มที่มีการส่งเสริมจะพัฒนาไปจนถึงจุดที่สามารถส่งออกได้ด้วยตัวเอง ในราชบุรีมีการเพาะเลี้ยงปลากัดอยู่ไม่เกิน 10 ราย เป็นฟาร์มขนาดกลาง ส่วนรายใหญ่จะอยู่ที่ฟาร์มนี้ซึ่งมีคุณภาพ ได้มาตรฐานผ่านการรับรองแล้ว ปัจจุบันได้มีการพัฒนาจนถึงขั้นมีการส่งจำหน่ายต่างประเทศเป็นผลสำเร็จ ”

สำหรับการเพาะเลี้ยงปลากัดไทย ซึ่งเป็นปลาที่ได้รับการอนุมัติจาก ครม.ให้เป็นสัตว์น้ำประจำชาติ ซึ่งมีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ ประจำชาติ มีชื่อว่า Betta splendent มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทย เป็นสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์ด้านพฤติกรรมการต่อสู้ เป็นสัตว์น้ำชนิดเดียวของไทยที่มีลักษณะดังกล่าว ได้รับการยอมรับนิยมเลี้ยงกันในระดับสากล ส่งออกจำหน่ายถึงประเทศ

สุจินต์ นฤภัย (เต้)

Loading