วันศุกร์, 29 มีนาคม 2567

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด!!เจ๋ง”โชว์ผลงานจับยาบ้าล๊อตใหญ่”

ตำรวจปราบปรามยาเสพติดโชว์ผลงาน เจ๋ง


วันนี้ 21 มีนาคม 62 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.)พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป)/ผอ.ศอ.ปส.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชินภัทรสารสินผบช.ปส.พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส.พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ชยพจน์ หาสุณหะ ผบก.ขส.บช.ปส.พล.ต.ต.ภาณุวิชญ์ทองยิ้ม ผบก.อก.บช.ปส.และพล.ต.ต.ยุทธชัย พัวประเสริฐผบก.ภ.จว.เชียงราย ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ 2 คดี ผู้ต้องหาเป็นทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติพร้อมของกลางเป็นยาบ้า 8 ล้านเม็ด ไอซ์อีก 2.70 กิโลกรัม

พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 62 ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.2 และ กก.3 บก.ปส.3 บช.ปส.สนธิกำลังร่วมกับ บก.ขส.บช.ปส.ทำการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 คน นายบุญส่ง วูซือกู่ อายุ 27 ปีอยู่บ้านเลขที่84 หมู่ 11 ต.ห้วยชมภู อ.เมือง จว.เชียงราย(เสียชีวิตขณะจับกุม)นายพีระอางี อายุ 25 ปีอยู่บ้านเลขที่ 219 หมู่ 11 ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย จว.เชียงราย นายลีซอ อางี อายุ 23 ปีอยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 15 ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย จว.เชียงรายพร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 4,000 มัดรวมประมาณ 8,000,000 เม็ด รถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีบอร์น หมายเลขทะเบียนผจ 7476 เชียงราย จำนวน 1 คัน รถยนต์กระบะฟอร์ดสีเทา หมายเลขทะเบียน ผจ8424 เชียงราย จำนวน 1 คัน รถยนต์กระบะเชฟโลเลต สีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ผ 0875กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน อาวุธปืนพกสั้น แบบรีวอลเวอร์ ขนาด.38 มม.จำนวน 1 กระบอกโทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่อง


โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับนายบุญส่ง วูซือกู่ ผู้ต้องหาที่ 1 ว่า“ต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าได้ปฏิบัติการตามหน้าที่, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร”
พล.ต.ต.พรชัย เปิดเผยต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้รับแจ้งข้อมูลจากสายลับว่าจะมีกลุ่มผู้ค้าจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดซึ่งเป็นกลุ่มอาข่าดอยแม่สลอง อ.แม่ฟ้าหลวง จว.เชียงราย ของเครือข่ายนาย บุญส่ง วูซือกู่ จะทำการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากมาจากบริเวณชายแดนในเขตพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง จว.เชียงราย ไปส่งให้กับกลุ่มลำเลียงในพื้นที่ อ.เมือง จว.เชียงราย เพื่อจะลำเลียงต่อไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑลในห้วงวันที่ 15-16 มี.ค.62 ที่ผ่านมา โดยใช้พาหนะเป็นรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีบอร์นหมายเลข ทะเบียน ผจ-7476 เชียงราย ในการลำเลียงยาเสพติดและรถยนต์กระบะฟอร์ดสีเทา หมายเลขทะเบียน ผจ8424 เชียงราย รถยนต์กระบะเชฟโลเลต สีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ผ 0875กรุงเทพมหานคร ร่วมกันลำเลียงและนำทางคุ้มกันการลำเลียงยาเสพติดดังกล่าวด้วย

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้นำกำลังออกเดินทางไปเฝ้าดูและสังเกตการณ์ที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน ในเขตพื้นที่ อ.แม่จัน จว.เชียงรายกระทั่งเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 62 ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพบรถยนต์กระบะเชฟโรเลต สีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ผ 0875 กรุงเทพมหานครวิ่งออกมาทางเส้นดอยตุงสายเก่าเข้าสู่ถนนพหลโยธินโดยมีรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีบอร์น หมายเลขทะเบียน ผจ 7476 เชียงรายและรถยนต์กระบะฟอร์ด สีเทา หมายเลขทะเบียน ผจ 8424 เชียงราย วิ่งตามกันออกมาซึ่งตรงกับที่สายลับแจ้งไว้และทางเจ้าหน้าที่ได้สังเกตพบว่าที่บริเวณท้ายกระบะของรถยนต์กระบะโตโยต้าและกระบะฟอร์ด บรรทุกสิ่งของซุกซ่อนมาด้วย โดยมีผ้าใบปิดคลุมไว้ ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้แบ่งกำลังแยกติดตามรถยนต์กระบะทั้ง 3 คัน ไปอย่างกระชั้นชิดกลุ่มของคนร้ายทราบว่าถูกติดตามจึงได้เร่งความเร็วและพยายามแยกย้ายกันหลบหนี โดยรถยนต์กระบะเชฟโรเลตได้ขับนำไปใช้เส้นทางไปยัง อ.เชียงแสน จว.เชียงราย ส่วนรถยนต์กระบะโตโยต้าและฟอร์ดได้แล่นตามกันไป ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้เข้าสกัดและหยุดรถยนต์กระบะเชฟโรเลตและรถยนต์กระบะฟอร์ดได้ที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จว.เชียงราย ส่วนรถยนต์กระบะโตโยต้าที่แล่นตามมาได้เร่งความเร็วแซงเพื่อพยายามหลบหนี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ไล่ติดตามและได้ใช้อาวุธปืนยิงไปที่ยางรถยนต์เพื่อสกัดกั้นการหลบหนีจนกระทั่งรถยนต์กระบะคันดังกล่าวไม่สามารถแล่นต่อไปได้และได้หยุดบริเวณริมถนนพหลโยธิน หน้าปากซอยศรียางมูล 3 หมู่ 8 ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จว.เชียงราย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอเข้าทำการตรวจค้นแต่นายบุญส่งได้เปิดประตูรถยนต์กระบะพร้อมกับชักอาวุธปืนพกสั้นยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหลบหนีจำนวน 2 นัด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นประจำกายยิงตอบโต้เพื่อป้องกันตัวเป็นเหตุให้นายบุญส่งเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากการตรวจค้นภายในรถยนต์กระบะฟอร์ด พบนายพีระ อางี นั่งอยู่บริเวณที่นั่งคนขับ มาเพียงคนเดียว ตรวจค้นบริเวณท้ายกระบะพบยาบ้าจำนวน 2,100 มัดรวมประมาณ 4,200,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ และได้ทำการตรวจค้นรถยนต์กระบะโตโยต้าพบยาบ้าจำนวน 1,900 มัดรวมประมาณ 3,800,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณท้ายกระบะเช่นกัน จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง


ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสามารถสกัดจับนายลีซอ อางีได้ขณะขับขี่รถยนต์หลบหนีและได้เฉี่ยวชนรถยนต์กระบะฯของทางราชการได้รับความเสียหายเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ใช้อาวุธปืนพกประจำกายยิงไปที่ยางรถยนต์กระบะเชฟโรเลตเป็นเหตุให้รถยนต์กระบะคันดังกล่าวยางแตก จนไม่สามารถขับหลบหนีไปได้ จากนั้นได้ควบคุมตัวนายพีระฯและนายลีซอฯมายังจุดเกิดเหตุบริเวณปากซอยศรียางมูล 3 หมู่ 8 ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จว.เชียงราย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจะประสานเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องมาร่วมชันสูตรพลิกศพของนายบุญส่ง วูซือกู่ พร้อมทำการตรวจยึดอาวุธปืนพกสั้นชนิดรีวอลเวอร์ ขนาด .38 มม.ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน จำนวน 1 กระบอก นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่จัน จ.เชียงราย เพื่อดำเนินอีกคดีหนึ่งด้วยและได้ร่วมกันตรวจยึดยาเสพติดประเภท1(ยาบ้า)จำนวน 4,000 มัดรวมประมาณ 8,000,000 เม็ด ส่งพนักงานสอบสวนอบก.ปส.3 บช.ปส.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่าเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.1 บก.ปส.3 ทำการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา 1 คน นายอนุชา กรินวงศา อายุ 28 ปิ อยู่บ้านเลขที่ อ.เวียงสา จว.น่าน พร้อมด้วยของกลางไอซ์ จำนวน 10 ห่อน้ำหนักรวมประมาณ 2,070 กรัมโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามนำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต”

พล.ต.ต.พรชัย เปิดเผยว่าทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ร่วมกันทำการสืบสวนกลุ่มเครือข่ายการลักลอบจนยาเสพติดออกนอกราชอาณาจักรผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จนเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2662 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า พบวัตถุต้องสงสัยอยู่ภายในกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารของสายการบินหนึ่ง ชื่อนายอนุชา กรินวงศา รอขึ้นเครื่องที่บริเวณห้องโถงผู้โดยสารรอขึ้นเครื่องประตูทางออกหมายเลข E7 จึงประสานเจ้าหน้าที่สายการบินพบนายอนุชาฯ พร้อมกระเป๋าสัมภาระ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวขอตรวจสอบหนังสือเดินทางและตรวจค้นสัมภาระต่อหน้านายอนุชาฯ พบว่าในกระเป๋าเดินทางผ้าแบบลากจูงสีเขียว บริเวณพื้นกระเป๋าทำเป็นช่องลับ เมื่อเปิดดูพบด้านในมีห่อฟรอยล์ จับดูภายในมีลักษณะเป็นเกร็ดของแข็งซุกซ่อนอยู่เชื่อว่าเป็นยาเสพติด จากการตรวจค้นอย่างละเอียดพบผลึกลักษณะเป็นเกล็ดใสบรรจุในถุงพลาสติกใส ห่อด้วยฟรอยล์ ซุกซ่อนอยู่ในพื้นกระเป๋า จำนวน 10 ห่อ รวมน้ำหนักสิ่งห่อหุ้มประมาณ 2,070 กรัม เมื่อนำผลึกใสทดสอบด้วยน้ำยาทดสอบสารเสพติดเบื้องต้นต่อหน้านายอนุชาฯ ให้ผลเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทเมทแอมเฟตามีนหรือไอซ์ จึงร่วมกันจับกุมนายอนุชาฯ และนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนบก.ปส.3 บช.ปส.เพื่อดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

ทีมข่าว อาชญากรรม

Loading