วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

ชุมพร!!โจ๋หารถกลับบ้านจ.เลย”ชิงรถยนต์จราจรสุราษฏร์”ซิ่ง 100 กม./ชนไฟแดงยับ”

ชุมพร–สะเทือน สตช.โจ๋ขี้ยา ซิวรถยนต์ จร.สุราษฏร์ ซิ่ง100กม.ชนไฟแดงยับ หลอนหนัก


เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 พค.62 ร.ต.อ.สนิท นุ้ยพิน รอง สว.(สอบสวน) สภ.หลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร รับแจ้งเหตุมีรถยนต์ชนไฟสัญญาณจราจร และ เสาไฟฟ้า ที่สามแยกวังตะกอ หมู่ที่ 4 ต.วังตะกอ อ.หลังสวน พร้อมด้วย กำลังตำรวจรุดที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุบนถนนเอเชีย41 ขาขึ้น กทม. พบว่าที่สามแยกวังตะกอ ซึ่งเป็นสามแยกจากถนนเอเชีย จ.ชุมพรไป ยัง จ.ระนอง มีทั้งเศษชิ้นส่วนของเสาไฟจราจร เสาไฟจราจร 3 ต้น ล้มระเนระนาด ขวางเส้นทาง ในจุดดังกล่าว ห่างจากจุดไฟจราจรไปร่วม 50 เมตร พบว่า มีรถยนต์กะบะตอนครึ่ง โตโยต้ารีโว้ สีบอรนซ์เงิน คาดด้วยสีน้ำตาล ก็เป็นที่ตกตะลึง เมื่อด้านข้างรถเขียนไว้ ว่า สภ.เมืองสุราษฏร์ธานี ในสภาพอัดติดกับเสาไฟฟ้า พังยับเยิน ด้านหน้ารถยุบเกือบถึงห้องโดยสาร ตัวรถหักครึ่งกลาง ภายในห้องโดยสารถุงลมนิรภัยทั้ง 2 ลูกถูกดันออกมา ทะเบียนตราโล่ 17240 ข้างๆรถพบ นายอัครเดช ปาละแก้ว อายุ 20 ปี บ้านเลขที่173/1 หมู่ 14 ต.นาคอก อ.นาด้วง จ.เลย ในสภาพได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อยู่ในสภาพคล้ายคนเมายาเสพติดอย่างหนัก พูดจาวกไปวนมา


นายอัครเดช พยายามอ้างว่า “ผู้ที่ขับรถยนต์สายตรวจจราจรสุราษฏร์ เป็น ตำรวจ ชื่อ ร.ต.ท.อัครเดช เช่นกัน เป็นพี่ชาย ที่จะขับรถยนต์คันดังกล่าวไปส่งบ้าน ที่ จ.เลย แต่ไม่รู้หายไปไหน คาดว่าน่าจะกระเด็นออกนอกรถ ทำให้หน่วยกู้ภัยหลังสวน ต้องค้นหาในคูระบายน้ำริม แต่ไม่พบ และเมื่อตรวจภายในห้องโดยสารของรถ พบ รองเท้าของ นายอัครเดชหล่นอยู่ในจุดที่นั่งคนขับ จึงมั่นใจว่า นายอัครเดช ขับรถยนต์มาเพียงลำพัง แต่ ด้วยอาการหลอน ทำให้คิดว่า มี หมวดอัครเดชขับมาแล้วให้ตนเองนั่ง จากการตรวจค้นในกระเป๋าสะพายแบบผู้หญิงที่นายอัครเดชสะพายพบ วิทยุสื่อสารของ ตำรวจอีก 4 เครื่อง บัตรประชาชน ของผู้หญิงชาวสุราษฏร์ อีก 2 ใบ อุปกรณ์เสพยาบ้า1 อัน


ต่อมา ศูนย์วิทยุ สภ.หลังสวน ได้รับแจ้ง จาก ศูนย์วิทยุ 191 สุราษฏร์ธานี ให้ช่วยสังเกต รถยนต์กะบะตราโล่ ด้านข้างเขียนไว้ว่า สภ.เมืองสุราษฏร์ธานี เนื่องจากรถคันดังกล่าว ถูกคนร้ายขโมยไปจากป้อมตำรวจจราจร ใจกลางเมืองสุราษฏร์ธานี ในช่วง 1ชม.ที่ผ่านมา ตำรวจหลังสวน จึงแจ้ง ตำรวจสุราษฏร์ไปว่า พบรถยนต์ของจราจรสุราษฏร์ฯ คันนั้นแล้ว มาเกิดเหตุในพื้นที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร ห่างจาก ป้อม ตร.จร.สุราษฏร์ฯถึง 100 กม. ตำรวจสุราษฏร์แจ้งว่า คนร้ายยังเข้าไปรื้อค้นในป้อมตำรวจ จร.สุราษฏร์ จนทรัพย์สินกระจัดกระจายไปทั่ว ก่อนจะพบว่ารถยนต์สายตรวจหายไปด้วย

นายอัครเดช ยังให้การวกไปวนมาว่า พึ่งพ้นโทษจากเรือนจำมาได้เพียง3 วัน ในข้อหาค้ายาบ้า และต้องการเดินทางกลับบ้านที่ จ.เลย พร้อมทั้งเสพยาเสพติดจำนวนมาก ก่อนจะเดินไปพบป้อมตำรวจและเห็นกุญแจรถยนต์ตำรวจติดคาอยู่ จึงเข้าไปขับ และมาชนกับเสาไฟจราจร จนถูกจับได้ในที่สุด ต่อมา รถยกได้มาลากรถตำรวจออกจากที่เกิดเหตุ พบว่าพังยับเยินยู่ยี่อย่างหนัก ก่อนที่จะได้รับการติดต่อจาก นายตำรวจระดับสูงของ สภ.เมืองสุราษฏร์ ว่าจะเดินทางมารับรถยนต์กลับไป ส่วน นายอัครเดช โจ๋ขี้ยา ที่สร้างวีรกรรมสะเทือน สตช. ถูกนำตัวไปตรวจหาสารเสพติดอย่างละเอียด ก่อนจะดำเนินคดีต่อไป ส่วนผู้ที่ซวยที่สุดก็คงไม่พ้น ตร.สุราษฏร์ เนื่องจาก รถคันดังกล่าวน่าจะไม่ใช่รถเช่า แต่เป็นรถที่ซื้อด้วยงบประมาณ ของ สตช. และ ไม่มีประกันภัยด้วย คือถ้าเป็นรถเช่ามาใช้ในกิจการ ตร.จะเป็นทะเบียนรถทั่วๆไป ที่ไม่ใช่ตราโล่

ทีมข่าว ชุมพร

Loading