วันเสาร์, 20 เมษายน 2567

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด!!แถลงผลสรุปการปฏิบัติ”

ตำรวจปราบปรามยาเสพติดแถลงสรุปผลการปฏิบัติประจำเดือน


วันที่ 7 มิ.ย.62 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.)พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส.พร้อมด้วย พล.ท.กิตติธัช บุพศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กอ.รมน.พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส.พล.ต.ต.ชยพจน์ หาสุณหะ ผบก.ขส.พล.ต.ต.ภาณุวิชญ์ ทองยิ้ม ผบก.อก.บช.ปส.พร้อมเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวจับกุมคดียาเสพติด จำนวน6คดี ผู้ต้องหาจำนวน 10 คน
คดีที่ 1 พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่าเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2562 ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 05.30 น.ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บช.ปส.ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปิดล้อมตรวจค้น สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 4 คน นางสาวจันทร์เพ็ญ หรืออินอ่อน วิเชียรฉาย อายุ 32 ปีอยู่บ้านเลขที่ 175 ม.2 ต.หนองแปน อ.กมลาไสย จว.กาฬสินธุ์ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 131/2562 ลงวันที่ 7 มีนาคม 2562นายชาญยุทธ เนาวบุตร อายุ 37 ปีอยู่บ้านเลขที่164 ม.8 ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด จว.กาฬสินธุ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ที่จ.332/2561 ลงวันที่ 28 กันยายน 2561(ดำเนินคดีที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์) นางสาวพัชราวรินทร์ หรือเฟรม เพชร์นอก อายุ 23 ปีอยู่ 43 ม.3 ต.นาดี อ.ยางตลาด จว.กาฬสินธุ์ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ จ.99/2562 ลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2562(ดำเนินคดีที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์)นายอิทธิพล ภูนายาว อายุ 35 ปี ที่อยู่ 135 ม.2 ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด จว.กาฬสินธุ์(ดำเนินคดีที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์)ตรวจยึดทรัพย์สินเงินสดจำนวน 2,902,959 บาทบ้านที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวน 13 หลังมูลค่าประมาณ 21,000,000 บาททองรูปพรรณมูลค่าประมาณ 200,000 บาทโทรศัพท์มือถือจำนวน 6 เครื่อง มูลค่าประมาณ 23,000 บาทรถแม็คโคร จำนวน1คันมูลค่าประมาณ 3,000,000 บาทรถบรรทุก จำนวน 2 คันมูลค่าประมาณ 1,200,000 บาทรถยนต์ (เก๋งและกระบะ)จำนวน 20 คันมูลค่าประมาณ 5,370,000 บาทรถจักรยานยนต์ จำนวน1คันมูลค่าประมาณ 10,000 บาทอื่นๆ มูลค่าประมาณ 545,000 บาทอายัดเงินในบัญชี เงินประมาณ 600,000 บาทรวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดเบื้องต้นจำนวนประมาณ 34,850,959 บาท


พล.ต.ต.พรชัย เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ปส.2 บช.ปส.ได้ทำการสืบสวนพบว่ามีกลุ่มนักค้ายาเสพติดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพฤติการณ์ลักลอบค้ายาเสพติดให้กับลูกค้าในพื้นที่ โดยนำยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้านฝั่ง สปป.ลาว เข้ามาจำหน่ายให้กับลูกค้าในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตลอดจนเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลและต่อเนื่องไปยังประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางภาคใต้ของประเทศไทยโดยมีการอำพรางตนในการทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำดื่มบังหน้าโดยผลิตจำหน่ายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและส่งไปยัง สปป.ลาว มีการนำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดไปลงทุนทำรีสอร์ทในพื้นที่ จว.กาฬสินธุ์และโรงงานผลิตน้ำดื่มที่ สปป.ลาว โดยกลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดนี้ยังมีพฤติการณ์ก่อเหตุอุกฉกรรจ์อย่างต่อเนื่อง โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายโดยการอุ้มผู้หญิงที่เบี้ยวเงินค่ายาเสพติดที่บริเวณด้านหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ พร้อมของยาบ้าจำนวน 4,000 เม็ดซึ่งจากการสืบสวนของทางเจ้าหน้าที่ทราบว่าผู้หญิงที่ถูกอุ้มมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วยนอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กมลาไสย ได้ทำการจับกุมตัวบุคคลในเครือข่าย พร้อมยาเสพติดได้จำนวนหนึ่งและจากการสืบสวนขยายผลพบข้อมูลว่ามีความเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายเดียวกัน


พล.ต.ต.พรชัย กล่าวต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการและในที่สุดสามารถออกหมายจับตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ จำนวน 2 คน และ พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ จำนวน 1 คน ส่วนนายภูษิต หรือบิว อินอ่อน หัวหน้าเครือข่ายที่ยังจับกุมตัวไม่ได้ มีนิสัยส่วนตัวเป็นคนกล้าได้กล้าเสียเริ่มก้าวเข้าสู่วงการค้ายาเสพติดเมื่ออายุ 17 ปีและได้พัฒนาไต่เต้ามาจนถึงปัจจุบันเป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ มีการทำธุรกิจบังหน้าหลายอย่าง เช่นเปิดรีสอร์ท ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์และโรงงานน้ำดื่มที่ สปป.ลาว บก.ปส.2 ได้สืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานจนนำไปสู่การออกหมายจับนายภูษิตฯ พร้อมพวกเพื่อทำลายเป้าหมายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญดังกล่าว

คดีที่ ๒
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่าเมื่อวันที่ 31 พ.ค.62 ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บช.ปส.ได้ร่วมกันทำการจับกุมผู้ต้องหา 1 คนนายสุนทร หรือ แต่ง กลิ่นหอม อายุ 33 ปีอยู่บ้านเลขที่133 ม.10 ต.วารินชำราบ อ.วารินชำราบ จว.อุบลราชธานีพร้อมของกลางกัญชาอัดแท่งจำนวน 300 แท่งน้ำหนักรวมประมาณ 300 กิโลกรัมรถยนต์กระบะเชฟโรเลต จำนวน 1 คันโทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง
ได้ที่บริเวณภายในปั๊มน้ำมันพีที สาขาปทุมรัตน์ ต.โนนสวรรค์ อ.ปทุมรัตน์ จว.ร้อยเอ็ด
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท ๕ (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต


พล.ต.ต.พรชัย เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสืบทราบว่ามีนักค้ายาเสพติดกลุ่มของ นางย้อยมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยเฉพาะพื้นที่จว.มุกดาหาร มาจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑลเป็นประจำโดยใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะ จึงได้วางแผนทำการจับกุม จนเมื่อถึงเวลาพบกลุ่มผู้ต้องหากำลังขับรถลำเลียงยาเสพติดมาส่งให้ลูกค้าจึงได้นำกำลังเข้าสกัดจับกุมตัวนายสุนทร หรือ แต่ง พร้อมของกลางเป็นกัญชาอัดแท่งจำนวน 300 แท่งน้ำหนักรวมประมาณ 300 กิโลกรัมแต่ผู้ร่วมกระทำผิดอีกส่วนหนึ่งได้หลบหนีไปขณะเข้าทำการจับกุมไปได้ ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนขยายผลทำการจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
คดีที่ 3
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ค.62 ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.3 บก.ปส.3 บช.ปส.เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ขส.บช.ปส.และเจ้าหน้าที่ สำนักงาน ป.ป.ส.สนธิกำลังร่วมกันตรวจยึดยาบ้าจำนวน 494 มัดรวมประมาณ 898,000 เม็ด
โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต”

พล.ต.ต.พรชัย เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้รับแจ้งว่าพบกระสอบต้องสงสัยซุกซ่อนอยู่ภายในท่อระบายน้ำที่บริเวณข้างทางริมถนนบ้านหนองหญ้า ต.หาดสูง อ.โกรกพระ จว.นครสวรรค์ จำนวน 2 กระสอบและที่บริเวณใต้ต้นโพธิ์ริมถนนบ้านเขาถ้ำพระ ต.เนินศาลา อ.โกรกพระ จว.นครสวรรค์จำนวน 1 กระสอบจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณที่ได้รับแจ้งทั้ง 2 แห่ง เมื่อตรวจสอบกระสอบทั้ง 3 ใบ พบยาบ้าบรรจุอยู่ภายในจำนวน 494 มัดรวมประมาณ 898,000 เม็ดจึงได้ร่วมกันทำการตรวจยึดและนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 บช.ปส.ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 4
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่าเมื่อวันที่ 30 พ.ค.62 ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.1 บก.ปส.3 บช.ปส.เจ้าหน้าที่ สำนักงาน ป.ป.ส.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร ตามโครงการ AITF ทำการตรวจยึดเคตามีนจำนวน 45 ถุงน้ำหนักรวมประมาณ 27,900 กรัม
โดยกล่าวหาว่า “พยายามส่งวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 (เคตามีน) ออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พล.ต.ต.พรชัย เปิดเผยว่าทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ร่วมกันสืบสวนการลักลอบส่งยาเสพติดออกนอกราชอาณาจักรทางพัสดุภัณฑ์ โดยได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์ออกนอกราชอาณาจักรแห่งหนึ่งว่าจากการตรวจเอ็กซเรย์กล่องพัสดุคัดแยกก่อนนำส่ง พบพัสดุระหว่างประเทศปลายทางประเทศสหรัฐอเมริกาต้องสงสัย ชุดสืบสวนจึงได้ร่วมกันตรวจสอบกล่องพัสดุบรรจุผลไม้อบแห้ง นมผงพร่องมันเนย เครื่องดื่มธัญญาหารสำเร็จรูป และตรวจพบวัตถุต้องสงสัยลักษณะเป็นเกล็ดใสบรรจุในถุงพลาสติกใส ซุกซ่อนภายในกล่องนมผงพร่องมันเนย จำนวน 45 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 27,900 กรัม นำเกล็ดใสดังกล่าวทดสอบด้วยน้ำยาทดสอบเบื้องต้น แสดงผลเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) จึงได้ร่วมกันตรวจยึดของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


คดีที่ 5
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่าเมื่อวันที่ 31 พ.ค.62 ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 17.30 – 19.00 น. ต่อเนื่องวันที่ 1 มิ.ย.62เวลาประมาณ 13.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกก.3 บก.ปส.4 บช.ปส.สนธิกำลังร่วมกับ ศวข.สข.บก.ขส.บช.ปส.ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 2 คนนายสุชาติ หรือโกจ้อง เก้าเอี้ยน อายุ 40 ปีอยู่บ้านเลขที่ 31 ม.6 ต.นาทอน อ.ทุ่งหว้า จว.สตูล นายวีรศักดิ์ หรือเล็ก พรรณราย อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71/317 ม.1 ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จว.สงขลาพร้อมของกลาง
ยาบ้าจำนวน 355 มัดรวมประมาณ 710,000 เม็ด อาวุธปืน ยี่ห้อ Mauser ขนาด 6.35 จำนวน 1 กระบอกกระสุนปืน 14 นัด รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้าจำนวน 1 คันโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่องสมุดบัญชีธนาคารกรุงไทยและกสิกรไทยจำนวน 2 เล่มและทรัพย์สินที่ยึดไว้ตรวจสอบตามพรบ.มาตรการฯ รถจักรยานยนต์จำนวน 1 คัน ราคาประมาณ 40,000 บาทสร้อยคอทองคำ 1 เส้น ราคาประมาณ 90,000 บาท
โดยกล่าวหาว่า”ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนายสุชาติ มีอาวุธปืนมีทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนซึ่งเป็นของบุคคลอื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และนายวีรศักดิ์ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย
จับกุมได้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 7 ต่อเนื่องบ้านเลขที่ 9 โชคสมาน 5 ซ.22 ต./อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา และใต้พื้นคอนกรีตของศาลาที่พักริมทาง ถนน 408 (ถนนสิงหนคร-สงขลา) ฝั่งทิศตะวันออกของศาลา ต.สะทิ้งพระ อ.สิงหนครจว.สงขลา
พล.ต.ต.พรชัย เปิดเผยว่าสืบเนื่องจากช่วงปลายปี 2561 ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ปส.4 บช.ปส.ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดในพื้นที่จว.สงขลามาดำเนินคดี จากการสืบสวนขยายผลกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวจึงทราบว่า นายสุชาติ หรือ โกจ้อง เก้าเอี้ยน ซึ่งเป็นเป้าหมายมีความเคลื่อนไหวในพื้นที่ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.3 บก.ปส.4 จึงได้ทำการสืบสวนสะกดรอยติดตามมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งแน่ใจว่าน่าจะมีการนำยาเสพติดมาซุกซ่อนไว้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 7 ต่อเนื่องบ้านเลขที่ 9 โชคสมาน 5 ซ.22 ต./อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา ซึ่งต่อมาวันที่ 31 พ.ค.61 เวลาประมาณ 19.00 น.ระหว่างที่ทางเจ้าหน้าที่สะกดรอยติดตามอยู่นั้นนายสุชาติท่าทางมีพิรุธรู้ตัวว่าถูกติดตาม ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงแสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้นตัวนายสุชาติแต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงนำตัวนายสุชาติไปตรวจค้นที่บ้านพักบ้านเลขที่ 7 ต่อเนื่องบ้านเลขที่ 9 โชคสมาน 5 ซ.22 ต./อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 100,000 เม็ด พร้อมอาวุธปืน 1 กระบอกต่อมานายสุชาติให้ความร่วมมือและยืนยันว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของนายวีรศักดิ์ หรือเล็ก พรรณรายเป็นผู้สั่งการให้นำมาเก็บไว้ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงวางแผนเพื่อจับกุมนายวีรศักดิ์โดยนายสุชาติได้นัดหมายพบกับนายวีรศักดิ์เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงอำพรางตัวเดินทางไปยังจุดนัดหมายพร้อมนายสุชาติเมื่อนายวีรศักดิ์ออกมาปรากฏตัว ชุดสืบสวนจึงแสดงตัวเพื่อทำการจับกุมจากการซักถามนายวีรศักดิ์ฯยอมรับว่าตนเองซุกซ่อนยาบ้าไว้อีกจำนวนหนึ่งโดยซุกซ่อนไว้ในรถยนต์เก๋งโตโยต้า รุ่นวีออส สีน้ำเงินหมายเลขทะเบียน กท 9913 สงขลา จึงพาชุดสืบสวนไปทำการตรวจสอบและพบรถคันดังกล่าวในพื้นที่ ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา
จากการตรวจค้นพบยาบ้าเพิ่มเติมอีก 600,000 เม็ดซุกซ่อนในช่องเก็บของท้ายรถ โดยนายวีรศักดิ์ยืนยันว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของตนเองต่อมานายวีรศักดิ์ได้ให้ความร่วมมือโดยแจ้งข้อมูลต่อเจ้าพนักงานทราบว่าจะมีการส่งมอบยาบ้าอีกชุดสืบสวนจึงไปทำการตรวจสอบจนสามารถยึดยาบ้าเพิ่มเติมได้อีก 10,000 เม็ดรวมยาบ้าที่ตรวจยึดได้ทั้งสิ้น 710,000 เม็ด
จึงนำผู้ต้องหาทั้งสองคน พร้อมยาบ้าของกลางส่งพนักงานสอบสวนบก.ปส.4 ดำเนินคดี
คดีที่ 6
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2562 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ชุ

Loading