วันศุกร์, 19 เมษายน 2567

กาญจนบุรี!!ชาวบ้านกองม่องทะ”ยกขบวนประท้วงขับไล่ผอ.โรงเรียนบ้านกองม่องทะ”อ้างบริหารงานไม่โปร่งใส”

กาญจนบุรี ช่วงนี้ข่าวเกี่ยวกับโรงเรียนถี่ขึ้นหลังมีรัฐบาลปัญหาเริ่มโผล่

ชาวบ้านกองม่องทะ ยกขบวนประท้วงขับไล่ ผอ.โรงเรียนบ้านกองม่องทะ อ้างบริหารงานไม่โปร่งใส เปิดภาคเรียนมากว่า 3 เดือน ยังไม่มีตำราเรียน ยังไม่มีการประชุมผู้ปกครองและคณะกรรมการสถานศึกษา จัดซื้อเสื้อผ้านักเรียนแต่ปรากฏว่าเด็กบางคนไม่ต้องการ และไม่ได้ขนาด ขู่ไม่ย้ายจะไม่ให้บุตรหลานไปโรงเรียน

วันนี้ 22 ก.ค. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านกองม่องทะ หมู่ที่ 2 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี กว่า 100 คน ได้รวมตัวกันไปที่โรงเรียนบ้านกองม่องทะ เพื่อทำการประท้วงและขับไล่ น.ส.กัลยา เรืองวงษ์งาม ผอ.โรงเรียนบ้านกองม่องทะ โดยมีการถือป้ายที่มีข้อความเรียกร้องให้มีการย้าย น.ส.กัลยา ออกนอกพื้นที่ เนื่องจากไม่พอใจในการทำงานที่ผ่านมา โดยมี เจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วย ฉก.ลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์และเจ้าหน้าที่ อ.ส.จากกองร้อย อ.ส.สังขละบุรี เข้ามาดูแลความเรียบร้อย

ด้าน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา กาญจนบุรี เขต 3 ได้ ส่ง นายพีรฉัตร น้อยเคียง ผอ.โรงเรียนอนุบาลสังขละบุรีและดำรงตำแหน่งประธานเครือข่ายครู อ.สังขละบุรี และนายพูน จิตเสโน ผอ.โรงเรียนวัดวังก์วิเวการาม ( อดีต ผอ.โรงเรียนบ้านกองม่องทะ) เข้ามารับฟังข้อเรียกร้องของชาวบ้าน ต่อมาในเวลา 11.30 น.นายศุภชัย มากสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาญจนบุรี เขต 3 ได้เดินทางมาถึง พร้อมได้รับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อนได้ทำการชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน พร้อมรับข้อเรียกร้องของชาวบ้านไว้พิจารณาต่อไป

ซึ่งสาเหตุที่ชาวบ้านออกมาเรียกร้องให้มีการย้าย น.ส. กัลยา เรืองรอง ผอ.โรงเรียนบ้านกองม่องทะ ในครั้งนี้เกิดจาก

1. ผอ.เปลี่ยนแปลงวิธีการใช้อุดหนุนทางการศึกษา ที่รัฐบาลมอบให้ ระดับอนุบาล รายละ 300 ประถม 360 มัธยม 450 ซึ่งในอดีตทางโรงเรียน จะให้เป็นคูปองแก่ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปซื้อ อุปกรณ์การเรียนที่ต้องการใช้ด้วยตัวเอง ในวงเกินที่ได้รับ หากเกินวงเงินผู้ปกครองก็จะรับผิดชอบในส่วนต่างเอง แต่พอ น.ส.กัลยา เข้ามาดำรงตำแหน่ง ใช้วิธีการเป็นโรงเรียนจัดซื้อให้เอง โดยปีนี้ได้จัดซื้อชุดนักเรียนให้เด็กทั้งโรงเรียน ซึ่งเกิดปัญหา เสื้อผ้าที่เด็กได้รับบางคนไม่สามารถสวมใส่ไปโรงเรียนได้เนื่องจากไม่ตรงกับขนาดของนักเรียน จึงสร้างความไม่พอใจ

2. ผอ.นำรถยนต์โรงเรียนไปใช้ส่วนตัว

3. ขาดปฎิสัมพันธ์กับชุมชน

4. เปิดภาคเรียนมานานแล้วแต่ยังไม่ได้มีการประชุมผู้ปกครองและประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา

5. นำเครื่องถ่ายเอกสารที่ได้รับบริจาคไปใช้ส่วนตัวที่บ้าน

6. เด็กนักเรียนได้รับตำราเรียนช้า (19 ก.ค.ที่ผ่านมา)

7. บริหารงานโรงเรียนตามอำเภอใจ

ซึ่งภายหลังได้รับฟังปัญหาทั้งหมดแล้ว น.ส.กัลยา ได้ชี้แจงกับชาวบ้านถึงความผิดพลาดในการทำงาน โดยชี้แจงว่า เมื่อตนเข้ามาดำรงตำแหน่งก็ต้องการพัฒนาโรงเรียนโดยเริ่มจากชุดนักเรียน เนื่องจากต้องการให้เหมือนกัน โดยที่ผ่านมาไม่เคยทราบถึงปัญหา เมื่อทราบถึงความผิดพลาดก็ขอให้ผู้ปกครองนำชุดที่นักเรียนใส่ไม่ได้มามอบให้ทางโรงเรียน เพื่อจะได้ทำการเปลี่ยนให้ใหม่ และหากเป็นเช่นนี้ในปีการศึกษา 2563 จะกลับไปใช้วิธีเดิมคือการแจกคูปองให้ผู้ปกครองไปซื้อเอง ส่วนรถยนต์เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมา มีภารกิจประชุมบ่อยๆจึงใช้รถยนต์ของโรงเรียนแต่ในส่วนของน้ำมันได้ใช้เงินตนเองจ่าย ไม่ได้ใช้เงินโรงเรียน และเมื่อเกิดปัญหาตนเองพร้อมจะนำรถมาคืนโรงเรียน

ส่วนสาเหตุที่ยังไม่ได้ประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาและประชุมผู้ปกครองเนื่องจากมีภารกิจเยอะ ตนกำลังให้ครูทำหนังสือเรียกประชุมในเร็ววันนี้ ส่วนเรื่องเครื่องถ่ายเอกสารที่นำไปใช้ที่บ้านเพราะว่าที่โรงเรียนไฟไม่พอ เนื่องจากเป็นระบบโซล่าเซล และที่ผ่านมามีความจำเป็นต้องใช้เครื่องถ่ายเอกสารในงานราชการ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายตนจะนำเครื่องถ่ายเอกสารมาเก็บไว้ที่โรงเรียน ส่วนเรื่องตำราเรียนที่ได้ช้าเพราะเกิดปัญหาจากส่งมอบที่ล่าช้าของโรงพิมพ์คุรุสภา แต่ถึงอย่างไรก็ดีไม่กระทบต่อการเรียนการสอนของครูและนักเรียนอย่างแน่นอน

ด้านนายศุภชัย มากสมบูรณ์ เปิดเผยหลังเสร็จสิ้นการชี้แจงหารือกับชาวบ้านว่า หลังจากได้รับฟังทั้งชาวบ้านและผอ.ก็เข้าใจว่าต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล คิดว่าหลายเรื่องต้องมีการปรับให้ถูกใจชาวบ้าน แม้เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามระเบียบแล้วเช่นเรื่องการซื้อเสื้อผ้าให้นักเรียน มีทั้งถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง การแก้ไขในเรื่องนี้ในอนาคตก็จะทำด้วยการแจกเงินให้นักเรียนนำไปซื้อเองตามความต้องการ เพื่อลดปัญหา ส่วนเรื่องตำราเรียนที่ได้รับล่าช้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วประเทศไม่ใช่แค่ที่นี่ เนื่องจากคุรุสภาจัดพิมพ์หนังสือส่งให้ไม่ทัน เนื่องจากสั่งกันทั่วประเทศ ทางออกก็คือยกเลิกคำสั่งซื้อกับคุรุสภาเสียแล้วเปลี่ยนไปซื้อกับภาคเอกชน ซึ่งจะทำให้ได้รับหนังสือไวกว่า โดยตนเองจะนำปัญหาที่เกิดขึ้นไปหารือกับ ผู้บริหารระดับสูงต่อไป ด้านผู้ปกครองขู่หากไม่มีการย้าย ผอ.ออกนอกพื้นที่ จะไม่ส่งบุตรหลานมา

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

Loading