วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

ขโมยแสบ”ขโมยได้แม้กระทั้งของลุงตาบอด”

ราชบุรี ขโมยแสบ ขโมยได้แม้กระทั่งของคนตาบอด

คุณลุงวัย 74 ปี ตาบอดทั้งสองข้างมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ใช้ชีวิตตามลำพังด้วยประสาทสัมผัสมือ ไม่มีญาติไม่มีพี่น้องคอยดูแล ต้องอาศัยบ้านหลังเก่าๆ จะพังแหล่ไม่พังแหล่ ต่อสู่ชีวิตเรียกได้ว่าดีกว่า”คนตาดี ที่ชอบสร้างปัญหากับสังคม” แต่ชีวิตไม่ใช่ละครที่จะมีอะไรสวยหรู เพราะคุณลุงถูกขโมยของในบ้านจนหมดแทบ ไม่เหลืออะไรแม้แต่ถั่งแก๊สต้องล่ามโซ่ไว้กลัวหาย

วันที่ 1 ส.ค.62 ผู้สื่อข่าวได้เปิดเผยถึงเรื่องราว คุณลุงวัย 74 ปี หรือ คุณลุงสังเวช เทียมเสมอ ที่อยู่ตามบัตรประชาชนเดิมอยู่บ้านเลขที่ 139 หมู่ 6 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี แต่ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่บ้านปูนชั้นเดียวมุงด้วยหลังคาสังกะสีที่ผุ ๆ สภาพเก่า มีรูรั่วรอบด้านฝนตกอยู่แทบไม่ได้ จะพังแหล่ไม่พังแหล่ เป็นบ้านที่อยู่ในที่ดินของคนอื่นไม่มีเลขที่ โดยคุณลุงสังเวช พิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง ตั้งแต่อายุได้ 8 ขวบ ต่อสู้ชีวิตเพียงลำพังด้วยประสาทสัมผัสมือ ไม่มีญาติไม่มีพี่น้องคอยดูแล

คุณลุงสังเวช เล่าให้ฟังว่า พ่อได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ตนยังเล็ก ส่วนมารดาเสียชีวิตตอนตนอายุได้ 14 ปี ส่วนตนมองไม่เห็นมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เกิดจากอาการปวดบวมบริเวณลูกตาจนอักเสบมีหนองไหลออกมา มีคนพาไปรักษาแต่ไม่หาย จนมองไม่เห็นมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งหลังมารดาเสียชีวิตแล้ว ตนจึงตัดสินใจออกจากบ้านทั้งๆที่ตาบอด เพื่อหางานทำที่กรุงเทพฯ โดยทำงานยกเข่งผลไม้ลงจากรถ ซึ่งมีเพื่อน ๆ คอยช่วยเหลือ และยังช่วยหาที่พักอาศัยให้พักตามแผงผักในตลาด เลี้ยงตัวเองเรื่อยมา ซึ่งตนก็สามารถหุงข้าวทำกับข้าวกินเองได้ แต่ก็ต้องเร่ร่อนไปหางานทำเรื่อยไปจนประมาณ 15 ปีที่แล้ว ได้ย้อนกลับมาอยู่ที่ ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จนมีเจ้าของที่ใจบุญให้บ้านอยู่อาศัยมาจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้ได้รับความเมตตาจากศูนย์เรียนรู้บ้านช่างสกุลบายศรี อยู่หมู่ที่ 6 ต.เจ็ดเสมียน จ้างให้ไปกรีดกาบกล้วยเพื่อนำไปถักกระเป๋า ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยให้ค่าแรงวัน วันละ 300 บาท แต่ไม่ได้ทำทุกวัน สุดแล้วแต่ทางเจ้าของบ้านจะจ้างทำแล้วแต่จะมีออเดอร์สั่ง ซึ่งตัวเองได้รับเบี้ยพิการที่หน่วยงานรัฐช่วยเหลือเดือนละ 800 บาท และเงินผู้สูงอายุอีกเดือนละ 700 บาท รวม 1,500 บาท

คุณลุงสังเวช เล่าให้ฟังอีกว่า ด้วยตาที่มองไม่เห็นต้องใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง ช่วงที่ตัวเองออกไปรับจ้างทำงานนอกบ้าน พอกลับเข้ามาก็พบว่า ตู้เย็น หม้อหุงข้าว เครื่องใช้ภายในบ้าน และพระเครื่องที่สะสมเก็บไว้จากรุ่นคุณพ่ออีก 1 ห่อ แม้กระทั่งไก่ชนที่เลี้ยงไว้หลังบ้าน ถูกขโมยหายไปหมด ทุกวันนี้แม้แต่ถังแก๊สเก่าๆ ก็ต้องล่ามโซ่ไว้ เพราะกลัวมีคนตาดีเข้ามาขโมยอีก เพราะได้เข้ามาขโมยทุกอย่างที่มีเอาไปได้หลายครั้งแล้ว จนตนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องล่ามโซ่ใส่กุญแจถังแก็สปิกนิกไว้เพราะกลัวว่าจะถูกขโมยซ้ำอีก

คุณลุงสังเวช บอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออีกว่า “บางครั้งรู้สึกท้อแท้กับชีวิต แต่คิดไปชั่วครู่ก็คิดว่าตัวเองยังทำกินได้ยังมีแรง ไม่ได้ไปหลอกลวงใคร ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ได้เท่าไหร่ก็ใช้ไปเท่าที่มี อยากฝากบอกคนที่มีร่างกายครบว่า คนเราเกิดมาต้องขยัน ต้องพากเพียร ประหยัด หมั่นดูแลสุขภาพ ที่สำคัญต้องมีความซื่อสัตย์ หากไม่มีความอดทนและขยันไปที่ไหนก็ไปไม่รอด อย่าไปทำสิ่งผิดกฎหมายเท่านั้น ขนาดตัวเองมีร่ายกายไม่ครบ 32 ก็ยังทำงานใช้ชีวิตอยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ แล้วคนที่มีร่างกายครบสมบูรณ์จะทำไม่ได้อย่างไร”

ด้าน นายธนกร สดใส เจ้าของบ้านศูนย์เรียนรู้ช่างสกุลบายศรี และวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี กล่าวว่า ที่ศูนย์ฯ ส่วนใหญ่จะเป็นงานจักสาน เช่น ตระกร้า กระเป๋าที่ออกแบบตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งเข้ามา ที่เห็นนี้จะเป็นตัวอย่างที่ผสมผสานกับยีนส์ ส่วนอีกประเภทจะเป็นผลิตภัณฑ์ใช้กาบกล้วยเป็นเส้น ๆ ตากแดดแล้วอบให้แห้ง นำมาสานประดิษฐ์เป็นงานรูปแบบใหม่ ๆ ที่ลูกค้าสั่ง เป็นการใช้วัสดุจากธรรมชาติที่สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างสวยงาม

อย่างไรก็ตามแม้ว่าร่างกายของลุงสังเวช เทียมเสมอ เริ่มจะแก่ชราลงทุกทีแล้ว อีกทั้งยังมีร่างกายไม่ครบเหมือนกับคนทั่วไป แต่หัวใจของลุงก็ยังไม่ย่อท้อในโชคชะตาชีวิต ยังคงตั้งใจทำงานช่วยเหลือศูนย์เรียนรู้บ้านช่างสกุลบายศรี และวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี เท่าที่ตัวเองจะมีกำลัง เพื่อตอบแทนความมีน้ำใจแลกกับการทำงานเลี้ยงตัวเอง ถือเป็นตัวอย่างของคนสู้ชีวิตที่น่ายกย่อง

สำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธาอยากจะช่วยเหลือคุณลุงสังเวช สามารถโอนเงินผ่านบัญชี นายสังเวช เทียมเสมอ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขานิคมอุตสาหกรรมราชบุรี เลขที่บัญชี 779-237004-8 หรือ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ นายธนกร สดใส เจ้าของศูนย์เรียนรู้บ้านช่างสกุลบายศรี และวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี เบอร์ 099-1499746

 

สุจินต์ นฤภัย (เต้)

Loading