วันศุกร์, 22 สิงหาคม 2568

จุดจบ”นักเลงคีย์บอร์ด”

พะเยา- จุดจบนักเลงคีย์บอร์ด ผกก.สั่งหิ้วตัวมือคอมเม้นท์หลังโพสต์กล่าวหาตำรวจในพื้นที่ติดโควิดพบมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติดร่วมด้วย ด้านเจ้าตนยอมจำนนท์ต่อหลักฐาน

15 เม.ย.64 เวลา 11.00 น. จากสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดแพร่หลายนี้ ทำให้ จ.พะเยาเอง มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นถึง 34 ราย ทั้งนี้ก็ยังมีชาวโซเชี่ยลคอมเม้นท์กล่าวหาถึงนายตำรวจในพื้นที่ อ.เชียงคำว่าติดเชื้อโควิด โดยไม่ได้ดูประกาศก่อนหน้านี้เลยว่าผลการตรวจของตำรวจในพื้นที่ อ.เชียงคำออกมาเป็นลบ สร้างความเสื่อมเสียให้กับตำรวจไม่น้อย จนทาง พ.ต.อ.เฉลิมชาติ ยาวิชัย ผกก.สภ.เชียงคำ ได้มอบหมายให้ทาง พ.ต.ต.ชายชาญ ไชยมงคล สว.สส.สภ.เชียงคำ พร้อมกำลังชุดสืบสวน หลังทราบว่าเป็นใครก็ได้พาตัวชายคนดังกล่าวมาที่ สภ.เชียงคำ

โดยทาง พ.ต.ต.ชายชาญ ได้กล่าวว่า หลังจากที่ทาง ผกก.สภ.เชียงคำได้เห็นข้อความของชายคนนี้ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่บ้านใหม่ร่มเย็น ม.7 ต.ร่มเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยา โดยข้อความดังกล่าวได้คอมเม้นท์บนข่าวลงในกลุ่ม “เชียงคำโพส์ต” (ทางกลุ่มดังกล่าวได้ลบโพส์ตแล้ว) และทางเจ้าหน้าที่ได้แค็ปหน้าจอไว้ ซึ่งข้อความดังกล่าวนั้นเป็นข้อความเชิงทำให้ตำรวจเสื่อมเสีย ทั้งนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทางตำรวจ สภ.เชียงคำได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิดจนผลออกมาเป็นลบในที่สุดพร้อมทั้งมีหลักฐานยืนยันชัดเจน แต่แล้วก็ยังมีการคอมเม้นท์ทำให้ตำรวจเสียหายในครั้งนี้ ทั้งนี้ตนได้รายงานทาง ผกก.สภ.เชียงคำ ได้ทราบแล้วเรียบร้อยแล้วในเบื้องต้นและหลังจากนั้นตนเองและชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านชายคนดังกล่าวพร้อมได้ทำการนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.เชียงคำในเวลาต่อมา

ทางด้านพ.ต.อ.เฉลิมชาติ ได้กล่าวถึงในเรื่องนี้ว่า ก่อนหน้านั้นตนเองเคยได้โพสต์ข้อความในเรื่องของผลการตรวจหาเชื้อโควิดไปแล้วและวอนขอให้ประชาชนเสพข่าวรวมทั้งคอมเม้นท์อย่างมีสติไม่ว่ากล่าวหาเจ้าหน้าที่โดยไม่มีหลักฐาน แต่วันนี้กลับพบว่าชายคนดังกล่าวได้คอมเม้นท์ขึ้นมาทำให้เจ้าหน้าที่ที่กำลังกักตัวอยู่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ตนเองพบว่าชายคนนี้มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดร่วมอยู่ด้วยและได้สั่งการให้ทางชุดสืบสวนดำเนินการให้เรื่องของยาเสพติด ส่วนเรื่องการคอมเม้นท์ที่ทำให้ตำรวจเสียหายนั้น ตนเองจะพิจารณาโทษกับบุคคลดังกล่าวอีกครั้ง

ทั้งนี้ตนเองอยากจะขอฝากผู้เสพข่าวเรื่องโควิดนี้ด้วยว่า เวลานี้เรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่ล้อเล่นบนโลกออนไลน์ไม่ได้เพราะหลายคนต่างตื่นตระหนกอยู่สำคัญผู้เสพข่าวนั้นจะต้องรู้ว่าอันไหนจริงหรือไม่จริง อย่างเหตุการณ์นี้ก็ถือว่าเป็นบนเรียนให้กับผู้ที่ใช้สื่อโซเชี่ยลหรือเฟสบุ๊คที่มีอยู่แทบทุกคนให้คิดก่อนจะคอมเม้นท์อะไรลงไปเพราะโทษการทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียงโดยไม่เป็นความจริงนั้นมีโทษจำคุกถึง 5 ปี

(ภาพ/ข่าว สราวุธ ตั้งประเสริฐ พะเยา )

Loading