วันอังคาร, 30 เมษายน 2567

ผู้บัญชาการภาค 7 !!! สั่งกำชับทุกหน่วยในสังกัดเตรียมความพร้อมการประชุม เอเปค

ผู้บัญชาการภาค 7 !!! สั่งกำชับทุกหน่วยในสังกัดเตรียมความพร้อมการประชุม เอเปค

วันนี้ 10 พ.ย.65 ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารตำรวจภูธรภาค 7 จว.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เป็นประธานในการประชุมบริหารราชการ ภ.7 ครั้งที่ 9/2565 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.วรายุทธ สุขวัฒน์รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผบก.ภ.จว.นครปฐม พล.ต.ต.จักษ์ จิตตธรรม ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ต.สุเมธ ปุณสีห์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พล.ต.ต.เกรียงไกร วุฒิพานิช ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.ปรีดา อิ่มเจริญ ผบก.ศฝร.ภ.7 พล.ต.ต.นรเศรษฐ์ สุวรรณนิกขะ ผบก.กค.ภ.7 และ รอง ผบก.ผกก.หัวหน้าสถานีทั้ง 104 สถานี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

โดยก่อนการประชุม พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้ มอบโล่รางวัล และใบประกาศเกียรติคุณให้ กับสถานีตำรวจที่มีชุดปฏิบัติการ RTP Cyber Village ซึ่งมีผลการปฏิบัติงานดีเด่น และ มอบใบประกาศเกียรติคุณให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัดภ.7 ตามโครงการยกย่องเชิดชูเกียรติข้าราชการตำรวจที่มีผลการปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ประจำเดือน สิงหาคม 2565 และจับสลากแบ่งสายการแข่งขันกีฬาฟุตบอลภายใน เชื่อมความสามัคคีตำรวจภูธรภาค 7

พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวในที่ประชุมโดยได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกหน่วยปฏิบัติเตรียมความพร้อมการประชุม APEC โดย เพิ่มความเข้ม ตรวจสอบ ติดตามด้านการข่าวและสืบสวน การติดตามตัวบุคคลที่อาจส่งผลกระทบการประชุมเอเปค สนับสนุนข้อมูลผู้ปฏิบัติด้านการข่าว และ การสืบสวน โดยเฉพาะ แหล่งพักพิง แหล่งพักคอยที่ต้องตรวจเข้ม เน้นด้านการข่าว CCOC และ IPB พื้นที่ ทุกหน่วยเฝ้าระวังสถานที่สำคัญ ระวังเหตุร้ายพื้นที่ ชั้นกลาง ชั้นนอก และ Soft Target ตลอดจนให้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทุกพื้นที่ ป้องกันตลอดตามแนวชายแดน และช่องทางธรรมชาติ โดยกำหนดหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ผู้ควบคุมให้ชัดเจน ถ่ายทอด ชี้แจง ทำความเข้าใจในภารกิจทุกนาย กำชับการตรวจสอบการปฏิบัติ ซักซ้อมแผนการปฏิบัติงานของทุกด้านตามแผน ฯ พร้อมกำหนดการเปิดกองอำนายการร่วม ฯ 12 พ.ย.65 (ทดสอบระบบการควบคุมสั่งการ) และกำลังพลทุกส่วนพร้อมปฏิบัติในวันที่ 14 พ.ย.65 และ วันที่ 16 – 20 พ.ย.65 เป็นวันหยุดราชการต่อเนื่อง (ในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ) กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายปฏิบัติการทุกนายอยู่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อรองรับภารกิจ APEC 2022 และภารกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมกำชับให้นำนโยบาย 10 ข้อ ของ ผบ.ตร.ไปขับเคลื่อนให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

โดยให้ติดตามความคืบหน้าผลการปฏิบัติของทุกสายงานจาก สยศ.ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ APEC 2022 ผบ.ตร.จะออกตรวจเยี่ยมและสุ่มตรวจการปฏิบัติงานตามนโยบาย 10 ข้อ ของหน่วยต่างๆ ซึ่งในขณะนี้ ตร.ได้นำแนวทางการยกระดับการบริการประชาชนที่ กำหนดไว้ใน ปี 2560 มาใช้ ซึ่งอยู่ระหว่างร่างปรับปรุงรายละเอียดให้ครอบคลุมและสามารถปฏิบัติได้ ซึ่งจะมีการแจ้งเวียนและรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยผู้ปฏิบัติ ให้ทุกหน่วยตั้งคณะทำงานที่ประกอบไปด้วยทุกสายงาน พิจารณามีความเห็น เสนอภายในวันที่ 15 พ.ย.65 เนื่องจากเป็นนโยบายสำคัญ ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นและหัวหน้าสถานีตำรวจไปศึกษาและกำชับการปฏิบัติ ชี้แจง ทำความเข้าใจกับข้าราชการตำรวจทุกสายงาน โดยมีหลักการ ประชุมร่วมกับหัวหน้างานทุกสายงานอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ออกพบปะประชาชน ผู้นำชุมชนในเขตพื้นที่ เพื่อสร้างแนวร่วม ควบคุม กำกับดูแลการให้ให้บริการประชาชนบนสถานีตำรวจให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม เป็นต้น พร้อมให้ผู้บังคับบัญชาระดับ ภ.7 และ ภ.จว.จัดทีมสุ่มตรวจการยกระดับการบริการประชาชน ซึ่งจะมีผู้บังคับบัญชาระดับ ตร.และ จต.สุ่มตรวจเช่นกัน ตามนโยบาย เป็นตำรวจมืออาชีพ ให้เร่งรัดทุกสายงานจัดทำหลักสูตรเตรียมของบประมาณ การจัดอบรมข้าราชการตำรวจแต่ละสายงานและหัวหน้าสถานีโดยเร็ว มอบให้ รอง บร. เป็นผู้รับผิดชอบ รวมทั้งประสานงานแต่ละศูนย์เร่งจัดทำโครงการ และให้เร่งรัดการจัดทำโครงการยิงปืนทางยุทธวิธีระดับสถานีตำรวจให้กับข้าราชการตำรวจในสายงานป้องกันปราบปราม จราจร สืบสวน ในภาพรวมทั่วประเทศ ซึ่งตร.จะจัดสรรงบประมาณลงมา

พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวต่อว่า ในส่วนเรื่องการประเมินผลตามตัวชี้วัดในคดีอาชญากรรม อยู่ระหว่างพิจารณาปรับปรุงแก้ไข โดยตร.มอบหมายให้ สยศ.ตร. ทำหนังสือร่างหลักเกณฑ์ตัวชี้วัด แจ้งเวียนเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยผู้ปฏิบัติ จึงกำชับให้ ภ.7และภ.จว. ตั้งคณะทำงานพิจารณามีความเห็นเสนอ ภายใน 15 พ.ย.65 และให้ทุกหน่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานจราจร โดย งานจราจรมีภารกิจที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ให้มีการประชุม ศจร.ตร.ต่อเนื่อง ทุกเดือน พร้อมทั้งให้เร่งวางแผนดำเนินการเพื่อรองรับเทศกาลปีใหม่ โดยให้ถอดบทเรียนจากเทศกาลปีใหม่ 2565 และให้ดำเนินโครงการอาสาจราจร โครงการสุภาพบุรุษจราจร และโครงการ อบถ.ตร.อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทาง ศจร.ตร.จะวางแผนการจัดซื้ออุปกรณ์เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของตำรวจจราจรเพิ่มเติม และศึกษาชุดปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรให้สามารถปฏิบัติงานได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งการแก้ปัญหาหนี้สินข้าราชการตำรวจให้ทุกหน่วยดำเนินการตามโครงการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยตร.ได้มอบหมายให้สกพ. เป็นเจ้าภาพในการดูแลสวัสดิการให้กับข้าราชการตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทุนการศึกษาแก่บุตรข้าราชการระดับ รอง สว. และชั้นประทวน และให้ประสานสหกรณ์ออมทรัพย์ของหน่วยต่างๆ จัดสรรงบประมาณสำหรับให้ทุนการศึกษาแก่บุตรข้าราชการตำรวจระดับ รอง สว. และชั้นประทวน เช่นกัน ทั้งนี้ ตร. จะพิจารณาจัดสรรเพิ่มเติมให้เป็นทุนเรียนดี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ และให้ทุกหน่วยสำรวจความต้องการ อาคารที่ทำการ ที่พักอาศัย โดยให้ จัดลำดับความสำคัญ และจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เสนอขึ้นมา ภายในกลางเดือน พ.ย.2565 กรณีศูนย์รับแจ้งเหตุแห่งชาติ (191) ให้สำรวจพื้นที่อีกครั้ง ว่าจะต้องก่อสร้างหรือปรับปรุง ให้ ผบก.ไปดำเนินการด้วยตนเอง และให้รายงานยืนยันอีกรอบภายใน 15 พ.ย.65 ในส่วนการเสริมสร้างระเบียบวินัยข้าราชการตำรวจ โดย พร้อมให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ถือปฏิบัติตามมาตรการควบคุม และเสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ตามคำสั่ง ตร. ที่ 1212/2537 ลง 1 ต.ค.37

โดยเคร่งครัดทั้งในและนอกเวลาราชการ และเข้าไปดูแลความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อน และนำเสนอผู้บังคับบัญชาร่วมแก้ไขปัญหาต่อไป และ ควบคุม กำกับ ดูแล และกวดขันกำชับมิให้ข้าราชการตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องหรือปล่อยปละละเลยให้มีอบายมุขทุกประเภทในพื้นที่ โดยให้ถือปฏิบัติตามคำสั่ง ตร. ที่ 234/2558 ลง 27 เม.ย.58 และให้ดำเนินการทางปกครอง วินัย และอาญาอย่างเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบและทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือมีพฤติการณ์เกี่ยวข้อง พัวพันกับยาเสพติด และได้ กำชับการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ซึ่งห้ามมิให้สั่งให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจไปปฏิบัติหน้าที่อื่นที่มิใช่สถานีตำรวจ ซึ่งตร.จะมอบหมายให้สกพ. เร่งรัดการกำหนดตำแหน่งเพื่อรองรับข้าราชการตำรวจ ที่ไม่สามารถปฏิบัติงานในพื้นที่ได้ หรือไม่เหมาะสมทำหน้าที่ในสถานีตำรวจ เพื่อแต่งตั้งมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว โดยให้ศึกษาพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 26 ก.พ.66 ซึ่งมีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ เพื่อกำหนดขั้นตอน วางแนวทาง รวมทั้งเตรียมการในเรื่องที่จำเป็นในการปฏิบัติงานตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว ตามที่ ตร. ได้จัดทำโครงการ “ทำดี มีรางวัล” เพื่อมอบรางวัลแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ทำงานเชิงรุกฯ กำชับทุกหน่วยให้พิจารณามอบรางวัลและประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติงานดีเด่น เช่น มีผลการจับกุมยาเสพติด การสืบสวนจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ เป็นต้น หากหน่วยพิจารณาแล้วเห็นว่าควรได้รับรางวัลก็ให้เสนอเรื่องขึ้นมา เพื่อบรรจุในวาระการประชุมบริหารราชการ ภ.7 โดยให้ทุกหน่วยทำการสำรวจอาวุธปืนของกลางที่อยู่ในคลัง และพิจารณาตามระเบียบ ตร. ที่ 323/2563 ลง 18 มิ.ย.63 เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง เช่น การส่งอาวุธปืนไปตรวจที่ พฐ., การเก็บรักษาอาวุธปืนฯ ไว้ที่สถานีตำรวจ หรือส่งไป สพ. หรือ ขอทำลาย ณ สถานีตำรวจ

Loading