วันเสาร์, 13 กันยายน 2568

เจ้าอาวาสวัดดังสุพรรณบุรี!!วอนกรมศิลปากรเข้าดูแลภาพจิตกรรมฝาผนัง สมัย ร.3 แสดงเรื่องพุทธประวัติทศชาติชาดก

เจ้าอาวาสวัดดัง จ.สุพรรณบุรี วอนกรมศิลปากรเข้าดูแลภาพจิตรกรรมฝาผนัง สมัย ร.3 แสดงเรื่องพุทธประวัติ ทศชาติชาดก

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าที่ภายในโบสถ์มหาอุตม์ ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ภายในมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนัง บอกเรื่องราวในพุทธศาสนา มีทั้งทศชาติชาดก พุทธประวัติ เทพยดาต่างๆและเรื่องในไตรภูมิพระร่วง แต่ปัจจุบันได้ถูกลม ถูกฝน ทำให้ภาพได้รับความเสียหาย เป็นที่น่าเสียดาย หากไม่ได้รับการดูแลจะยิ่งสร้างความเสียหายจนสูญสิ้นภาพเขียนโบราณนี้ได้

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 31 ต.ค. ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ โดยพระครูปลัดพุทธิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดหน่อพุทธางกูร ต.พิหารแดง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่าอุโบสถหลังนี้ถือว่าเก่าแก่สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ปลายกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เรียกว่าโบสถ์มหาอุตม์ ซึ่งมีประตูเข้าด้านเดียว ภายในมีภาพจิตกรรมฝาผนัง ถือเป็นทศชาติชาดก เป็นเรื่องราวในพุทธศาสนา พุทธประวัติ เทพยดาต่างๆและเรื่องราวในไตรภูมิ ซึ่งเป็นที่นิยมโดยทั่วไปในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ส่วนด้านบนเป็นท้าวจุฬามณี ซึ่งสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้วได้เอาอัฐิพระพุทธเจ้าไปไว้ที่นั้น แต่ปัจจุบันได้ถูกลมถูกฝน ทำให้ภาพเสียหาย เป็นที่น่าเสียดายมาก เพราะทางวัดได้เปิดทุกวันเพื่อให้ประชาชนเข้ามาศึกษาหาความรู้
พระครูปลัดพุทธิวัฒน์ กล่าวต่อว่าเคยแจ้งไปที่หน่วยงานที่เกี่ยวให้มาซ่อมแซมภาพดังกล่าว ได้อานิสงส์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่ท่านครองราชย์ครบ 60 ปี วัดใดที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ หรือโบราณสถานวัตถุตั้งแต่ 100 ปีขึ้นไป จึงได้รับการบูรณะ แต่เพียงด้านนอก ส่วนด้านใน เนื่องจากเมื่อก่อนหลังคารั่วจึงทำให้น้ำไหลลงมาทำให้ภาพเสียหายอย่างที่เห็น จึงอยากให้กรมศิลปากรเข้ามาดูแลซ่อมแซม เพราะถือเป็นมรดกล้ำค่าที่ควรให้ลูกหลานไว้ศึกษา

พระครูปลัดพุทธิวัฒน์ ยังกล่าวต่อว่าภาพจิตรกรรมที่อุโบสถวัดหน่อพุทธางกูร เป็นจิตกรรมแบบไทย ระบายสีแบบเรียบด้วยสีสันสดใสแล้วตัดเส้น ภายนอกอาคารปัจจุบันเหลือหลักฐานที่ซุ้มประตูทางเข้าซึ่งน่าจะเขียนยังไม่เสร็จเพราะยังปรากฎภาพร่างลายเส้นดินสอดำ เขียนเป็นภาพต้นนารีผล ส่วนภายในอุโบสถเขียนที่ผนังทั้งสี่ด้าน เรื่องพุทธประวัติ ทศชาติชาดก พระเจดีย์จุฬามณี และเทพชุมนุม จึงสันนิษฐานได้ว่าอุโบสถดังกล่าว น่าจะสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเนื่องจากลักษณะของฐานที่แอ่นโค้งแบบท้องเรือสำเภา อันเป็นรูปที่นิยมมากในสมัยอยุธยาตอนปลาย ส่วนผู้เขียนคือนายคำ ช่างหลวงที่ถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันทน์เมื่อคราวกบฏอนุวงศ์ อย่างไรก็ตามอยากให้กรมศิลปากรเข้ามาซ่อมแซมเพื่อให้อนุชนรุนหลังได้ศึกษาหาความรู้ พระครูปลัดพุทธิวัฒน์ กล่าว


ภาพ วัฒนพล มัฉฉา
ข่าว รัชนีกร โพธิ์ไพจิต

Loading