วันศุกร์, 19 กันยายน 2568

กระทรวงสาธารณสุขห่วงใย!!เที่ยวปีใหม่ปลอดภัย สุขใจทั้งครอบครัว”

กระทรวงสาธารณสุขห่วงใย เที่ยวปีใหม่ปลอดภัย สุขใจทั้งครอบครัว สนับสนุนมาตรการป้องปรามผู้ดื่มแล้วขับ ให้รพ.เจาะเลือดหาระดับแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่กรณีมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ลดการบาดเจ็บจากการจราจรช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562


วันนี้ (24 ธันวาคม 2561) ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลศรีสะเกษ นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์วันชัย เหล่าเสถียรกิจ สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ และ พญ.เพิ่มศิริ เลอมานุวรรัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีสะเกษ ได้ร่วมกันแถลงข่าว “สธ.ห่วงใย เที่ยวปีใหม่ปลอดภัย สุขใจทั้งครอบครัว”โดยมีคณะผู้บริหารเขตสุขภาพที่ 10 และนายแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่โรงพยบาลศรีสะเกษ และสื่อมวลชนจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมรับฟังการแถลงข่าวเป็นจำนวนมาก

นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนมาตรการป้องปรามผู้ดื่มแล้วขับ โดยกรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ ร่วมกับสานักงานตารวจแห่งชาติ และสสส. จัดทำโครงการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดผู้ขับขี่ ในกรณีที่เหตุนั้นทาให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตตลอดปี 2562 เพื่อให้เกิดการดำเนินคดีกับผู้ที่ขับรถในขณะเมาสุราทุกราย ที่โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง หรือโรงพยาบาลที่ร่วมโครงการทั่วประเทศ โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนการตรวจวิเคราะห์จากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมประมาณ 69 ล้านบาท และดำเนินงานตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 โดยเฉพาะการไม่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีและผู้ที่มีอาการเมาสุรา และการไม่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาที่กฎหมายกำหนด รวมถึงการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ เน้นในลมหายใจในกลุ่มผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ นอกจากนี้ยังได้ให้โรงพยาบาลทุกแห่งเตรียมความพร้อมบริการการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อลดการเสียชีวิตและความพิการ โดย แจ้งเหตุเร็ว ขยายคู่สายแจ้งเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉิน 1669 เป็น 300 คู่สายทั่วประเทศ รับเร็ว ใช้ชุดปฏิบัติการทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิ เอกชน และโรงพยาบาลต่าง ๆ ถึงที่เกิดเหตุภายใน 10 นาที ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของการออกเหตุทั้งหมด ส่งเร็ว ส่งต่อถึงมือแพทย์ในห้องอุบัติเหตุฉุกเฉินทุกโรงพยาบาล ทาการรักษาอย่างรวดเร็ว กรณีบาดเจ็บ/เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต สามารถรับบริการที่โรงพยาบาลใกล้ที่สุด โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายภายใน 72 ชั่วโมงแรก ตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP)

ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด สนับสนุนการทำงานของศูนย์อานวยการความปลอดภัยทางถนน รณรงค์ “ขับรถดีมีน้าใจ รักษาวินัยจราจร” โดยเปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Emergency Operation Center : EOC) ที่กระทรวงสาธารณสุขและระดับจังหวัด เป็นศูนย์ประสานและสนับสนุนการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาล สนับสนุนการทางานของชุดปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้นของอปท. ฝึกทักษะการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยฉุกเฉิน เตรียมความพร้อมศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการทีมปฏิบัติการฉุกเฉินของโรงพยาบาลและเครือข่าย ทั้งรัฐและเอกชน ทั้งชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับสูง (Advanced Life Support : ALS ) ระดับกลาง (Intermediate Life Support Unit : ILS) ระดับต้น (Basic Life Support : BLS) และระดับเบื้องต้น (First Response Unit : FR) จัดหน่วยกู้ชีพระดับพื้นฐาน (Basic Life Support : BLS) และหน่วยปฏิบัติการระดับสูง (Advanced Life Support : ALS) ประจำบนเส้นทางถนนสายหลักที่มีจุดตรวจ/ จุดบริการอยู่ห่างกันมาก เพื่อให้การดูแลรักษาพยาบาลอย่างรวดเร็ว โดยมีชุดปฏิบัติการฉุกเฉินทุกระดับ 8,583 หน่วย รถปฏิบัติการฉุกเฉินทุกระดับ 20,741 คัน และผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินทุกระดับ 166,441 คน นอกจากนี้ยังได้ให้โรงพยาบาลทุกแห่งร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตารวจ ดำเนินการเจาะเลือดตรวจระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุ ตามการร้องขอของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในกรณีที่ไม่สามารถเป่าลมหายใจผ่านเครื่องตรวจได้ รวมทั้งเตรียมทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ห้องไอซียู อุปกรณ์ต่าง ๆ และระบบส่งต่อ พร้อมดูแลหากเกิดอุบัติเหตุรุนแรง ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งการส่งต่อผู้ป่วยต้องได้มาตรฐานตามที่กาหนดเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับบุคลากรและผู้ป่วยขณะนาส่ง จากการวิเคราะห์ข้อมูลการให้บริการในช่วง 7 วัน เทศกาลปีใหม่ 2561 มีผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติร้อยละ 67 ทาให้ในช่วงเทศกาลเจ้าหน้าที่ต้องทางานหนักขึ้น ทั้งที่การบาดเจ็บจากการจราจรเป็นเรื่องที่สามารถป้องกันได้ และได้เน้นย้าให้ทุกหน่วยงาน อสม. และพชอ. ร่วมรณรงค์ส่งเสริมความปลอดภัยกับหน่วยงานในพื้นที่ เช่น การตั้งด่านชุมชน และทำงานเชิงรุก ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ 2551 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการตรวจเตือน/ประชาสัมพันธ์ช่วงก่อนเทศกาล สุ่มตรวจการกระทำผิดกฎหมาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตารวจตลอดช่วงเทศกาล โดยเฉพาะกรณีการขายสุราให้กับเด็กอายุต่ากว่า 20 ปี การขายสุราในสถานที่และเวลาที่ห้ามขาย การเร่ขาย การโฆษณาหรือส่งเสริมการขาย (ลด แลก แจก แถม) เนื่องจากพบว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่าน ร้อยละ 17.91 ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการดื่มสุราเป็นกลุ่มเด็กอายุต่ากว่า 20 ปี เกือบทุกรายเป็นผู้ขับขี่จักรยานยนต์ และไม่สวมหมวกนิรภัย

ทั้งนี้ กฎกระทรวงฉบับที่ 21 พ.ศ.2560 ออกตามความใน พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 กาหนดไว้ว่าหากพบว่าผลการตรวจวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจหรือปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่มีค่าเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือกรณีผู้ขับขี่ที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี ผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบอนุญาตขับรถ หรือผู้ขับขี่ซึ่งได้รับใบอนุญาตขับรถแบบชั่วคราว มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ให้ถือว่าเมาสุราเช่นกัน

บุญทัน ธุศรีวรรณ ข่าว/ภาพ
จังหวัดศรีสะเกษ

Loading