วันจันทร์, 8 กันยายน 2568

ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวศรีสะเกษ”พบแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาแห่งใหม่ที่อำเภอราษีไศล

ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวศรีสะเกษค้นพบแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาแห่งใหม่ที่อำเภอราษีไศล


เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 ที่วัดบ้านด่าน ตำบลสร้างปี่ อำเภอราษีไศล ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวศรีสะเกษ ได้เดินทางไปกับคณะสื่อมวลชนจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสำรวจแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำที่อำเภอราษีไศล ได้ค้นพบวัดระหว่างทาง ที่กำลังประดิษฐ์ประดอยลวดลายบนอารามที่กำลังปรับปรุงตกแต่งชาวบ้านกำลังรวมพลังเพื่อสร้างเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปจึงแวะเข้าไปกราบนมัสการพระครูวิจิตร กาญจนเขต เจ้าคณะตำบลสร้างปี่ เจ้าอาวาสวัดบ้านด่าน

ดรกัลยาณี ธรรมจารีย์ กล่าวว่า หลวงพ่อท่านสร้างอารามหลวงตามรูปแบบที่ได้นิมิตรเพื่อต้องการเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปองค์ทองสำริดที่ศักดิ์สิทธิ์ ทราบว่ามีอภินิหารที่พระพุทธรูปองค์นี้เคยถูกขโมยไปสองครั้งแต่ผู้ที่ถูกขโมยก็เอาไปไม่ได้ และมีอันเป็นไป ปัจจุบันพระพุทธรูปองค์ทองถูกเก็บไว้ในห้องที่ใส่กุญแจไว้เพราะกรมศิลป์มาดูแล้วทราบว่าเก่าแก่หลายร้อยปีและมีความศักดิ์สิทธิ์มาก จึงมีชาวบ้านทั่วไปมากราบขอพรและได้สมประสงค์สำเร็จสมหวังอยู่เนืองๆ และได้สร้างอารามหลังนี้ประมาณ 9 ปี ซึ่งวัดบ้านด่านที่เห็นนี้มีสถานที่น่าสนใจสามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่เชิงศาสนาของอำเภอราษีไศล จึงได้ตกแต่งเป็นลวดลายที่สวยงาม เป็นศิลปะผสมผสานความเชื่อตามตำราพญานาคราช และศิลปะโบราณภาคอีสาน เพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อทอง พระพุทธรูปสมัยขอมโบราณ ที่มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปประทับยืนปางห้ามสมุทร และเป็นที่นับถือบูชาของชาวตำบลสร้างปี่มาก ขอเชิญชวนให้ผู้มีจิตศรัทธาได้เดินทางมาที่วัดแห่งนี้ เพื่อร่วมกันพัฒนาอารามวัดบ้านด่านแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอราษีไศล ด้วย

พระครูวิจิตร กาญจนเขต เจ้าคณะตำบลสร้างปี่ เจ้าอาวาสวัดบ้านด่าน กล่าวว่า เดิมหลวงพ่อทอง ประดิษฐานอยู่ที่วัดขอม ตำบลจระแม อำเภอพระโขนง กรุงเทพฯ ในช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทางวัดขอมได้ประกาศว่าหากวัดใดยังไม่มีพระประธานประจำวัด สามารถที่จะบูชาพระพุทธรูปเพื่อไปกราบไหว้บูชาเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวบ้านได้ ชาวบ้านด่าน จึงร่วมใจกันทั้งหมู่บ้านบริจาคปัจจัยเพื่อเป็นทุนส่งตัวแทนชาวบ้านด่านไปอัญเชิญพระพุทธรูปจากวัดขอม โดยมีคุณพ่อใหญ่ธรรมพิมพ์ นำคณะเดินทางไปเลือกพระพุทธรูปเนื่องจากมีพระพุทธรูปมากมายหลายองค์ จึงใช้วิธีการเลือกด้วยการส่องธรรมตามวิธีทางธรรมในสมัยนั้น และได้จับต้ององค์ที่แปลกลักษณะเคลือบด้วยสีดำ เป็นพระพุทธรูปประทับยืนปางห้ามสมุทร รู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ทางภาษาธรรม จึงตกลงเลือกพระพุทธรูปองค์นี้และนำองค์หลวงพ่อที่ได้เลือกกลับมาประดิษฐานที่บ้านด่านในปี 2495 เป็นพระประธานให้ชาวบ้านด่านได้กราบไหว้บูชา เมื่อปี 2514 และ 2516 ได้มีมารศาสนาขโมยพระพุทธรูปหลวงพ่อทอง 2 ครั้งและถูกจับได้ทุกครั้ง เนื่องจากเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทองทำให้มารศาสนาต้องพ่ายแพ้ทุกครั้งไป ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุขตลอดมาเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทองทำให้พุทธศาสนิกชนทั่วไป เดินทางมากราบไหว้ขอพรหลวงพ่อทองที่วัดบ้านด่านมิได้ขาด และในปี 2553 สำนักศิลปากรที่ 11 กลุ่มโบราณคดีจังหวัดอุบลราชธานี ได้ทำการตรวจสอบพระพุทธรูปหลวงพ่อทอง สันนิษฐานว่าหลวงพ่อทองเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้นหรือประมาณ 150 -200 ปี แต่ที่น่าเสียดายก็คือส่วนบนสุดของพระเศียรซึ่งเป็นเปลวรัศมีนั้นได้หายไปตั้งแต่มารศาสนาขโมยพระพุทธรูปหลวงพ่อทองไป

ข่าว/ภาพ .. บุรทัศน์ ศรีสะเกษ

Loading