นครปฐม060668หลวงพี่น้ำฝน นำพลพล พระจันทร์ฉาย คนดังไอดอลพลังบวก
เดินสายสร้างแรงใจผู้ต้องขังเห็นโอกาส เป้าหมาย สร้างแรงใจกลับใจสู่สังคม
หนึ่งในภารกิจของวัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม โดยพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ได้มีการดำเนินการขับเคลื่อนสนับสนุนการดำเนินการของเรือนจำหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือการนำพระธรรมคำสั่งสอนฉบับเรียบง่าย และนำประสบการณ์ต่างๆ จากบุคคลที่ประสบความสำเร็จไปถ่ายทอดให้กับผู้ต้องขัง เพื่อให้ได้ทราบถึงที่มาของปัญหาในการดำเนินชีวิตที่นำมาสู่พื้นที่จองจำภายในทัณฑสถาน และหาแนวทางสำหรับการดำเนินชีวิตในพื้นที่อันจำกัดอิสรภาพให้สามารถอดทนและปรับทัศนคติในช่วงรับโทษรวมถึงมีวิธีคิดและปฏิบัติตัวสำหรับผู้ที่ได้รับการเตรียมตัวปลดปล่อยสู่อิสรภาพอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายให้เขาเหล่านั้นไม่หวนกลับทำความผิด และสร้างปัญหาให้กับสังคม ด้วยกันนำธรรมะและกิจกรรมต่างๆเข้ามาเสริมการดำเนินการของกรมราชทัณฑ์
โดยไม่นานมานี้ ที่เรือนจำจังหวัดอ่างทอง หลวงพี่น้ำฝน ผู้รักษาการแทนเจ้าวัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม พร้อมศิษยานุศิษย์ นำโดยพลพล พลกองเส็ง นักร้องชื่อดังในยุค 90 และพระจันทร์ฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม แชมป์โลก ONE มวยไทย และคิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวต (115-125 ป.) นักมวยไทยที่สร้างชื่อในเวทีระดับโลก ร่วมกิจกรรมถ่ายทอดประสบการณ์ในเส้นทางการประกอบอาชีพจนประสบความสำเร็จให้กับผู้ต้องขังชายหญิง ที่ โดยนายธิตินัย พาติกบุตร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดอ่างทอง พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ เดินหน้าผลักดันและขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆภายในเรือนจำจังหวัดอ่างทอง เพื่อให้เป็นสถานที่ในการเพาะและปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้ต้องขังทั้งหมดให้มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต โดยรูปแบบการผสมผสานระหว่างกิจกรรมทางพุทธศาสนา กิจกรรมทางสังคม และส่งเสริมด้านสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ที่เคยหลงกระทำความผิดให้มีทัศนะคติที่ดีรวมถึงปรับนำมาใช้ในการสร้างกระบวนการคิดและแยกแยะในสิ่งที่แล้วมารวมถึงวางเป้าหมายชีวิตได้อย่างถูกต้องต่อไป
ภายในเรือนจำจังหวัดอ่างทอง หลวงพี่น้ำฝน ได้บรรยายธรรมฉบับสั้นกระชับและเรียบง่าย รวมถึงให้วิธีคิดที่ไม่ซับซ้อน ด้วยหลักธรรมการมีสติอยู่ตลอดเวลา และสำรวจตนทุกครั้งก่อนที่จะมีการทำอะไรสามารถทบทวนบทบาทและสิ่งที่ทำลงไปแล้วว่าเหมาะสมถูกต้องหรือไม่ให้กับผู้ต้องขัง จากนั้นได้เชิญ พลพล พลกองเส็ง ขึ้นร้องเพลง “ชาตินี้ก็รู้กัน” และ “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้” ซึ่งหลวงพี่น้ำฝนได้ให้ประพันธ์เพลงดังกล่าวสำหรับให้กำลังใจผู้ต้องขังทั้งหมดที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในการถูกจำกัดอิสรภาพซึ่งมีความกดดันและต้องอดทนกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปจากที่เคยอยู่ รวมถึงบทเพลงชาตินี้ก็รู้กัน ซึ่งมีเนื้อร้องในการให้แง่คิดเกี่ยวกับการทำความดี เป็นการนำหลักธรรมมาปรับแต่งเป็นบทเพลง โดยให้ผู้ต้องขังทั้งหมดได้ร่วมร่วมกันร้องเพลงประสานเสียงและมีการบันทึกภาพและเสียงเอาไว้สำหรับเป็นต้นแบบในการเผยแพร่ให้กับเรือนจำแห่งอื่นได้นำไปปรับใช้
จากนั้นได้เชิญ พระจันทร์ฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ไปเยี่ยมชมค่ายมวยภายในเรือนจำซึ่ง นายธิตินัย พาติกบุตร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดอ่างทอง ได้จัดให้มีค่ายมวยภายในเรือนจำจังหวัดอ่างทองสำหรับให้ผู้ต้องขังชายหญิงที่มีความสามารถและมีความชื่นชอบในการออกกำลังกายได้ฝึกซ้อมแม่ไม้มวยไทย โดยมีการจัดสอนการไหว้ครู และการโชว์ศิลปะการป้องกันตัวซึ่งเป็นเอกลักษณ์และเป็นสมบัติของชาติให้คงอยู่ รวมถึงมวยสากลที่มีการพัฒนาศักยภาพทางด้านร่างกายลดความเครียดและสามารถสร้างเป็นอาชีพได้สำหรับผู้ที่พร้อมจะปลดปล่อยออกไปประกอบอาชีพซึ่งปัจจุบันสามารถสร้างรายได้และความมั่นคง โดยมีพระจันทร์ฉาย เป็นต้นแบบ ซึ่งได้เล่าถึงเส้นทาง โครงการเป็นนักมวยอาชีพตั้งแต่เริ่มต้นจนประสบความสำเร็จสามารถคว้าแชมป์โลกมาได้ถึงสองกติกา และนับเป็นนักมวยไทยที่ได้รับการจับตาจากวงการมวยระดับโลก
นายธิตินัย พาติกบุตร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่าโครงการนี้ได้รับเมตตาจากหลวงพี่น้ำฝน ซึ่งได้มีการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆของกรมราชทัณฑ์มาโดยตลอด ทั้งการสนับสนุนอุปกรณ์ที่ไม่เพียงพอ อุปกรณ์เครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ และกิจกรรมต่างๆหลายโครงการในหลายเรือนจำ ซึ่งการได้มีศิลปินชื่อดังและนักมวยไทยระดับโลกเข้ามาภายในเรือนจำจังหวัดอ่างทองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยเมตตาของหลวงพี่น้ำฝน ก็ได้ประสานทั้งสองท่าน ซึ่งเป็นลูกศิษย์ ได้เข้ามาร่วมทำกิจกรรมดีดีเพื่อสังคม โดยวันนี้ถือว่าเป็นการจัดกิจกรรมเพื่อคืนความสุขให้กับผู้ต้องขัง รวมถึงเจ้าหน้าที่ ให้ได้มีโอกาสเห็นและเรียนรู้สิ่งที่ไม่สามารถหาจากที่อื่น และเห็นแนวทางการต่อสู้ในการดำเนินชีวิตปฏิบัติตนอยู่ในกรอบระเบียบจนประสบความสำเร็จในชีวิตและก้าวไปเป็นไอดอลคนดังทั้งในระดับประเทศและระดับโลกได้ สิ่งนี้คือแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนที่ที่ยังมีฝันก่อนที่จะออกไปสู่สังคมอีกครั้ง
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) ผู้รักษาการ เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม ได้ให้แนวคิดว่าการที่ผู้ต้องขังได้เคยผิดพลาดในชีวิตและได้เข้ามารับโทษในสถานที่ถูกจำกัดอิสรภาพ ส่วนหนึ่งก็คือความเครียดสะสมที่ต้องรับโทษและต้องมาอยู่รวมกับคนหมู่มาก ซึ่งหลายคนกว่าจะปรับตัวได้ก็ต้องใช้เวลาเป็นระยะเวลาไม่น้อย การที่มีการนำธรรมะฉบับง่ายมาบรรยายแบบเข้าใจได้ทันที จึงเป็นสิ่งที่จะช่วยร่นระยะเวลาให้เขาเหล่านั้นเข้าใจถึงสัจธรรมและสิ่งที่เคยผิดพลาดมา ส่วนการที่ได้เชิญทั้งพลพล และพระจันทร์ฉาย มาในวันนี้ถือว่าเป็นกำไรของผู้ต้องขังเพราะทุกคนต่างมีภารกิจที่เยอะและแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน แต่เมื่ออาตมาได้เชิญให้มาร่วมทำกิจกรรมกับผู้ที่ไม่มีโอกาสได้เห็นสังคมภายนอก ทั้งคู่ก็ตอบรับและเห็นว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนหากใครมีโอกาสและสามารถช่วยกันได้เราจึงจำเป็นต้องมีการร่วมมือกันเพื่อผลักดันให้มีการปรับเปลี่ยนสังคมให้ดีขึ้นโดยวางรากฐานให้ผู้ที่เคยกระทำความผิดได้มีแนวคิดที่ดีนำสู่การกระทำที่ดีและเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพต่อไปเมื่อได้รับอิสรภาพ นั่นหมายถึงจะทำให้สังคมของเราอยู่อย่างสงบสุขมากขึ้นและเป็นสังคมที่อยู่กันแบบเอื้ออาทรช่วยเหลือกันมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านเราที่เคยเป็นมานั่นเอง