วันอังคาร, 14 ตุลาคม 2568

บิ๊กอ้อ! ผบช.ภ.7 นำทีมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องพร้อมของกลางจำนวน 5 คดี

บิ๊กอ้อ! ผบช.ภ.7 นำทีมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องพร้อมของกลางจำนวน 5 คดี


วันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่บริเวณด้านหน้าอาคารตำรวจภูธรภาค 7 อ.เมือง จว.นครปฐม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ต.พิพัฒน์ ชุ่มมณีกูล รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล รอง ผบช.ภ.7 นางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พงษ์สวัสดิ์ คำปาเชื้อ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.วรัญญู กุลดิรก รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ณัฐพิสิษฐ์ รัตนอุดมพล ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.อชิรวัตติ์ ถาวรเจริญวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.อ.ยงลิต ศุภผล ผกก.สภ.ดอนตูม พ.ต.อ.ปิโยรส กัณหะสิริ ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.จุลภณ มีชำนาญ ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว ได้ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางจำนวน 5 คดี


โดยคดีแรก พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พร้อมด้วย พ.ต.อ.อชิรวัตติ์ ถาวรเจริญวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 2 ราย นายอาภากร หรือ รักษ์ เจริญลาภ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 ม.1 ต.โพพระ อ.เมืองเพชรบุรี จว.เพชรบุรี ตามหมายจับของศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.1154 / 2568 ลง 10 ตุลาคม 2568 พร้อมของกลาง อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด.45 มม.ไม่มีทะเบียนจำนวน 1 กระบอก ซองบรรจุกระสุนปืน ขนาด.45 มม.จำนวน 1 ซอง กระสุนปืนขนาด .45 มม.บรรจุในซองกระสุน จำนวน 6 นัด กระสุนปืนขนาด.45 มม.จำนวน 40 นัด ซองพกในสีดำ จำนวน 1 ซอง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HONDA READ 125 สีเทา(ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน)จำนวน 1 คัน รองเท้าผ้าใบหุ้มส้นสีขาวจำนวน 1 คู่ที่สวมใส่ก่อเหตุและหลบหนี โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าบ้านเช่าไม่มีชื่อ ม.1 ต.ต้นมะม่วง อ.เมือง จว.เพชรบุรี โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมืองหมู่บ้านหรือที่ ชุมนุมชน ” และ นายวรวิทย์ หรือบอย เบ็ญพาด อายุ 50 ปีอยู่บ้านเลขที่ 81/1 ม.6 ต.เลาขวัญ อ.เลาขวัญ จว.กาญจนบุรี ตามหมายจับของศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.1155/2568 ลง 10 ตุลาคม 2568 โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ต.ชะอม อ.แก่งคอย จว.สระบุรี ในคดีบุกยิงนายระวี หรือ เสี่ยเปี๊ยก อายุ 75 ปี นักธุรกิจได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณร้านอาหารดอกไม้ป่า ถนนราชมรรคา อ.เมือง จว.นครปฐม โดยเหตุเกิดเมื่อด้วยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 17.48 น.ที่ผ่านมา


โดย พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม เปิดเผยว่า ในการจับกุมดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่แกะรอยติดตามภาพจากกล้องวงจรปิดถึงเส้นทางก่อนเกิดเหตุและหลังก่อเหตุของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งสองราย ซึ่งรายแรกคือนายอาภากร หรือรักษ์ โพพระ ซึ่งเป็นมือปืนซุ้มเพชรบุรีที่มีประสบการณ์ช่ำชอง ซึ่งเคยก่อเหตุยิงนักศึกษาราชภัฏนครปฐม ปีที่ 2 เสียชีวิตที่ร้านเจ้าสัว เมื่อปี 2549 และได้ถูกจับกุมตัวศาลตัดสินติดคุกอยู่ 10 ปี จากนั้นได้ออกมาและกลายมาเป็นดาว TikTok เมื่อปี 2559 ต่อมาได้มารู้จักกับนายบอย ผู้ต้องหาที่สอง ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการตำรวจ ซึ่งขณะนี้ได้ถูกออกจากราชการแล้ว ซึ่งได้มีการประสานงานติดต่อกันเพื่อรับงานในการบุกยิงเสี่ยเปี๊ยก


จากการสอบสวน นายรักษ์ โพพระ ได้ให้การรับสารภาพว่าการรับงานว่าจ้างครั้งนี้เป็นจำนวน 1.3 ล้านบาท เป็นการติดตามหนี้จำนวนกว่า 130 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ของเจ้านาย ของ นายบอย ซึ่งครั้งแรกในวันที่เกิดเหตุ รักษ์ โพพระ ได้อาศัยความเป็นมืออาชีพได้เฝ้าติดตามแกะรอยติดตามเสี่ยเปี๊ยก จำนวน 2 จุด คือจุดแรกที่คือบ้านพักในซอยอู่ซุ่นชัย และ จุดที่สอง คือบริเวณหน้าร้านอาหารครัวดอกไม้ป่าจุดเกิดเหตุ โดยจุดแรกบ้านพักไม่สามารถลงมือก่อเหตุได้เนื่องจากมีกล้องวงจรปิดจำนวนหลายแห่ง จึงใช้จุดที่สองบริเวณร้านอาหารครัวดอกไม้ป่า เป็นจุดลงมือ โดยครั้งแรกตนได้รับเงินค่าจ้าง 50,000 บาท และตนนำไปซื้อรถจักรยานยนต์คันที่ก่อเหตุ จากนั้นหลังจากก่อเหตุตนได้ไปรับเงินอีก 500,000 บาท หลังจบงานตนจะได้รับเงินค่าจ้างเพิ่มอีกจำนวน 750,000 รวมเป็นเงิน 1.3 ล้านบาท


โดยตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาดูลาดเลาทั้งหมด 3 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นรถจักรยานสีแดง ครั้งที่สองได้เปลี่ยนสีพ่นทับเป็นสีดำ และครั้งที่สามได้พ่นสีทับเป็นสีเทาลัมโบร์กีนี โดยทั้ง 3 ครั้งตนได้มีการเปลี่ยนเส้นทางในการขับขี่ทั้งหมด รวมถึงมีการสวมเสื้อทั้งสามชั้นและรองเท้าผ้าใบ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นไปได้
คดีที่ สอง พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ยงลิต ศุภผล ผกก.สภ.ดอนตูม ได้ร่วมกันจับกุมตัว นาย นราธิป นาคโสมกุล อายุ 29 ปีอยู่บ้านเลขที่ 41/1 ม.1 ต.ห้วยด้วน อ.ดอนตูม จ.นครปฐม(ลูกเขย)หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นาย ดอกเลา กลิ่นเจริญ อายุ 59 ปีอยู่บ้านเลขที่ 41/1 ม.1 ต.ห้วยด้วน อ.ดอนตูม จว.นครปฐม( พ่อตา )ผู้เสียชีวิต พร้อมของกลาง อาวุธปืน Glock ขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก ของ นาย นราธิป นาคโสมกุลอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ ไม่ทราบขนาด จำนวน 1 กระบอก ของ นาย ดอกเลา กลิ่นเจริญ สมารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณบ้านเช่าเลขที่ 90 ม.1 ต.ห้วยด้วน อ.ดอนตูม จว.นครปฐม โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ ”


พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 20.45 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ดอนตูม รับแจ้งมีเหตุ 241 ที่บริเวณ หมู่ที่ 1 ต.ห้วยด้วน อ.ดอนตูม จว.นครปฐม พ.ต.อ.ยงลิต ศุภผล ผกก.สภ.ดอนตูม พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์ รพ.ดอนตูม ได้ร่วมเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบ นายนราธิป นาคโสกุล อายุ 29 ปีอยู่บ้านเลขที่ 41/1 หมู่ที่ 1 ตำบลห้วยด้วน อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐมผู้ก่อเหตุยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 3 ปลอกจึงได้ตรวจเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นาย ดอกเลา กลิ่นเจริญ อายุ 59 ปีผู้ตายได้ทะเลาะกับนาย นราธิป นาคโสมกุล อายุ 29 ปีผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นลูกเขย อาศัยอยู่บ้านพักหลังเดียวกัน ได้เกิดมีปากเสียงกัน ทางนาย ดอกเลา ผู้ตายได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนาย นราธิป ลูกเขยก่อน และนาย นราธิป ผู้ก่อเหตุ จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ 3 – 4 นัด กระสุนถูกนาย ดอกเลาเสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดอนตูมดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ สาม พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พร้อมด้วยพ.ต.อ.จุลภณ มีชำนาญ ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม จำนวน 1 ราย นายสุวัฒิ สามบุญศรี อายุ 52 ปีอยู่บ้านเลขที่ 5 ม.4 ต.ลำลูกบัว อ.ดอนตูม จว.นครปฐม ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐมที่ จ.1156/2568ลง 10 ต.ค.2568 พร้อมของกลางอาวุธมีด จำนวน 1 เล่ม โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ”
สมารถจับกุมได้ที่บริเวณตึกแถวภายในซอยจันทร์ 23/2 แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม เปิเผยว่าเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 17.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว ได้รับแจ้งเหตุมีว่าคนถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิตที่บริเวณริมถนนคลองรางเตย ม.14 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จว.นครปฐม นายเกื้อ สิงห์สนั่น อายุ 55 ปี อาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ถูกแทงด้วย อาวุธมีด เข้าที่บริเวณหน้าอกหลายแผล
จากการสืบสวนทราบเบื้องต้นทราบผู้ก่อเหตุเป็นชายได้ใช้อาวุธมีดก่อเหตุ แล้วได้ใช้ยานพาหนะเป็นรถจักรยานยนต์ขับขี่หลบหนีไปไม่ทราบเส้นทาง
ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์แก้ว ได้ลงพื้นที่สืบสวนตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดจนกระทั่งสืบทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายสุวัฒิ สามบุญศรี อายุ 52 ปีอยู่เลขที่ 5 ม.4 ต.ลำลูกบัว อ.ดอนตูม จว.นครปฐม จึงได้รวบรวมวัตถุพยานหลักฐานต่างๆส่งให้พนักงานสอบสวนเพื่อขออนุมัติศาลจังหวัดนครปฐมออกหมายจับผู้ต้องหา
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสืบทราบว่านายสุวัฒิ ได้หลบหนีไปกบดานที่บริเวณ ตึกแถว ภายในซอยจันทร์ 23/2 แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ จึงได้เดินเข้าจับกุมตัวพร้อมของกลางอาวุธมีดใช้ก่อเหตุ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ สี่ พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พร้อมด้วยพ.ต.อ.จุลภณ มีชำนาญ ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว ได้ร่วมกันจับกุมตัว นาย zaw zaw lin อายุ 29 ปี สัญชาติ เมียนมาร์ พร้อมของกลาง อาวุธมีด จำนวน 1 เล่ม
โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ พยายามฆ่าผู้อื่น และพาอาวุธมีดติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็นอันเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ”
สมารถจับกุมตัวได้ที่ แผนกผลิตบะหมี่ ภายในบริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด (โรงงานไวไว)เลขที่ 42/1 ม.2 ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จว.นครปฐม
พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม กล่าวว่าเมื่อวันที่ 11 ต.ค.2568 เวลาประมาณ 10.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์แก้วได้รับแจ้งเหตุ ทำร้ายร่างกายมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 ราย ที่แผนกผลิตบะหมี่ ภายใน บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด (โรงงานไวไว) เลขที่ 42/1 ม.2 อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จว.นครปฐม ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์แก้ว จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บ นาย aung myo tun สัญชาติ เมียนมาร์ ถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่บริเวณลำตัวและศีรษะ อาการสาหัส และนำตัวส่ง ร.พ.มหาชัย 2 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สมารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ในที่เกิดเหตุคือ นาย zaw zaw lin อายุ 29 ปี สัญชาติเมียนมาร์ จากการสอบสวนผู้ก่อเหตุรับสารภาพว่าได้ใช้อาวุธมีดแทง ผู้บาดเจ็บจริง
ทางเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ ห้า พล.ต.ต.กานต์ ธรรมเกษม ผบก.สส.ภ.7 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยอดชาย แก้วเรือง ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.7 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.7 ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายประภากร หรือยุ่ง ชินอักษร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/3 ม.6 ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จว.ราชบุรี พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวนประมาณ 4,100,000 เม็ด คีตามีน จำนวน 3 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 3.15 กรัม รถยนต์กระบะแคป ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีเทา จำนวน 1 คัน รถยนต์กระบะสี่ประตู ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีขาว จำนวน 1 คัน รถยนต์อเนกประสงค์ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่น ปาเจโร่ สีขาว จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง สามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณ ริมถนนเพชรเกษม (สี่แยกปากท่อ) ม.4 ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จ.ราชบุรีเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 03.00 น.
โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบ ต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยผิดกฎหมาย ,ครอบครองซึ่งวัตถุอออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต ”
พล.ต.ต.กานต์ ธรรมเกษม ผบก.สส.ภ.7 กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.7 ได้รับแจ้งข้อมูลจากสายลับเกี่ยวกับกลุ่มขบวนการผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 (จังหวัดราชบุรี) จึงได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเป็นเวลาประมาณ 4 เดือนเศษ จนทราบว่ากลุ่มของนายประภากรหรือยุ่ง ชินอักษร ซึ่งมีผู้ร่วมขบวนการหลายราย จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคกลาง มุ่งสู่จังหวัดราชบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบแน่ชัดว่า ในวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ขบวนการของนายประภากรหรือยุ่ง จะมีการรับยาเสพติดจากพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี โดยใช้ยานพาหนะเป็นรถยนต์จำนวน 4 คัน โดยนายประภากรหรือยุ่ง เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีเทา ทำหน้าที่เป็นรถนำขบวนเพื่อสังเกตการณ์ดูเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรถยนต์คันอื่นเป็นพาหนะในการลำเลียงยาเสพติดในวันดังกล่าว เมื่อทราบข้อมูลวันเวลาเป็นที่แน่ชัด จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้มีการสั่งการให้ทำการจับกุมกลุ่มขบวนการดังกล่าว มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ โดยวันเกิดเหตุกลุ่มของนายประภากรฯ ได้ขับขี่รถยนต์จำนวน 4 คัน ออกจากพื้นที่จังหวัดราชบุรีเกาะกลุ่มกันไป เพื่อไปรับยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี และได้ลำเลียงลงมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังไว้สำหรับเข้าตรวจค้นและจับกุม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ขบวนการยาเสพติดได้พยายามหลบหนีการจับกุม แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมก็สามารถทำการจับกุม นายประภากรหรือยุ่งฯ ได้พร้อมยาบ้าของกลาง โดยการจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มอบนโยบายการปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้านการปราบปรามยาเสพติด โดยให้เป็นนโยบายเร่งด่วนขจัดยาเสพติให้สิ้นซาก และให้ยกระดับการจัดการปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน

Loading