วันเสาร์, 4 พฤษภาคม 2567

ราชบุรี!!แบบนี้ก็ได้หรือ”ปล่อยนายทุนตักทรายมากว่า 10 ปี จนพื้นที่เสียหาย”

แบบนี้ก็ได้หรือ.!! ปล่อยนายทุนตักทรายมากว่า 10 ปี จนพื้นที่เสียหายจำนวนมาก

กำนัน ผญบ. ผช.ผญบ. และชาวบ้านในพื้นที่ติดกับแม่น้ำภาชี หมู่ที่ 14 ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ร้องทวงถามถึงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องว่า.. “แบบนี้ก็ได้หรือ.. ปล่อยนายทุนตักทรายมากว่า 10 ปี จนพื้นที่เสียหายจำนวนมาก”

จากกรณีชาวบ้านหมู่ที่ 14 ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ร้องเรียนว่ามีนายทุนเข้ามาตักทรายในพื้นที่ติดกับแม่น้ำภาชี และทำถนนปิดกันทางน้ำ จนทำให้น้ำเปลี่ยนทิศทางการไหลกัดเซาะพื้นที่สาธารณะเสียหายเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาไม่เคยมีหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ โดยนายทุนจะอาศัยกว้านซื้อที่ดินที่อยู่ติดกับแม่น้ำภาชีแล้วทำการขุดตัดทรายในช่วงฤดูแล้งจนถึงฤดูน้ำหลากก็จะปล่อยให้กระแสน้ำกัดเซาะพื้นดินที่เป็นทรายที่อยู่เหนือน้ำและข้างเคียงให้ไปรวมในพื้นที่ ซึ่งนายทุนจะอ้างเสมอมาว่ามีการขออนุญาตอย่างถูกต้องจนเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมาได้มีการร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน ล่าสุดนายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิสุทธิ์ ผอ.เจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 เข้ามาตรวจสอบพร้อมให้หยุดตักทรายเพื่อให้จังหวัดตั้งคณะทำงานตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ส่วนวันนี้ 2 พฤศจิกายน 2561 เมื่อเวลา 11.00 น. นายปรีชา ขันทองดี กำนันตำบลด่านทัพตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี พร้อมทั้งผู้ใหญ่และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ได้นำเจ้าหน้าที่จาก สปก.ได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่หลังจากนายทุนนำเสามาปักในเขตพื้นที่ สปก.และอ้างว่ามีการซื้อขายที่ดินเพื่อทำการตักทราย นายทวีศักดิ์ ทองคำ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 หมู่ 14 ต.ด่านทับตะโก ได้กล่าวว่า.. ตอนนี้ชาวบ้านได้ร้องเรียนเรื่องที่มีการขุดตัดทรายในพื้นที่ของหมู่ 14 และที่ผ่านมาก็มีรถแบคโฮของนายทุนตักเลยขึ้นมาจากที่ชาวบ้านได้ร้องเรียนซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านได้กันไว้เป็นที่สาธารณะ จึงอยากให้หน่วยงานได้ลงมาตรวจสอบในพื้นที่ตรงนี้ด้วยเพราะอยู่ติดกับพื้นที่มีการร้องเรียน เพราะมีรถแบคโฮเข้ามาตักในพื้นที่อยู่ในเขตของสปก. ทำให้ดินริมตลิ่งเริ่มมีการพังทลายลงไป จึงอยากมาตรวจสอบว่าที่ดินที่งอกเงยมาจากลำน้ำ นั้นสามารถถือครองได้หรือไม่ เวลามีรถเข้ามาตักทรายชาวบ้านก็เข้าไปบอกว่า พื้นที่บริเวณนี้ตักทรายไม่ได้เพราะเป็นที่สาธารณะ อยู่ในเขตสปก. เป็นทางสาธารณะและลำน้ำเก่า แต่นายทุนก็อ้างว่าสิทธิ์ว่ามีใบประกอบกิจการ แต่ชาวบ้านก็ไม่รู้ว่าพื้นที่นั้นมีอาณาบริเวณแค่ไหน จึงอยากให้หน่วยงานที่มาตรวจสอบได้ลงมาตรวจสอบในบริเวณนี้ด้วยเพราะมีระยะทางจากจุดที่ชาวบ้านร้องเรียนแค่ไม่ถึง 1 กิโลเมตร และทรายที่มีการตักออกไป ทรายที่อยู่ริมตลิ่งก็จะพังลงไปเรื่อยๆ ทำให้พื้นที่นั้นกว้างขึ้นมาเรื่อยๆ โดยจะมาทำการตักทรายในช่วงหน้าแล้ง โดยจะทำถนนข้ามแม่น้ำมาตักและพอเลิกตักทรายก็จะตักดินที่ถมเป็นถนนกลับไปด้วย แต่ก็ยังร่องรอยถนนที่ทำมาให้เห็นอยู่

 

สุจินต์ นฤภัย (เต้)

Loading