ยโสธร ทนายรณณงค์รุดช่วยคดีเสียชีวิตหลังคดีไม่คืบหน้า
12 มิ.ย. 62 เวลา 10.15 น.ที่ ภูธรจังหวัดยโสธร ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมนางสาวสุกัญญา ใจทัด นางสาวขวัญตา ใจทัด ลูกสาวนายชุน ใจทัด และชาวบ้าน บ้านน้อมเกล้า ตำบลบุ่งค้า อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธรกว่า 20 คน ได้หอบเอาโครงกระดูก (หัวกะโหลก) นายชุน ใจทัด ผู้เสียชีวิต ได้มายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ พล.ต.ต. ภิญโญ หวลกสินธุ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยโสธร เพื่อขอความเป็นธรรมให้สืบสวนหาผู้กระทำความผิด ที่ฆ่าอำพรางพ่อของตน อีกทั้งคดีมีความล่าช้า และสลับซับซ้อน
นางสาวขวัญตา ใจทัด ลูกสาวนายชุน เล่าว่า วันที่ 27 กันยายน 2561 พ่อได้หายไประหว่างออกไปทำงานที่สวนยางพารา ที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1 กิโลเมตร ญาติจึงออกตามหาพบเพียงรถจักยานยนต์จอดอยู่ใกล้กระท่อมในสวน ซึ่งก่อนหายตัวไป พ่อมีท่าทีวิตกกังวล และเคยมาเล่ากับตนฟังว่ามีรอยรองเท้าของคนแปลกหน้าขึ้นไปย่ำบนกระท่อมในสวน หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ทั้งนี้ญาติพี่น้องได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เลิงนกทา พร้อมออกติดตามเรื่อยมา และได้เข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมที่อำเภอเลิงนกทา ไปแล้วแต่คดียังไม่มีความคืบหน้า
จนกระทั่ง เดือนมีนาคม 2562 ครอบครัวพบกระดูกมนุษย์กระจัดกระจายอยู่ในไร่อ้อยของเพื่อนบ้านที่มีการเผาทิ้งจนเหลือแต่ตออ้อย โดยชิ้นส่วนที่พบมีบริเวณหัวกะโหลก กระดูกขา และกระดูกแขน พร้อมกันนี้ยังพบ เสื้อ กางเกง ซึ่งครอบครัวมั่นใจว่าโครงกระดูกและเสื้อผ้าที่พบนั้น เป็นของพ่อและยังคิดว่าการพบกระดูกมนุษย์นี้คือการจัดฉาก เพราะพื้นที่ดังกล่าวเคยเข้ามาค้นหาแล้ว แต่ไม่พบ นางสาวสุกัญญา ลูกสาวนายชุน บอกอีกว่า ตนสงสัยผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในพื้นที่ เนื่องจากพ่อตนค้างเงินค่าเหล้า 400 บาท และก่อนที่จะพ่อจะหายตัวไปก็มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันกับคนคนนี้ด้วย ทั้งนี้ผลทางนิติวิทยาศาสตร์ได้ออกมาแล้วด้วยว่า กระดูกที่พบเป็นของพ่อตน ซึ่งตนก็จะเก็บกระดูกพ่อเอาไว้ก่อนยังไม่ทำพิธีจนกว่าจะทวงความยุติธรรมให้พ่อได้สำเร็จ
ตนเสียใจมากที่พ่อมาจากไป พ่อเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นที่ปรึกษา ตอนนี้ได้แต่หวังว่าตำรวจจะจับคนที่ฆ่าพ่อมาดำเนินคดีได้
ด้านทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ กล่าวว่า วันนี้มายื่นเรื่องให้ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยโสธร มีคำสั่ง ขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนให้เป็นทางจังหวัดดำเนินการสืบสวนหาตัวคนร้ายเพราะว่าคดีมีความสลับซับซ้อนและก็ค่อนข้างยาก ส่วนตัวมั่นใจในตำรวจยโสธรแต่ถ้าให้ท้องที่ทำ คาดว่าศักยภาพไม่เพียงพอจะทำคดีนี้ได้และขอให้มีการคุ้มครองพยานในหมู่บ้านที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดเพราะว่าเกิดความหวาดกลัวว่าถ้าจับใครไม่ได้ เขาจะไม่ปลอดภัยในการใช้ชีวิต ชาวบ้านหวาดกลัวมาก มีการคุยกันว่าฆ่าคนตายแล้วตำรวจก็จับไม่ได้ใครจะเป็นรายต่อไปก็ไม่รู้ นอกจากนี้บุคคลต้องสงสัยก็เป็นคนที่ทะเลาะกันอย่างหนักในวันสุดท้ายก่อนที่จะหายไปซึ่งพยานปากนั้นก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำ แต่เราก็ยังอยากให้ตำรวจนำตัวมาสอบปากคำให้ชัดเจนเพราะว่าเรามีเบาะแสเป็นพยานบุคคลที่วันนี้พามาด้วย ก็จะให้คุยกับผู้การโดยตรง ซึ่งเป็นคนที่เห็นในที่เกิด โดยวันนี้มีพยานคนที่เห็นตัวผู้ตายครั้งสุดท้ายที่ยังไม่ตายพยานที่เห็นตอนทะเลาะกันอย่างรุนแรงก็มาด้วย และในส่วนความผิดปกติของกระดูกเรามีความสงสัยเป็นอย่างมาก นอกจากนี้รองเท้าของผู้ตายที่พบอยู่ห่างกันออกไป 2 กิโลเมตรอยู่ห่างจากทุ่งนาไปประมาณ 200 เมตรและห่างจากจุดที่พบศพประมาณ 2 กิโลเมตรเราไม่เชื่อว่าผู้ตายเป็นลมตาย เพราะการตายโดยธรรมชาติ ส่วนตัวคิดว่าก็ต้องอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าท้องที่ได้เก็บหลักฐานบางอย่างไว้ครบถ้วนหรือไม่ เพราะถ้าเก็บไว้ถือว่าเป็นประโยชน์ในการสืบสวน แต่หากไม่ได้เก็บไว้ ก็อยากจะขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวน ซึ่งถ้าทางยโสธรคลี่คลายคดีนี้ไม่ได้ก็จะเอากระดูกเก็บไว้ที่หน้าห้องผู้การไปเรื่อยๆ ทนายรณณรงค์ กล่าวปิดท้าย
ทางด้าน พล.ต.ต. ภิญโญ หวลกสินธุ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยโสธร ได้พูดถึงคดีนี้ว่า สำหรับคดีนี้เราดำเนินการสืบสวนสอบสวนมาตั้งแต่ต้น จนกระทั่งมาพบโครงกระดูกของผู้ตาย ในช่วงแรกเรารับเป็นสำนวนชันสูตรพลิกศพเพื่อที่จะให้ทราบสาเหตุของการตายก่อน โดยอยู่ระหว่างชั่งน้ำหนักว่า สาเหตุของการตายนั้นจะเกิดจากมีผู้กระทำให้ตายหรือไม่ ซึ่งถ้าทางการสืบสวนออกมาปรากฏว่าเป็นเรื่องที่มีผู้ประสงค์ต่อชีวิตหรือกระทำให้ตายก็จะรับเป็นคดีอาญาและกระบวนการสืบสวนสอบสวนก็จะต้องสืบหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป
ทั้งนี้ตั้งแต่ทราบเรื่อง ได้สั่งการให้รองผู้บังคับการลงไปคุมทีมพนักงานสอบสวนดูแลอย่างใกล้ชิดและได้ตั้งทีมสืบสวนเพิ่มเติมต่างหากเพื่อติดตามในประเด็นที่สงสัยว่ามีผู้กระทำให้ตายหรือไม่อย่างไร ซึ่งคาดว่าเร็วๆนี้น่าจะมีความคืบหน้าออกมาให้ได้รู้เพิ่มขึ้น