กาญจนบุรี เจ้าคณะอำเภอ พร้อมเจ้าอาวาสองค์ใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปกครอง ศูนย์ดำรงธรรม กำนันผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านประมาณ 300 คน เข้าเจรจากับกลุ่มพระแม่ชี ที่เข้ายึดวัดแห่งนี้หลังเจ้าอาวาสเดิมมรณภาพไป และทางมหาเถรสมาคมแต่งตั้งเจ้าอาวาสใหม่ไปแทนแล้ว แต่กลุ่มพระแม่ชีเก่าเดิมก็ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎระเบียบมหาเถรสมาคมและเจ้าอาวาสองค์ใหม่ กรรมการวัดจึงต้องดำเนินการตามระเบียบมหาเถรสมาคมและกฎหมายต่อไป
สืบเนื่องเมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2562 ที่ผ่าน พระสมุวิโรจน์ วิโรจนโน เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดรูปที่ 2 พร้อมคณะได้เดินทางไปยังวัดเขาล้านธรรมาราม ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่ออ่านสารตราตั้งเจ้าอาวาสวัดท่านใหม่พร้อมติดตั้งป้ายประกาศให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ย้ายออกจากวัด โดยมีนายทศม เรืองพยุงศักดิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลปากแพรก,เจ้าหน้าที่ปกครองเมืองกาญจนบุรี,เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี,เจ้าหน้าที่ทหาร และชาวบ้านในพื้นที่ร่วมเดินทางตรวจสอบในครั้งนี้
โดยพระสมุวิโรจน์ ได้ทำการสำรวจตรวจสอบสภาพความเรียบร้อยภายในพระอุโบสถของวัดที่ถูกล๊อตกุญแจไว้อย่างแน่นหนาก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่มาทำการตัดออกและเปลี่ยนอันใหม่แทนเพื่อป้องกันการบุกรุกและถูกทำลายจากผู้ไม่ประสงค์ดี จากนั้นได้เดินทางไปยังกุฏิอดีตเจ้าอาวาสวัดที่มรณภาพลง เพื่อจะทำการเปลี่ยนแม่กุญแจดอกใหม่แต่ไม่สามารถหาลูกกุญแจได้จึงจำเป็นต้องตัดออก ขณะเดียวกันได้มีกลุ่มคฤหัสถ์ที่ปฏิบัติธรรมอยู่ภายในวัดเข้ามาข้อทราบรายละเอียดถึงการดำเนินการดังกล่าวพร้อมอ้างถึงแนวทางการปฏิบัติครั้งนี้
จากนั้นได้ พระสมุวิโรจน์จึงได้ทำการอ่านเอกสารชี้แจง จำนวน 2 ฉบับ ดังนี้ “ 1.ตราตั้งเจ้าอาวาสที่ จจ.กจ.12/2562 วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2562 อาศัยอำนาจตามความในข้อ 27 แห่งกฏมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 พุทธศักราช 2541 ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2535 จึงแต่งตั้งให้พระครูสุติกิจวิธาน ฉายา ญาณวีโร นามสกุล วงษจันทร์ อายุ 57 พรรษา 32 วิทยฐานะ นักธรรมเอก,เปรียญธรรม 4,ศศ.ม.สังกัด วัดเทวสังฆาราม ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดเขาล้านธรรมมาราม ตำบลปากแพกร อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี มีหน้าที่และอำนาจตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2535 พระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ที่อยู่ในวัดดังกล่าวข้างต้น จงอยู่ในโอวาทของพระครูสุตกิจวิธาน ซึ่งปฏิบัติการโดยชอบด้วยพระธรรมวินัย กฎหมาย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ ประกาศ ของมหาเถรสมาคม ขอจงถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ในบวรพุทธศาสนาตลอดกาลนานเทอญ ลงนามพระราชวิสุทธเมธี เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี” “2ประกาศเรื่องให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ย้ายออจากวันที่ 001 /2562 เนื่องด้วยวัดเขาล้านธรรมมาราม ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง มีสภาพทรุดโทรมอย่างมาก ไม่สามารถให้สาธุชนและพุทธบริษัทใช้ประกอบศาสนกิจพิธีและปฏิบัติธรรมได้
คณะกรรมการวัดโยมีท่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและประธานชุมชนมีการหารือและมีความเห็นชอบให้ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารและศาสนาสถานที่ชำรุดให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ดังนั้นอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์พุทธศักราช 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2535 มาตรา 37,มาตรา38 แจ้งให้บรรพชิตและคฤหัสถ์ที่อาศัยอยู่ในวัดเขาล้านธรรมารามที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซ่อมบำรุงอาคารทำการย้ายออกจากวัดเขาล้านธรรมาราม ภายในวันที่ 5 กรกฏาคม พ.ศ.2562 ประกาศ ณ.วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2562”
จนกระทั่งหลังจากวันที่ 5 กรกฏาคม 2562 ผู้ที่ตั้งตนว่าเป็นพุทธบริษัทได้เดินทางเรียกร้องขอความเป็นธรรมยังหัวหน้าส่วนราชการว่าตนและพระภิกษุสงฆ์ที่ปฏิบัติธรรมอยู่ภายในวัดถูกกลั่นแกล้งไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเรื่องนี้เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม 2562 นายสมเจตน์ จงศุภวิศาลกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้ประชุมด่วนหารือกรณีวัดเขาล้านที่มีปัญหายื้ดเยื้อและเป็นประเด็นที่สนใจของสังคม ท่ามกลางเหล่าพุทธบริษัทของวัดเขาล้านและพระภิกษุสงฆ์จำนวนหนึ่งได้มายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมและรอคำตอบจากส่วนราชการจึงเดินทางกลับวัด
จนกระทั่งล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 กรกฏาคม 2562 นายยงยุทธ สีสันต์ กำนันตำบลปากแพรก พร้อมด้วย นายทศม เรืองพยุงศักดิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 และ ผู้ใหญ่บ้านใกล้เคียง ร่วมกับชาวบ้านกว่า 300 คนได้เดินทางมาที่วัดเขาล้านธรรมมารามเพื่อทำความสะอาดรอบวัดที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม พร้อมนำแผ่นป้ายเรียกร้องให้พุทธบริษัทที่ปฏิบัติธรรมอยู่ภายในวัดเขาล้านย้ายออกจากพื้นที่โดยด่วนเนื่องจากเกินวันที่คณะสงฆ์ได้กำหนดและจะเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
ซึ่งพระภิกษุสงฆ์และแม่ชีและพุทธบริษัทไม่ใช่คนในพื้นที่ร้อยละ 80 โดยกลุ่มชาวบ้านได้ตะโกนขับไล่พุทธบริษัทให้ออกจากพื้นที่ซึ่งบางส่วนให้ความร่วมมือแต่โดยดี และส่วนที่เหลือยังไม่มีทีท่าจะออกพร้อมขอความเป็นธรรมในการเป็นพุทธบริษัท และขณะที่ได้ทำการเจรจากับกลุ่มที่ไม่ยอมออกจากวัดแห่งนี้ ก็มีแม่ชีได้ทำการใช้โทรศัพท์ไลฟ์สดบรรยากาศ ขณะที่เจ้าหน้าที่มีการเจรจา ทำให้ชาวบ้านบางส่วนเกิดไม่พอใจส่งเสียงขับไล่ให้ออกๆ
โดยมีนายสมศักดิ์ สะมะโน ผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีพันตำรวจเอกธีระพงษ์ ฤทธิ์จรูญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ปกครอง ชุดอส. คอยชี้แจงรายละเอียด รวมถึงดูแลรักษาความปลอดภัย และความสงบเพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย แต่แม่ชีที่เหลืออยู่จำนวน 3 รูปก็ไม่มีทีท่าจะออกจากพื้นที่พร้อมอ้างเหตุผลต่างๆนานาที่จะมาอยู่ภายในวัดต่อ จนกระทั่งพระโสภณกาญจนาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอเมืองจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยพระครูสุติกิจวิธาน เจ้าอาวาสวัดเขาล้านธรรมมาราม รูปใหม่ได้เดินทางมาหาข้อสรุปเพื่อให้เกิดแนวทางร่วมกัน
โดยเบื้องต้นได้สอบถามถึงการเข้ามาปฏิบัติธรรมในวัดแห่งนี้ว่ามีใครเป็นผู้บวชให้และแนวทางในการปฏิบัติเป็นอย่างไร พร้อมขอดูบัตรประชาชนของแม่ชีและพุทธบริษัททั้ง 3 ประกอบด้วย นางมะลิวัลย์ วงค์ไทย อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ที่ 13 ต.บัวงาม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี, นางชนิกานต์ เก่งนอก ที่อยู่ 171/1 หมู่ที่ 2 ต.บ้านกอก อ.จัตรัส จ.ชัยภูมิ, และนางแก้วแสนบุญ ธรรมให้ดี ต.โพธิ์ศรี อ.วิมูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี, ซึ่งทั้ง3 คนไม่ใช่คนในพื้นที่รวมทั้งพุทธบริษัทอีกจำนวนหนึ่งที่ได้เดินทางไปเรียกร้องขอความเป็นธรรมในเวลาเดียวกันส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่คนในพื้นที่เช่น
จากการพูดคุยเพื่อหาทางออกสรุปได้เนื่องจากแม่ชีและพระภิกษุสงฆ์และพุทธบริษัทที่ปฏิบัติธรรมกันอยู่ภายในวัดเขาล้านแห่งนี้ได้ละเมิดคำสั่งของคณะสงฆ์ที่ให้ทำการย้ายออกจากวัดตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านพร้อมได้เดินทางไปเรียกร้องกับส่วนราชการซึ่งแท้จริงยังไม่ใช่ข้อปฏิบัติที่ถูกที่ควรดูว่าไม่เหมาะสมอันควร ตลอดจนได้ทำการเข้าไปพักอาศัยภายในกุฏิพระภิกษุสงฆ์ และพระอุโบสถภายในวัด ที่ทำการเปลี่ยนแม่กุญแจใหม่เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมาโดยไม่ได้รับอนุญาต และผิดตามข้อกำหนดที่ทางคณะสงฆ์ได้นำไปติดไว้ซึ่งถูกรื้อถอนออกมาภายหลัง และประเด็นที่สำคัญชาวบ้านในพื้นที่ไม่ได้ให้การสนับสนุนกับพุทธบริษัทที่มาปฏิบัติธรรม ที่วัดเขาล้านแห่งนี้ เนื่องจากเป็นคนนอกพื้นที่ และที่ผ่านมาคนในพื้นที่ไม่สามารถเข้ามายังวัดแห่งนี้ได้ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่รับความปลอดภัย โดยเบื้องต้นได้มีข้อสรุปจากเจ้าคณะจังหวัดว่าทุกอย่างต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบมหาเถรสมาคมที่ออกมาเท่านั้น.
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี