วันพุธ, 8 พฤษภาคม 2567

สืบภาค 1”รวบแล้ว”โจรสวมชุดบุรุษไปรณีย์”อ้างโยนทิ้งข้างทาง”

26 ต.ค. 2019
13

เดอะโอ๋!!! นำทีมสืบสวน ภ.1 รวบโจรชุดไปรษณีย์ อ้างโยนทองทิ้งข้างทาง


วันที่ 25 ต.ค. พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.เลิศชาย จำปาทอง รอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ธงรบ แจ้งจิตผกก.สส.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางแก้วพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายพงษ์ดนัย คำเพชรดี หรือ โอ๊ต อายุ 25 ปีอยู่บ้านเลขที่ 333/88 ม.1 ต.บางโฉลง อ.บางพลี

จว.สมุทรปราการผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 677 / 2562 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2562 ในข้อหา”ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธ ทำตัวประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ และโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำความผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” ภายหลังคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังห้างเพชรทองออโรร่า ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีก็ต้องรีบเดินทางกลับเนื่องจาก มีพนักงานจากร้านไทยวัสดุจำนวนหนึ่ง ฮือเข้ามาจะประชาทัณฑ์เพราะส่วนใหญ่โกรธแค้นผู้ต้องหา ที่มาลงมือก่อเหตุอย่างอุกอาจ
พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่าเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2562 เวลประมาณ 09.40 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว ได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่าภายในห้างไทวัสดุ ริมถนนบางนา-ตราด หมู่ 13 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ จึงเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ พบคนร้ายเป็นชาย 1 คนใช้รถยนต์ตู้ไปรษณีย์เป็นยานพาหนะสวมใส่เสื้อไปรษณีย์ กางเกงสีดำสวมหมวกนิรภัยแบบเต็มใบสีแดงคาดขาวสูงประมาณ 170 ซม.สวมถุงมือเดินถือกล่องไปรษณีย์ มีสายไฟโพล่ออกมาจากกล่อง นำมาวางไว้ที่หน้าเค้าเตอร์ ร้านทอง ข่มขู่พนักงานขายว่า เป็นระเบิดและยื่นถุงพลาสติกหูหิ้วสีเขียวที่ถือมาด้วยให้พนักงานขายทอง โดยได้หยิบวัตถุคล้ายอาวุธปืนจากกระเป๋าเสื้อด้านขวาออกมาข่มขู่ให้พนักงานหยิบทองใส่ถุง พนักงานหยิบสร้อยคอทองคำจำนวน 11 เส้นน้ำหนักรวมทั้งหมด 4 บาท 50 สตางค์ใส่ถุงให้คนร้ายแล้ววิ่งหลบหนีไป

ขึ้นรถยนต์ตู้ไปรษณีย์ สีขาว แดง ทะเบียน 1 ฒน 150 กทม.หลบหนีไปทางถนนบางนา-ตราด มุ่งหน้าเข้ากทม.ต่อมาได้พบรถยนต์ไปรษณีย์คนร้ายได้จอดทิ้งไว้ ท้ายซอยบางนา-คตราด 56 แต่ไม่พบตัวคนร้าย
พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวต่อว่าได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ภ.1 พร้อมสืบสวน ภ.จว.สมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว สนธิกำลังร่วมกันกำหนดแนวทางการสืบสวน โดยตรวจสอบกล้องวงจรปิดในเส้นทางก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ พร้อมนำตัวพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนปากคำนำไปเสก๊ตซ์ภาพคนร้ายลงพื้นที่ตรวจสอบสิ่งของที่คนร้ายทิ้งระหว่างหลบหนี พบรองเท้าและเสื้อเชิตของคนร้ายนำมาจัดเก็บ ดีเอ็นเอ ของคนร้าย ตรวจสอบตอบจากกลุ่มผู้ต้องสงสัยโดยเฉพาะพนักงานไปรษณีย์บางพลีและพนักงานของไทยวัสดุบางนา นำตัวผู้ต้องสงสัยตรวจสอบ ดีเอ็นเอ เพื่อเปรียบเทียบอย่างต่อเนื่อง

พล.ต.ต.ธนายุตม์ เปิดเผยอีกว่าวันที่ 24 ต.ค.2562 ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าพบบุคคลต้องสงสัยลักษณะตำหนิรูปพรรณไกล้เคียงกับคนร้ายที่ก่อเหตุ คือนายพงษ์ดนัย หรือ โอ๊ต คำเพชรดี อายุ 25 ปีอยู่บ้านเลขที่ 33/88 ม.1 ต.บางโฉลง อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่อาคารลุมพีนีวิลล์ 3 ห้องเลขที 19/43 ชั้น 3 ม.7 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ ได้ตรวจสอบข้อมูลบุคคลพบว่าเคยทำงานเป็นพนักงานที่ไปรษณีย์บางพลี และพนักงานไทยวัสดุบางนา เคยมีประวัติต้องโทษคดียาเสพติดและอาวุธปืน ปัจจุบันไม่ประกอบอาชีพ จากการตรวจสอบรูปภาพในเฟสบุ๊คส่วนตัวพบนายพงษ์ดนัยเคยสวมใส่เสื้อ หมวก กระเป๋าสะพาย และรอยสักที่แขนซ้ายตรงกับของคนร้าย จึงได้ติดตามตัวพยานที่เห็นหน้าและจดจำคนร้ายได้ มาดูภาพนายพงษ์ดนัยยืนยันว่าเป็นคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดสมุทรปราการออกหมายจับนายพงษ์ดนัย โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธ ทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ และโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำความผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ได้อนุมัติหมายจับนายพงษ์ดนัย ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ จ.677/2562 ลง 25 ต.ค.2562

จากการสอบสวนนายพงษดนัยให้การรับสารภาพว่าตนเคยทำงานอยู่ที่ทำการไปรษณีย์บางพลี ออกมาได้ประมาณ 2 ปีแล้วตนก็มาสมัครเข้าทำงานที่ร้านไทวัสดุ บางแก้ว ที่เกิดเหตุและตนเพิ่งลาออกไปได้ไม่นาน ซึ่งการเข้ามาทำงานในร้านเพื่อดูลาดเลาและจังหวะที่จะก่อเหตุโดยตนได้ศึกษาวิธีการปล้นมาจากยูทูบ หลังจากได้ทองมา 4 บาท 50 สตางค์ ตนได้โยนของกลางทิ้งไปทั้งหมดเหลือไว้เพียง 1 เส้น นำไปจำนำในราคา 9,000 บาทและตนนำเงินไปใช้หมดแล้ว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำกล่าวอ้างดังกล่าว จะได้มีการสอบสวนโดยละเอียดต่อไป.

Loading