วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

กาญจนบุรี”เฒ่าหึงโหด”คว้ามีดสับคอเพื่อนบ้านดับ 3 ศพ

11 ส.ค. 2020
19

กาญจนบุรี สุดอนาถฆ่ากันดับ 3 ศพ เส้นทางไปจุดเกิดเหตุลำบากสุดๆ!! เฒ่าหึงโหด คว้ามีดพร้าสับคอเพื่อนบ้านหวิดขาด เพราะพิษความหึงหวง

 

เมื่อเวลา 18.30 น. วานนี้ 10 ส.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ ร.ต.ท.จีรพงศ์ เกิดเรณู รอง.สวส.สภ.สังขละบุรี ขณะปฎิบัติหน้าที่ร้อยเวร.ได้รับแจ้งจาก นายประสงค์ สังขสวุรรณ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลไล่โว่ หมู่ 4 บ้านไล่โว่-สาละวะ ว่าได้รับแจ้งทางไลน์จากชาวบ้าน ที่บ้านไล่โว่ ว่ามีเหตุฆ่ากันตายจำนวน 3 ศพ ในหมู่บ้าน ตนเองจึงมาแจ้งเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบข้อมูลไว้ในเบื้องต้น

ร.ต.ท.จีรพงศ์ เกิดเรณู จึงได้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่แพทย์ประจำโรงพยาบาลสังขละบุรี เพื่อเตรียมตัวเข้าพื้นที่บ้านไล่โว่ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลและมีความยากลำบากในการเดินทาง โดยมีระยะทางห่างจากตัวอำเภอสังขละบุรี เพียง 23 ก.ม.เศษ ต่อมาในเวลา19.00 น.ขณะที่คณะกำลังจะเดินทางเข้าพื้นที่ ได้รับแจ้งจากนายสมชาย วุฒิพิมลวิทยา นายก อบต.ไล่โว่ ว่าบนเส้นทางจากหน่วยพิทักษ์ป่าตะเคียนทอง-บ้านสาละวะ ได้มีรถยนต์ของชาวบ้านจอดเสียอยู่กลางทาง นอกจากนั้นบนเส้นทางช่วงบ้านสาละวะ-บ้านไล่โว่ บริเวณที่เป็นเขาสูงชัน ได้มีรถยนต์จอดเสียอยู่บนเขาอีก 1 คันทำให้ไม่สามารถเดินทางเข้าได้ จำเป็นต้องเดินทางเข้าในวันรุ่งขึ้น

 

เมื่อเวลา 8.00น.วันนี้ ร.ต.ท.จีรพงศ์ เกิดเรณู พร้อมด้วย พญ.วีระภรณ์ วิวัฒนเกษมสุข พร้อมด้วย นายสมชาย วุฒิพิมลวิทยา นายก อบต.ไล่โว่ จึงได้เดินทางเข้าพื้นที่บ้านไล่โว่ ด้วยรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ของ.อบต.ไล่โว่ จำนวน 2 คัน ใช้เวลาเดินทางกว่า 2 ชม.บนเส้นทางที่ยากลำบาก จึงถึงที่เกิดเหตุ โดยมีนายคมสันต์ พิทักษ์ชาติคีรี ผู้ใหญ่บ้าน และ ร.ท.กรันชัย ภควัฒน์นานนท์ หัวหน้าชุดประสานงานโครงการพัฒนาชุมชนฯ และชาวบ้านจำนวนมากในที่เกิดเหตุ

โดยบนถนนคอนกรีตกลางหมู่บ้าน ซึ่งอยู่เยื้องๆบ้านเลขที่ 19 หมู่ที่ 4 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พบศพ นายชาตรี สังขฐิติ อายุ 47 ปี ชาวบ้านบ้านสะเนพ่อง หมู่ที่ 1 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นอนเสียชีวิต โดยมีบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคม จากต้นคอขวาเฉียงลงไปยังไหล่ซ้าย จนคอหวิดขาด นอกจากนั้น ที่บ้านเลขที่ 2/2 ซึ่งเป็นบ้านไม้ไผ่ยกพื้นสูง พบศพ นายชำนิ แก้วชลาลัย อายุ 62 ปี เจ้าของบ้านนอนเสียชีวิตอยู่บริเวณพื้นดิน โดยมีร่องรอยบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมบริเวณลำคอเป็นแผลฉกรรจ์ จำนวน 3 แผลด้วยกัน โดยศพที่ 2 อยู่ห่างจากศพแรกประมาณ 150 เมตร

ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังบริเวณ ด้านหลังของบ้านเลขที่ 19 ซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 15 เมตร พบศพนายพอทุ่ง ไม่มีนามสกุล อายุ 54 ปี เจ้าของบ้าน นอนเสียชีวิตในสภาพที่กอดปืนแก๊ปไว้กับอก บริเวณริมฝีปากมีเขม่าดินปืนเกาะอยู่ ข้างๆศพ พบอุปกรณ์ของปืนแก๊ปตกอยู่ ห่างจากจุดที่พบศพนายพอทุ่งประมาณ 1 เมตร พบมีดพร้าเล่มใหญ่คมวับ ความยาวประมาณ 50 เมตร ตกอยู่ โดยนิ้วเท้าขวาของนายพอทุ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงไกปืน จึงคาดว่านายพอทุ่งอมปลากระบอกปืนแก๊ปไว้ โดยใช้นิ้วเท้าในการลั่นไก

จาการสอบถามนางย่งตวย ตุณก้องยืนยง ภรรยา นายพอทุ่งให้การว่า นายพอทุ่งเป็นคนลงมือฆ่า นายชาตรีและนายชำนิ ด้วยการใช้มีดพร้าฟัน ก่อนจะใช้ปืนแก๊ปของตัวเองยิงตัวตาย เพื่อหนีความผิด โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 16.00 ของเมื่อวานนี้ ก่อนเกิดเหตุสลดในครั้งนี้ ขณะที่ตนเองกำลังทอผ้าด้วยกี่เอว อยู่บริเวณระเบียงบ้าน นายพอทุ่ง สามีบอกกับตนเองว่าจะไปตกปลา โดยเดินลงจากบ้านพร้อมตระกร้าใส่ปลา พร้อมเบ็ดตกปลา โดยมุ่งหน้าไปทางบ้านนายชำนิ ซึ่งเป็นทิศทางที่มุ่งไปสู่ลำห้วยท้ายหมู่บ้าน ที่ชาวบ้านทุกคนที่ไปตกปลาต้องไปกัน เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 20-25 นาที

นายพอทุ่ง สามีเดินทางกลับมาบ้านโดยมีปืนแก๊ปถืออยู่ในมือ ลักษณะคลุ้มคลั่ง พร้อมพูดกับตนเองว่า ได้ไปฟันนายชาตรีและนายชำนิ ตายสมใจแล้ว ไม่ต้องห่วงตนเองว่าจะโดนตำรวจจับ ตนเองจะแก้ปัญหาเอง ด้วยความตกใจที่เห็นสภาพสามี นางย่งตวย จึงรีบลงจากก่อนเพื่อวิ่งไปยังบ้านญาติที่อยู่หลังถัดไป ลับหลังไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดัง1นัด ก่อนจะมีเพื่อนบ้านมาแจ้งว่า นายพอทุ่งสามี ยิงตัวตายบริเวณหลังบ้าน..เสียงภาษากะเหรี่ยง

ขณะที่นายรุ่ง พรหมมา ลูกเขยนายชำนิ ผู้ตายคนที่ 2 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวานตอนเกิดเหตุตนเองกับภรรยาและลูกและนายชำนิ นั่งอยู่บนบ้าน โดยนายชำนิ พ่อตากำลังนั่งตัดหมากกิน บริเวณชานบ้านใกล้เปล ที่ชอบนอนเล่นเป็นประจำขณะนั้นนายพอทุ่ง ได้เดินขึ้นมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ก่อนจะตรงไปที่นายชำนิพร้อมงื้อมีดพร้าฟันเข้าไปที่ร่างนายชำนิ ครั้ง ท่ามกลางความตกใจและเสียงกรีดร้องร้องคนบนบ้าน จนร่างของนายชำนิตกลงไปยังพื้นด้านร่างและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนายพอทุ่งหลังเกิดเหตุได้เดินลงจากบ้านไปไม่นาน ก็มีเสียงปืนดังขึ้น1นัด ก่อนจะมารู้ภายหลังว่า นายพอทุ่งได้ใช้ปืนยินตัวตาย ซึ่งตนเองไม่ทราบสาเหตุการลงมือในครั้งนี้ของนายพอทุ่งเหมือนทุกคนในหมู่บ้าน

ขณะที่นายสมบูรณ์ คุณก้องยืนยง ลูกชายนายพอทุ่งเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เย็นวันเกิดเหตุพ่อได้หุงข้าวจนสุก ขณะที่แม่นั่งทอผ้าอยู่ พ่อได้บอกว่าจะไปตกปลา ก่อนจะลงจากบ้านไปพร้องตะกร้าใส่ปลาและเบ็ดตกปลา พ่อเดินไปถึงจุดที่พบศพนายชาตรี ตนเองได้ยินเสียงคล้ายพ่อคุยกับใครสักคน ก่อนจะออกยื่นหน้าไปดูที่หน้าต่างเห็นนายชาตรี โดนพ่อตนเองฟันเสียชีวิตแล้วจึงรีบลงจากบ้านขับมอเตอร์ไซดเดินทางไปยังบ้านสาละวะเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ทหาร ชุดประสานงานฯและแจ้งผู้ใหญ่บ้าน เนื่องจากสภาพถนนที่ลำบาก ทำให้กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็มืดแล้ว จึงพบว่าพ่อได้ฆ่าตัวตายด้วยการใช้ปืนแก๊ปยิงตัวเอง ซึ่งตนเองก็ไม่รู้สาเหตุ พร้อมเปิดเผยว่าเช้าวันเกิดเหตุเห็นพ่อนั่งลับมีดพร้าเล่มที่ก่อเหตุอย่างใจจดจ่อ เป็นเวลานานมาก แต่ก็ไม่ได้สงสัย เนื่องจากคิดว่าพ่อจะเข้าไร่

จากการให้ข้อมูลของชาวบ้านบางคน พบว่าปกติ นายพอทุ่งเป็นคนหึงหวงภรรยา เวลาภรรยาไปไหนนายพอทุ่งจะติดตามไปด้วยเสมอ แม้ในเวลาที่ภรรยาไปนุ่งตกปลาก็จะตามไปเฝ้า ทั้งนี้นายพอทุ่งเคยเปรยกับเพื่อนๆที่สนิท ว่าตนเองจะต้องฟันนายชำนิสักที เนื่องจากไม่ชอบที่นายชำนิ ชอบมาทำลุ่มล่ามกับภรรยาของตนเอง เวลาที่เมาเหล้า แม้ตนเองจะเคยเตือนแล้วก็ตาม

ส่วนนายชาตรี เป็นชาวบ้านสะเนพ่อง มามีภรรยาที่บ้านไล่โว่ และช่วงฤดูฝนจะเดินทางมาทำนาที่บ้านไล่โว่ ซึ่งก่อนหน้านี้ 1-2 วัน นายพอทุ่ง เห็นว่านายชาตรียืนคุยกับภรรยา บริเวณท้ายหมู่บ้านขณะที่เดินทางกลับจากการดำนาซึ่งอยู่ท้ายหมู่บ้าน อาจทำให้เกิดการหึงหวง

โดยคาดว่านายพอทุ่งน่าจะเตรียมการไว้ โดยการลับมีดเตรียมไว้ และเตรียมปืนไว้สำหรับฆ่าตัวตายหลังเกิดเหตุ วันเกิดเหตุพอลงจากบ้านไปถึงจุดเกิดเหตุที่ฆ่านายชาตรี เป็นจังหวะที่นายชาตรี กำลังเดินทางกลับเข้าหมู่บ้านมาเอาน้ำมันไปไถนา เนื่องจากน้ำมันหมด อาจมีการพูดคุยกัน โดยที่นายชาตรีไม่รู้ตัวว่าอีกฝ่ายประสงค์แก่ชีวิต ทำให้ไม่ทันระวังจึงถูกฟันโดยไม่ทันตั้งตัว..ซึ่งภายหลังเกิดเหตุการณ์ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านต่างต้องเสีย โดยศพของนายพอทุ่งและนายชำนิ..ญาติจะได้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาด้วยวิธีการฝัง ส่วนศพนายชาตรี สังขฐิติ ญาติจะได้นำกลับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่บ้านสะเนพ่อง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ดำเนินคดีกับใคร เนื่องจากผู้ก่อเหตุได้ฆ่าตัวตายหนีความผิดไปก่อนแล้ว

ปรีชา ไหลวารินทร์ / กาญจนบุรี

Loading